xs
xsm
sm
md
lg

โป๊ะแตกซะงั้น!! สร้างสุดยอดซีรีส์ 'อินวิคตัส' ป้อน Netflix ทั้งที ปรินซ์แฮร์รีทรงจิกคิงชาร์ลส์แถมไป แต่ถูกจับได้ บิดเบือนล้วนๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นศูนย์กลางการเล่าเรื่องราวของ 6 ทหารผู้กล้าตลอดทั้ง 5 เอพพิโซด โดยเริ่มจากการให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ความทุกข์จากโรค PTSD ที่พระองค์เผชิญโดยตรง เสียงตอบรับปรากฏมาทั้งบวกและลบ บ้างมองว่าทรงโปรโมทตนเองแฝงไปในซีรีส์อย่างที่ไม่โอเคเลย แต่บ้างกลับมองเป็นตรงข้ามว่าพระองค์ทำได้นุ่มนวลอบอุ่น
มีโอกาสออกสื่อครั้งใหญ่ เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่รีรอ ทำการโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษแถมไปในเซ็ตแบบอัดแรงซี้ดซ้าดกันทีเดียว โดยในภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus ที่พระองค์ทรงเป็นโปรดิวเซอร์บริหารและปรากฏตัวในทุกเอพพิโซด ทรงให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งด้วยคำกล่าวอ้างว่า พระราชวงศ์ทรงมิได้ช่วยเหลือสนับสนุนการบำบัดให้พระองค์พ้นจากบาดแผลดวงใจที่ทุกข์ตรมฝังลึก จากการสูญเสียพระมารดา - เจ้าหญิงไดอานา ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ปี 1997 เดอะซัน เจ้าพ่อสื่อหัวสีแห่งเมืองผู้ดีรายงาน

แต่ทว่า ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus เปิดตัวให้ท่านผู้ชมจ่ายเงินไปสตรีมมาดู ยังไม่เต็มหนึ่งวัน จากเริ่มให้สตรีมเมื่อเวลา 8.00 น. ของวันพุธ 30 สิงหาคม พอตกค่ำ เจ้าชายแฮร์รี ก็ถูกจับโป๊ะถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างโล่งโจ้งสุดๆ นี่ยังดีว่าการนำเสนอเนื้อหาชีวิตและการฟื้นตัวของทหารหาญผู้บาดเจ็บร้ายแรงจากศึกสงคราม เป็นไปอย่างน่าประทับใจ เสียงวิจารณ์จึงตีคู่กันมากับเสียงชมเชย

Heart of Invictus – ดวงใจผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ 
ซีรีส์ 5 เอพพิโซด เดินเรื่องด้วยชีวิตจริงของ 6 ทหารหาญ 6 ชาติ ทั้งทหารชายและทหารหญิง พวกเขาเจ็บป่วยรุนแรง พวกเขาได้รับบาดเจ็บทางกาย กลายเป็นคนพิการ และพวกเขามีจิตใจที่ปวดร้าวป่วยไข้ไม่อาจยุติได้ อันนำไปสู่โรคผิดปกติทางจิตหลังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง (PTSD - Post-traumatic stress disorder) ซึ่งก่ออาการขึ้นมาในระหว่างการรับใช้ชาติในสนามรบและสงคราม

ทหารทั้ง 6 นายเป็นตัวแทนของทั้งทหารผ่านศึกและทหารที่ยังประจำการ ทั้งทหารร่างพิการและทหารที่ต่อสู้กับสภาวะจิตเภทหลังจากเคยเฉียดความตาย แต่ละนายต่างได้รับแรงบันดาลใจให้หันมาต่อสู้ชะตากรรม พัฒนาศักยภาพขึ้นได้ จนสามารถเป็นตัวทีมชาติและเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬานานาชาติอินวิคตัส เกมส์ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ปี 2022

โดยในเอพพิโซดที่สองของซีรีส์ “ดวงใจแห่งอินวิคตัส” Heart of Invictus ปรินซ์แฮร์รีทรงปรากฏพระองค์ ประทานสัมภาษณ์ว่าหลังเสด็จกลับจากพระภารกิจทางทหารในอัฟกานิสถาน ความทรงจำแห่งการสูญเสียพระมารดาเข้าท่วมท้นพระองค์ ทำให้พระองค์จมลึกในวิกฤติทางจิตใจอันเจ็บปวดรุนแรงกระทั่งพระกายล้มนอนขดงอดั่งตัวอ่อนในครรภ์มารดา

ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ในประเด็นประสบการณ์ส่วนพระองค์กับการต่อสู้โรค PTSD ที่พระองค์ไม่ตระหนักว่าโรคนี้ก่อตัวตั้งแต่พระชนมายุเพียง 12 พรรษาเมื่อทรงสูญเสียพระมารดา – เจ้าหญิงไดอานา ในอุบัติเหตุรถยนต์ แล้วมาลุกลามอย่างหนักหลังจากทรงจบพระภารกิจในอัฟกานิสถานและเสด็จกลับอังกฤษ

“ผมขอพูดเฉพาะประสบการณ์ส่วนตัวครับ ตอนนั้นผมถูกส่งไปประจำการในอัฟกานิสถาน ปี 2011 เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช” ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าถึงความเป็นมา

เจ้าชายแฮร์รีทรงสำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ และรับราชการทหาร โดยทรงประจำการในสมรภูมิอัฟกานิสถาน ในภาพนี้ ทรงปฏิบัติพระภารกิจนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช ระหว่างปี 2012-2013

ในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รีทรงประจำการที่อัฟกานิสถาน คณะสื่อมวลชนได้รับเชิญให้ไปทำรายงานข่าว ซึ่งเห็นได้ว่าเจ้าชายทรงสนุกกับชีวิต และได้ค้นพบศักยภาพพิเศษของตนเอง
“สักช่วงหนึ่งหลังกลับจากอัฟกานิสถาน ความทรงจำเจ็บปวดปะทุขึ้นในตัวผม”

ทั้งนี้ ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียพระมารดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ระอุรุนแรงขึ้นมา และพระองค์ก็คอยกดพระอารมณ์ไว้แน่นหนา “เหมือนกับที่คนอายุน้อยส่วนใหญ่มักจะทำกัน”

พระราชโอรสพระองค์สุดท้องของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเล่าอย่างนั้น และกล่าวอ้างว่าพระราชวงศ์ทรงมิได้ช่วยเหลือสนับสนุนการบำบัดให้พ้นจากบาดแผลดวงใจที่ทุกข์ตรมฝังลึก

“การดิ้นรนต่อสู้ที่หนักหนาที่สุดสำหรับผมก็คือ ไม่มีผู้ใดรอบตัวผมเข้ามาช่วย ผมไม่มีโครงสร้างความสนับสนุน ไม่มีเครือข่าย หรือคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่จะบอกว่าจริงๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับผม


“โชคร้ายเหลือเกินผมเป็นเหมือนพวกเราส่วนใหญ่ คือ ครั้งแรกที่คุณคิดจริงๆ จังๆ ที่จะเข้ารับการบำบัด คือเมื่อคุณนอนคาอยู่กับพื้น รวดร้าวขดงอดั่งตัวอ่อนในท้องแม่ อาจจะนึกปรารถนาว่าคุณน่าจะจัดการกับเรื่องอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว และนั่นคือวันที่ผมต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

(ภาพซ้ายและภาพขวาบน) บรรยากาศขณะที่เจ้าชายแฮร์รีขณะประทานสัมภาษณ์เพื่อตัดต่อลงในเอพพิโซด2 โดยทรงเล่าว่า หลังกลับจากอัฟกานิสถาน ความทรงจำอันเจ็บปวดจากการสูญเสียพระมารดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้ระอุรุนแรงขึ้นมา (ภาพขวาล่าง) ความทุกข์ตรมจากการสูญเสียพระมารดาปรากฏชัดเจนบนพระพักตร์ของเจ้าชายแฮร์รี ณ พระชนมายุ 12 พรรษา เมื่อปี 1997

ภาพนี้เป็นพระโมเมนต์หนึ่งซึ่งแสนเศร้าขณะทรงพระดำเนินในขบวนแห่พระศพพระมารดาไดอานา ด้วยกันกับพระบิดา เจ้าชายชาร์ลส์ (พระอิสริยยศขณะนั้น) พระอัยกา เจ้าชายฟิลิป (ทรงประทับยืนทางซ้ายสุดแต่ไม่ทรงปรากฏในพระรูปนี้) พระเชษฐาเจ้าชายวิลเลียม และท่านเอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 9 ผู้เป็นน้าชาย

ด้วยความที่ทรงพระเยาว์จึงเป็นการยากเหลือเกินที่จะยอมรับความจริงอันโหดร้ายของชะตาชีวิต เจ้าชายแฮร์รีน่าจะเป็นพระราชวงศ์ที่เจ็บปวดมากที่สุดกับการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา พระบิดาจึงทรงสงสารและปกป้องเป็นพิเศษ เจ้าชายแฮร์รีทรงเล่าเองว่าในทุกครั้งที่มีความขัดแย้งกับพระเชษฐา พระบิดาจะเล่นงานพระเชษฐาวิลลี ขณะเดียวกัน ในทุกวิกฤติของชีวิต เจ้าชายแฮร์รีจะเอาตัวรอดได้เสมอด้วยการปกป้องของพระบิดา แม้แต่วิกฤติร้ายแรงกรณีทรงสวมเครื่องแบบนาซีไปร่วมงานปาร์ตี และภาพถ่ายของพระองค์ตกสู่สื่อมวลชน กลายเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก ในครั้งนั้นนักการเมืองเรียกร้องให้เจ้าชายแฮร์รีออกโทรทัศน์ขออภัยประชาชน แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มิได้ทรงยอมตามแรงกดดัน ทรงปกป้องพระโอรสด้วยคำอธิบายตัดจบว่า ปรินซ์แฮร์รีได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
เดอะซันรายงานถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รีที่ทรงบอกไว้ถึงประสบการณ์อันร้ายกาจจากโรค PTSD หลังผ่านสมรภูมิ และการตัดสินพระทัยที่จะต่อสู้ ซึ่งทำให้พระองค์สามารถพ้นออกมาจากปัญหาได้ อันเป็นประสบการณ์ละม้ายกับที่ทหารจำนวนมากเคยเผชิญและเคยพลิกชะตากรรมย่ำแย่ ไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นด้วยตนเอง

หลังจากนั้น เดอะซันทำการเตือนพระราชโอรสแห่งกษัตริย์ชาร์ลส์ ถึงข้อมูลจริงที่ไม่ใคร่จะตรงกับเรื่องเล่าในเวอร์ชั่นนี้ของพระองค์ ดังนี้

ในปี 2017 ปรินซ์แฮร์รีเคยบอกไบรโอนี กอร์ดอน ในรายการพอดแคสต์ The Mad World ว่าพระเชษฐาวิลเลียมทรงกระตุ้นให้พระองค์ไปพบแพทย์และรับการบำบัด แถมยังกล่าวในตอนนั้นด้วยว่า ทรงรู้สึกขอบคุณพระเชษฐา

“มันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาน่ะครับ และสำหรับผม คือ พี่ชายผม ขอบคุณเขามาก เขาเป็นซัปพอร์ตสนับสนุนอย่างใหญ่หลวงสำหรับผม”

“พี่วิลเลียมจะคอยบอก อันนี้ไม่ถูกต้องนะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องปกตินะ น้องต้องไปหาหมอ ไปคุยเรื่องนี้กับหมอ ไปหาหมอเถอะไม่มีอะไรเสียหาย” ปรินซ์แฮร์รีเล่าไว้อย่างนั้น

และในปี 2017 เช่นกัน ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์เคยกล่าวเปิดใจแบบเดียวกันนี้ให้กับ แอนเจลา เลวิน นักเขียนคนดังผู้เลื่องลือกันว่ารู้จักรู้ใจเจ้าชายแฮร์รีอย่างละเอียดลึกซึ้ง

(แอนเจลา เลวิน ได้ทำโปรเจ็กต์ชีวประวัติเจ้าชายแฮร์รี ในปี 2017 ซึ่งได้ตามเสด็จเจ้าชายไปในพระกรณียกิจต่างๆ ตลอดหนึ่งปีเต็ม รวมถึงการได้เข้าไปสัมภาษณ์ที่พระตำหนักในพระราชวังเคนซิงตันหลากหลายครั้งตลอดปีเช่นกัน หลังจากนั้น หนังสือขายดีเรื่อง Harry: Conversations with the Prince แฮร์รี: การสนทนากับเจ้าชาย ออกวางแผงในปี 2018)

ในช่วงชีวิตที่ปรินซ์แฮร์รียังมิได้เสกสมรสกับนางเมแกน มาร์เคิล พระองค์ยังทรงแสดงให้เห็นถึงความรักเหนียวแน่นกับพระเชษฐาวิลเลียม โดยต่างทรงดูแลและประคับประคองกันและกันเพราะพระมารดาไดอานาทรงไม่ประทับอยู่ด้วยแล้ว แต่บรรยากาศในเชิงการแข่งขันที่น้องต้องชนะพี่ มีให้เห็นบ่อยครั้ง โดยท่านผู้ชมเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มักเกิดขึ้นกับน้องชายสายบู๊ แต่หลังจากที่ทรงมีดัชเชสเมแกนเคียงข้าง บรรยากาศในทางแข่งขันเอาชนะแหลมคมชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คำบอกเล่าของแอนเจลา เลวิน ว่าปรินซ์แฮร์รีทรงต่อต้านปรินซ์วิลเลียม จึงเป็นอะไรที่ท่านผู้ชมไม่รู้สึกประหลาดใจ

แม้การที่ปรินซ์แฮร์รีทรงกล่าวร้ายป้ายสีพระราชบิดาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเรื่องไม่ดีอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องนับว่าเป็นบุญมหาศาลสำหรับคิงชาร์ลส์ที่ 3 ที่พระราชโอรสพระองค์เล็กทรงไม่งอมแงมในยาเสพติด ดังนั้นการใช้กุศโลบายที่เปิดโอกาสให้ปรินซ์ทรงแสวงหาบทบาทและความภาคภูมิใจได้เต็มที่ตามพลังขับเคลื่อนเฉพาะตัว จึงไม่ถึงกับมีความเสี่ยงสูง เมื่อปรินซ์ทรง “ปล่อยของ” เป็นที่พอพระทัย และพร้อมจะกลับบ้าน ปรินซ์จะไม่ถึงกับเสียหายบอบช้ำหนักหนาเกินเยียวยา ในภาพนี้เป็นช่วงวิกฤติชีวิตของปรินซ์แฮร์รีที่ทรงถูกสื่อใหญ่น้อยขยี้ข่าวการเสพยาจนเป็นเรื่องอื้อฉาวรุนแรง ด้านคิงชาร์ลส์ทรงแก้ปัญหาอย่างเปี่ยมเมตตา และในไม่ช้าปรินซ์ก็ทรงยอมเข้ารับการบำบัดตามที่พระบิดาทรงขอร้อง แม้ในหลายๆ ปีต่อมาจะทรงกลับไปเสพอีก แต่ยังสามารถรักษาระดับไม่ให้กลายเป็นทาสยา
โดยแอนเจลา เลวิน ถ่ายทอดสู่เดอะซันว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงอ้อนวอนพระอนุชาครั้งแล้วครั้งเล่าให้เข้ารับการบำบัดรักษา

“ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าถึงปัญหาสุขภาพจิตใจของพระองค์ค่ะ คือ พระองค์บอกกับดิฉันเมื่อปี 2017 ถึงปัญหาความทุกข์ใจว่ารุนแรงเพียงใด และบอกว่าพระองค์ทรงคอยแต่จะฝังมันไว้ใต้ผืนทราย

“ด้านปรินซ์วิลเลียมก็ทรงพยายามมานานแสนนานที่กล่อมให้ปรินซ์แฮร์รีไปพบแพทย์พบผู้เชี่ยวชาญ

“ปรินซ์แฮร์รีกล่าวดิฉันอย่างนี้ค่ะ: ‘คุณน่าจะทราบว่ามันเป็นอย่างไร คุณก็คงไม่อยากจะถูกพี่ชายมาบอกว่าต้องไปทำโน่นทำนี่

“เรื่องของเรื่องคือ ปรินซ์แฮร์รีไม่ใช่คนที่จะแคร์หรือจะฟังใครทั้งนั้น

“ท่านทั้งหลายรอบข้างพระองค์อยากจะช่วยกันทั้งนั้น แต่พระองค์ทรงเด็ดเดี่ยวที่จะทำแต่สิ่งที่พระองค์ปรารถนาในเวลาที่พระองค์พร้อม และตอนที่ทรงตัดสินพระทัยแน่วแน่และเข้ารับการบำบัดคือช่วงพระชนมายุยี่สิบต้นๆ ค่ะ”

ถ้อยคำเหล่านี้ที่เดอะซันถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นว่า ช่วงที่ปรินซ์แฮร์รีทรงรับการบำบัดน่าจะเป็นช่วงปี 2004-2007 ในวัย 20-23 พรรษา แต่พระองค์ทรงเล่าในซีรีส์ Heart of Invictus ว่าเมื่อเสด็จกลับจากประจำการในอัฟกานิสถานปี 2012 ในวัย 27-28 พรรษา ทรงมีพระอาการป่วยรุนแรงทางจิต PTSD (แบบที่ทหารผ่านศึกจำนวนหนึ่งเป็นกัน แต่ของพระองค์เป็นปมเรื่องสูญเสียพระมารดา) และจึงทรงผละออกจากปัญหา ออกไปรับการรักษาเป็นครั้งแรก

นอกจากนั้น แอนเจลา เลวิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถึงดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซ็กซ์ที่เธอได้รู้จักอย่างลึกซึ้งว่า ดยุกแฮร์รีถือพระองค์ “ทรงเหนือกว่า” อย่างที่สุด เกินกว่าจะต้องการความช่วยเหลือ เดอะซันรายงาน

ในคราที่ปรินซ์วิลเลียมและปรินซ์แฮร์รี ทรงมีเหตุที่ต้องใช้ชีวิตด้วยกันช่วงหนึ่งสั้นๆ ในการเข้าฝึกอบรมเฮลิคอปเตอร์ทหารเมื่อปี 2009 โดยทั้งสองพระองค์ต้องพักในกระท่อมแห่งเดียวกัน ปรินซ์แฮร์รีทรงอึดอัดพระทัยและทรงปล่อยมุกกับบีบีซีว่า นี่จะเป็นการใช้ชีวิตด้วยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
พร้อมนี้ เดอะซันถ่ายทอดการวิเคราะห์ของแอนเจลา เลวิน เพิ่มเติมด้วยว่าปรินซ์แฮร์รีทรงคิดว่าพระองค์ใหญ่โตเหลือเกิน รอบรู้ทุกอย่าง เล่าสิ่งต่างๆ มากมายไปหมด ทั้งที่ว่าในโชว์อันนี้ของเน็ตฟลิกซ์ พระองค์มิได้เดินทางไปสัมภาษณ์เลย

“ปรินซ์รู้สึกจริงๆ เลยค่ะว่าพระองค์เก่งกาจยิ่งใหญ่อย่างที่สุด ซึ่งไม่สอดคล้องความเป็นจริงเลย เพราะในตอนนี้พระองค์ทรงเป็นสมาชิกสามัญของสังคม

“การวิเคราะห์จิตใจของพระองค์ก็คือว่า ทรงเหนือกว่าใครๆ ไปไกลลิบ กระทั่งว่าทรงไม่ต้องการใครทั้งสิ้นแล้ว”

นอกจากที่ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซัน แอนเจลา เลวิน ซึ่งมีผลงานเจาะลึกชีวประวัติสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษเป็นที่น่าเชื่อถือในการถ่ายทอดอย่างไม่บิดเบือนและการวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา ยังได้ทวิตขึ้นบน X ด้วยว่า ทหารมากมายเผชิญปัญหาทางจิตใจ และปรินซ์แฮร์รีก็ทรงประสบเช่นกัน แต่พระองค์จะคร่ำครวญเรื่องชีวิตของพระองค์ไม่จบสิ้นน่ะมันใช่ล่ะหรือ

ด้านเดลิเมลออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งสื่อทรงอิทธิพล ที่นำเสนอข่าวการเปิดตัวซีรีส์สารคดีที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ระดับผู้อำนวยการบริหาร โดยขณะที่มีการจัดทำสกูปชิ้นใหญ่เจาะลึก Heart of Invictus ซึ่งทำให้มองเห็นและเข้าใจคุณค่าของซีรีส์แห่ง เน็ตฟลิกซ์ ชุดนี้อย่างละเอียดลึกซึ้ง แต่เดลิเมล์ออนไลน์ไม่ปล่อยให้ปรินซ์แฮร์รีบิดเบือนโจมตีบทบาทสร้างสรรค์ที่บรรดาสื่ออังกฤษได้ทำให้แก่ทหารผ่านศึก

พระรูปบานนี้น่าจะแสดงถึงตัวตนแท้จริงมิติหนึ่งของปรินซ์แฮร์รี ทรงมีพลังทำลายล้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด เรื่องอาละวาดชกต่อย เรื่องต่อต้านครอบครัวและขนบประเพณี พลังแบบนี้ต้องใช้เวลามากทีเดียวกว่าที่เจ้าตัวจะสร้างสมดุลขึ้นมาราบรื่นระหว่างวุฒิภาวะกับแรงขับเคลื่อนของพลัง ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดจากพระบิดาคือการควบคุมขนาดความเสียหาย และกั้นไม่ให้แรงกดดันจากสังคมเข้าไปบั่นทอนศักยภาพดีงามอื่นๆ ของพระโอรส ทั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ปรินซ์จะมองเห็นแค่ว่าพระบิดาทรงมีหน้าที่คุ้มครอง แต่ไม่ซาบซึ้งในน้ำพระทัยเปี่ยมรักและเมตตาที่ทำให้พระบิดาคอยประคับประคองมาโดยตลอด
สื่อมวลชนคือศัตรูหมายเลข 2 ของปรินซ์แฮร์รีจึงโดนด้วย ทรงตั้งข้อกล่าวหาดุๆ ไว้ในซีรีส์ Invictus แต่ถูกทัวร์ VIP กระหน่ำนำข้อมูลหักล้างอื้ออึง

นอกจากที่ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงตั้งข้อกล่าวหาโจมตีพระราชบิดาและพระเชษฐาว่า มิได้ช่วยเหลือสนับสนุนให้พระองค์พ้นโรคร้ายแห่งความเจ็บป่วยทางจิตใจจากการสูญเสียพระมารดาตั้งแต่ที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ ดยุกแฮร์รียังทรงตั้งข้อกล่าวหารุนแรงใส่สื่อมวลชนเมืองผู้ดี คู่แค้นเก่าแก่ โดยทรงพูดแบบกริ้วๆ เคืองๆ ในภาพยนตร์ซีรีส์ Heart of Invictus ว่าพวกสื่อล้วนแต่จะไม่ใส่ใจทำข่าวและไม่ให้การสนับสนุนแก่ทหารอังกฤษที่ได้รับบาดเจ็บจากการรับใช้ชาติในศึกสงครามการสู้รบ

ตั้งแต่เอพพิโซดแรกของ ฮาร์ต ออฟ อินวิคตัส ซีรีส์ที่ชื่นชมกันทั่วหน้าว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างน่าติดตามน่าชื่นชมในพลังของมนุษย์เผ่าพันธุ์ทหารหาญ ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าว่าพระองค์ประทับบนเครื่องบิน และใกล้กันมีผ้าม่านกั้นบังสายตา แต่ในจังหวะหนึ่ง ผ้าม่านปลิวเปิด พระองค์จึงได้เห็นทหารหนุ่มสามนายในสภาพบาดเจ็บ ร่างกายวิ่นแหว่ง เดลิเมลออนไลน์รายงาน

ในภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว เจ้าชายทรงพูดว่าพระองค์เคยเห็นความรุนแรงของสงครามผ่านสิ่งที่เล่าต่อๆ กันมา แต่ร่างกายของทหารทั้งสามนั้นคือเรื่องจริงที่กระแทกให้เห็นชัดเจนถึงสิ่งที่ต้องจ่ายให้แก่สงคราม ไม่ใช่แค่บุคคลเหล่านี้ที่เจ็บปวด แต่ยังบรรดาครอบครัวของพวกเขา และชะตากรรมแห่งชีวิตของพวกเขาที่ถูกกระชากเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

“เมื่อก้าวออกจากเครื่องบิน ผมโกรธสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนุ่มๆ เหล่านี้ และผมโกรธด้วยว่าสื่อมวลชนไม่มารายงานข่าวนี้ แต่ ณ จุดตรงนั้นผมก็ไม่ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไร” ปรินซ์ทรงตั้งข้อกล่าวหาใส่สื่อมวลชน พร้อมกับป้องกันมิให้ตนเองถูกย้อนกลับว่าพระองค์เอง (ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพรั่งพร้อมด้วยองค์กรการกุศลมากมาย) ก็มิได้ทรงลงมือทำอะไรทั้งที่ทรงมีศักยภาพพรั่งพร้อม

ภายในวันเดียวกับที่ Heart of Invictus เริ่มให้ท่านผู้ชมจ่ายเงินไปสตรีมมาดู คือ พุธที่ 30 สิงหาคม 2023 เหล่าวีรบุรุษสงครามของอังกฤษ ตลอดจนผู้นำทหารเก่าทั้งปวง พากันออกโรงฟาดกลับเจ้าชายแฮร์รีที่ทรงกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวนี้

อาทิ เซอร์ริชาร์ด ดานนัตต์ อดีตข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเตือนปรินซ์ว่าทรงมีความทรงจำผิดพลาดพร่าเลือน เพราะพระองค์และปรินซ์วิลเลียมได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการระดมเงินบริจาคสนับสนุนทหารผ่านศึกเมื่อเดือนตุลาคม 2007

ด้านทหารผ่านศึกผู้กล้าหาญ สิบตรีเบน พาร์คินสัน อดีตพลร่มซึ่งโดนกับระเบิดอย่างจังเกือบเสียชีวิตขณะประจำการในอัฟกานิสถาน เขาเสียขาทั้งสองข้าง กระดูกหลังหัก และสมองกระทบกระเทือนรุนแรงต้องรักษาตัวยาวนาน ภายหลังที่มาใช้ชีวิตได้แบบคนพิการ ก็มาเป็นนักเขียนและนักรณรงค์

เบน พาร์คินสัน โต้ตอบปรินซ์แฮร์รีอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่ปรินซ์พูด ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เพราะมันไม่เป็นความจริง ทหารทั้งหลายทราบดี

“ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพระองค์ทรงพูดถึงอะไร สำหรับผมแล้วสื่อมวลชนทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังให้ความสนับสนุนแก่ครอบครัวผมอย่างมหาศาล” เดลิเมลออนไลน์รายงานความเห็นของวีรบุรุษอังกฤษไว้อย่างนั้น

ในสุดยอดมหกรรมกีฬาโลกโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ซึ่งอังกฤษเป็นประเทศเจ้าภาพ สิบตรีเบนจามิน พาร์คินสัน ทหารผ่านศึกผู้แข็งแกร่งและกล้าหาญได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 250 วีรบุรุษผู้วิ่งคบเพลิงโอลิมปิก และ 1 ใน 8,000 ประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจกับวิ่งคบเพลิง ตลอดแนวยาวและแนวกว้างของผืนแผ่นดินอังกฤษรวม 12,800 กิโลเมตร

ในคราวที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จเยือนเคาน์ตียอร์กเชอร์ และเสด็จเป็นองค์ประธานพิธีประกาศว่าเมืองดอนคาสเตอร์ได้รับการยกฐานะเป็นนครดอนคาสเตอร์ เมื่อพฤศจิกายน 2022 วีรบุรุษเบนจามิน พาร์คินสัน เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของเคาน์ตีที่ได้เฝ้ารับเสด็จ และเบนจามินได้รับความปลาบปลื้มพิเศษ เมื่อสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงตรัสว่าพระองค์จำเขาได้ว่าเขาได้รับตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE จากพระหัตถ์ อันเป็นเกียรติยศสำหรับการอุทิศตนอย่างสุดความสามารถในภารกิจสาธารณกุศลมากมาก พร้อมนี้ พระองค์ทรงมีพระกรุณาอย่างที่สุดเมื่อทรงถามถึงสุขภาพและพัฒนาการในการเดินของเขาด้วย
เดอะซันทำการเท้าความถึงโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่สื่อมวลชนดำเนินการเพื่อเชิดชูผลงานของเหล่านักรบชายหญิงปีแล้วปีเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคมเปญช่วยเหลือทหารผ่านศึก Help For Heroes หรือ ความช่วยเหลือเพื่อวีรบุรุษ ซึ่งจัดทำกันตั้งแต่ที่ปรินซ์แฮร์รียังไม่ได้เริ่มรับราชการทหารหรือไปประจำการในสมรภูมิสักครั้ง

“ปรินซ์แฮร์รีน่าจะลืมไปแล้วว่าในปี 2007 ก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปประจำการในอัฟกานิสถานในปี 2008 เดอะซันทำการรณรงค์แคมเปญการกุศล Help For Heroes ซึ่งระดมเงินบริจาคขึ้นมาได้ถึง 370 ล้านปอนด์” เดอะซันรายงานไว้ในสกูป

และอีกหนึ่งภารกิจพิเศษสนับสนุนทหารหาญ คือ การเสนอเรื่องราวทหารกล้า พร้อมมอบรางวัลเกียรติยศ Sun Military Awards - The Millies ซึ่งจัดทำทุกปีตั้งแต่ 2008 หรือก็คือ ก่อนที่ปรินซ์แฮร์รีจะเข้าสู่สมรภูมิ

นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มผู้รณรงค์ให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษเพิ่มจำนวนเงินชดเชยแก่ทหารผู้บาดเจ็บจากสงคราม เช่น คุณแม่ไดแอน ได้ออกมาประกาศโต้คำกล่าวอ้างของปรินซ์แฮร์รี

“เราจะไม่มีทางประสบความสำเร็จหากไม่มีพลังสนับสนุนจากสื่อมวลชนค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าปรินซ์แฮร์รีทรงตั้งใจจะกล่าวอะไร แต่สิ่งที่พระองค์ทรงติเตียนออกมานั้น มิใช่สิ่งที่ดิฉันได้พบเห็นมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน” เดอะซันรายงาน

วีรบุรุษแอนดี แมคนาบ วีรบุรุษสมรภูมิรบและนักเขียนคนดังของอังกฤษ อดีตทหารราบเกษียณอายุและสิบเอกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญไม่น้อยกว่าใคร กล่าวค้านปรินซ์แฮร์รีว่า

“มาพูดอ้างว่าสื่อมวลชนไม่ต่อสู้ให้แก่ทหารบาดเจ็บนั้นถือได้ว่าก้าวร้าวและไร้สาระครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเดอะซันรณรงค์ให้ผู้คนได้ทราบถึงความเสี่ยงตายและความกล้าหาญของทหาร ก็จะไม่มีเงินบริจาคท่วมท้นเข้ามายังบรรดาองค์กรทหารผ่านศึกหรอกครับ

“ที่สำคัญคือ เดอะซันเป็นด่านหน้ารณรงค์ให้รัฐบาลดูแลทหารที่ป่วยหนักด้วยโรค PTSD ซึ่งผมเป็นรายหนึ่งในนั้น และสื่อมวลชนในภาพรวมได้สนับสนุนทหารชายหญิงอย่างที่สุดในภารกิจผู้ก่อการร้ายโจมตีเมื่อเหตุการณ์วันที่ 11 เดือน 9”

ทหารผ่านศึกผู้แกร่งกล้านามว่า เบนจามิน แมคบีน ผู้สูญเสียขาขวาและแขนซ้ายให้แก่สงครามในอัฟกานิสถาน เป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนให้ปรินซ์แฮร์รีประสบความสำเร็จในการสร้างมหกรรมกีฬานานาชาติอินวิคตัส เกมส์ แต่เมื่อเขาเห็นว่าปรินซ์ทรงโจมตีสื่อมวลชนอย่างไม่ถูกต้อง เขาเด็ดเดี่ยวที่จะพูดความจริงจากใจว่า “ผมสนับสนุนเจ้าชายแฮร์รีมาตลอด 15 ปี  แต่ครั้งนี้ พระองค์ผิดครับ”
พยานอีกรายหนึ่งที่ร่วมคัดค้านคำกล่าวหาจากปรินซ์แฮร์รีคือ เบอร์นี ทหารผ่านศึกอังกฤษที่สูญเสียขาสองข้าง และเข้าร่วมมหกรรมกีฬาอินวิคตัสปี 2017 ในตำแหน่งกัปตันทีมรักบี้รถเข็น วีลแชร์รักบี โดยบอกว่าประสบการณ์ของตนคือ สื่อมวลชนช่วยเหลืออย่างมากมาย

“ผมจำได้ดียิ่งเลยครับว่ากลุ่มต่างๆ จากสื่อมวลชน ได้แอ่นอกเข้ามาช่วยต่อสู้ให้แก่ทหาร มีการรายงานข่าวมากมาย การเขียนเชิดชูวีรกรรมของทหารโดยตลอด ทั้งทหารที่พลีชีพและทหารที่สูญเสียอวัยวะพิการอย่างผม และครอบครัวของพวกเราก็ได้ชื่นใจกันด้วย ผมตัดเก็บไปหมดครับ เป็นกำลังใจที่ช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจครับ

“ผมได้พบกับปรินซ์แฮร์รีหลายครั้ง ผมชื่นชมพระองค์

“แต่พระองค์มาจากโลกอื่นที่แตกต่าง พระองค์เห็นแต่สิ่งที่ทรงต้องการเห็น” เดอะซันรายงานอย่างนั้น

ทหารอากาศอังกฤษ แอนดี ฟิลลิปส์ เจ้าของเหรียญทองอินวิคตัส ซึ่งได้รับบาดเจ็บหนักในสงครามอ่าวปี 1990 บอกตรงๆ ว่า

“อินวิคตัสเกมส์อัดฉีดพลังให้แก่ผมอย่างมหาศาล แต่มันผิดนะครับที่บอกว่าสื่อมวลชนไม่ทำอะไรให้แก่ทหารน่ะครับ ยิ่งตอนสงครามในอัฟกานิสถานเริ่มขึ้น สื่อมวลชนคือสนับสนุนทหารหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”

ภายในบรรยากาศโต้กลับใส่เจ้าชายแฮร์รีอย่างอื้ออึง เดลิเมลออนไลน์ให้ข้อสรุปว่า ซีรีส์ทั้ง 5 เอพพิโซดของ Heart of Invictus สะท้อนถึงความยอดเยี่ยมของพระองค์ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวยิ่งใหญ่น่าประทับใจของทหารบาดเจ็บ ทหารพิการ ทหารผ่านศึกผู้ที่ได้พัฒนาศักยภาพของตนเองและก้าวออกจากเถ้าถ่านความทุกข์ สู่ชีวิตใหม่ด้วยอำนาจของพลังจิตพลังใจ

แต่น่าเสียดายที่ซีรีส์นี้เผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างและคิดแต่ว่าตนเองถูกรังแก เต็มไปด้วยใจพยาบาทจะแก้แค้น และเปี่ยมด้วยความเกลียดชังผู้อื่นที่ไม่ตามใจพระองค์

ปรินซ์แฮร์รีจึงไม่สามารถจะแค่ทำหน้าที่สร้างภาพยนตร์สารคดีที่เล่าถึงทหารชายหญิงผู้กล้าหาญอย่างตรงไปตรงมา

พระองค์คอยแต่จะดึงให้สปอตไลท์มาจับจ้องชีวิตส่วนพระองค์ และมุ่งจะทำลายสื่อมวลชนที่ทรงชิงชัง

เดลิเมล์ออนไลน์สรุปท้ายด้วยคำกล่าวของ เบน แมคบีน ทหารผ่านศึกหนึ่งในสามนายที่เจ้าชายแฮร์รีได้เห็นบนเครื่องบิน เขาถูกกับระเบิดขณะปฏิบัติราชการทหารในอัฟกานิสถานและสูญเสียแขนหนึ่งข้าง ขาหนึ่งข้าง เขาได้รับเสด็จเจ้าชายแฮร์รีในพิธีมอบรางวัล Military Awards ที่จัดโดยเดอะซัน และเขาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของเจ้าชายแฮร์รีในการริเริ่มมหกรรมกีฬาอินวิคตัสเกม

“ผมสนับสนุนเจ้าชายแฮร์รีมาตลอด 15 ปี แต่ครั้งนี้ พระองค์ผิดครับ พวกเราได้สัมผัสกับผลกระทบด้านบวกหลังเผชิญความเจ็บปวดร้ายแรง ซึ่งก็คือการสนับสนุนที่สื่อมวลชนให้แก่ทหาร” เบน แมคบีนกล่าว

เบนจามิน แมคบีน ทหารผ่านศึกที่ชาวอังกฤษชื่นชมกันมาก ทำการทวิตคัดค้านปรินซ์แฮร์รีอย่างตรงไปตรงมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2023 ว่า “ยังรักปรินซ์แฮร์รี แต่ผมไม่เห็นด้วยกับพระองค์ ผมไม่แน่ใจว่าปรินซ์ทรงหมายถึงสื่อรายใดหรือไม่ ผมทราบว่าสื่อมวลชนอังกฤษทำรายงานข่าวทหารผ่านศึก (และให้ความสนับสนุนทหารผ่านศึก) มาโดยตลอด ทั้งโครงการ H4H (Help for Heroes) ที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศ ทั้งรางวัล Millie Awards และอื่นๆ

เรื่องราวน่าประทับใจของทหารผ่านศึกธรรมดาๆ นายหนึ่ง ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากอินวิคตัสเกมส์ ทำให้ลุกขึ้นสู้ชีวิต มีความสุขอีกครั้ง เขาคือ ทอม โฟแวล รับราชการทหารเกือบ 10 ปี ในตำแหน่งทหารช่างเครื่องกล ถูกส่งไปประจำการในสมรภูมิอิรักหลายปี ก่อนจะถูกมอบหมายให้ประจำการที่อัฟกานิสถาน วันหายนะของชีวิตเขาเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2012 เขาเหยียบระเบิดแสวงเครื่องเข้าอย่างจัง แล้วชีวิตทั้งหมดทั้งมวลของเขาก็ถึงคราวเปลี่ยนแปลงและล่มสลาย เพราะสูญเสียขาทั้งสองข้างตั้งแต่บริเวณเหนือหัวเข่าลงไป เขาปลดประจำการ จ่อมจมในชีวิตที่เขาไม่ต้องการ หันไปดื่มเหล้าอย่างหนักเพื่อลืมความทุกข์ แต่ยังมีบุญรักษา หนึ่งคือภรรยาของเขาจิตใจดีมาก เข้าใจและให้การสนับสนุน และสองคือเขาได้เข้าร่วมอินวิคตัสเกมส์ ในกีฬารักบี้วีลแชร์ ที่เปลี่ยนโลกทัศน์ และช่วยให้เห็นเป้าหมายของชีวิต ตลอดจนมีความภูมิใจในศักยภาพใหม่ของตนเอง ส่งผลให้คลี่คลายออกจากความเจ็บแค้นชะตากรรมและสามารถยอมรับได้กับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่
ซีรีส์ Heart of Invictus ที่ปรินซ์แฮร์รีสร้างป้อนแก่ช่องสตรีมมิง Netflix ได้รับคำชื่นชมรอบด้าน

ภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus เป็นผลงานเดี่ยวเรื่องแรกของเจ้าชายแฮร์รี และซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชมกันมากนี้แสดงให้เห็นตัวตนของพระองค์ในด้านที่สร้างสรรค์ โดยมุ่งจะให้เรื่องราวโฟกัสที่ชีวิตของทหารพิการ บาดเจ็บ และเจ็บป่วย หลังจากใช้เวลาสร้างนานกว่าสองปีกันทีเดียว นิวสวีครายงาน

Heart of Invictus ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างระดับบริหาร เริ่มให้รับชมกันทั้ง 5 เอพพิโซดตั้งแต่วันพุธที่ 30 สิงหาคม 2023 โดยที่ทีมสร้างภาพยนตร์ซีรีส์ ซึ่งเป็นทีมที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยมปี 2017 เรื่อง The White Helmets (ออร์ลันโด ฟอน ไอน์ซีเดล ผู้กำกับ และ โจแอนนา นาตาเซการะ ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ยกคณะไปติดตามชีวิตของทหารหาญ 6 นาย 6 ชาติ ทั้งชายและหญิง (เกาหลีใต้ อังกฤษ ยูเครน เดนมาร์ก แคนาดา สหรัฐฯ) ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมอินวิคตัสเกมส์ในปี 2022 ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์

โชว์รายการนี้ที่ปรินซ์แฮร์รีทรงปรากฏพระองค์ตามลำพังตลอดทั้งเรื่อง โดยไม่จูงมือพระชายาเมแกนเป็นคู่แฝดสยามไปไหนไปกันดั่งที่ท่านผู้ชมเคยเห็นชินตา เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์การสร้างคอนเทนต์ภาพยนตร์มูลค่าประมาณ 88 ล้านดอลลาร์เพื่อป้อนแก่ เน็ตฟลิกซ์ จอมยักษ์ธุรกิจบันเทิงของโลก ภายใต้ข้อตกลงธุรกิจที่พระชายาเมแกนเซ็นสัญญาในนามของบริษัทอาร์ชแวลล์ โปรดักชัน หลังจากปรินซ์และพระชายาแยกตัวออกจากสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษเมื่อสามปีที่แล้ว

นิวสวีคนำคำให้สัมภาษณ์ของ มาร์ก บอร์ดแมน ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจบันเทิงผู้ก่อตั้งบริษัทมาร์กมีตส์ มารายงานว่า Heart of Invictus เป็นซีรีส์ที่ให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบาดแผลอันน่าสะพรึงอย่างยิ่งที่ทหารต้องประสบ ทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ โดยที่ปรินซ์แฮร์รีก็สามารถรักษาเส้นแบ่งระหว่างความถ่อมตนกับการโปรโมทตนเองอย่างมั่นใจ ตลอดจนสามารถรักษาให้ซีรีส์ยังโฟกัสอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันมากกว่าจะมาโฟกัสที่ตัวพระองค์

ทั้งนี้ เห็นได้ว่าซีรีส์เชิดชูความเข้มแข็งของทหาร พร้อมกับโชว์ถึงความกล้าหาญ ความทรหด และความมุ่งมั่นที่จะนำพาตนเองให้ฝ่าด่านต่างๆ จนได้เป็นตัวแทนประเทศมาแข่งที่อินวิคตัส

ด้านเดลิเมลออนไลน์ชื่นชมว่าความพิเศษของซีรีส์เรื่องโด่งดังนี้คือ ความจับใจซึ่งเราได้เห็นทหารผ่านศึกเหล่านี้มากมายด้วยความกล้าที่จะเอาชนะความเจ็บปวด จนกระทั่งพาให้ตนเองค้นพบว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด ซึ่งสำเร็จด้วยการมีโอกาสจะเข้าร่วมมหกรรมกีฬานานาชาติสำหรับทหารที่ปรินซ์แฮร์รีทรงพัฒนาขึ้นมา

ความสำเร็จเหนือความคาดหมายของเรื่องก็คือ เราได้เห็นปรินซ์แฮร์รีในเวอร์ชันที่เราอยากจดจำ ไม่ว่าจะเป็นจิตใจเปี่ยมเมตตา พลังขับเคลื่อนให้ถึงเป้าหมาย ตลอดจนความมุ่งมั่นของพระองค์ที่จะเชิดชูเกียรติยศของทหารหาญ

ในเวลาเดียวกัน แอนเจลา เลวิน ก็เชียร์ Heart of Invictus ว่าเธอติดตามชมซีรีส์นี้ครบรวดเดียวทั้งห้าอีพี เพราะเรื่องราวที่นำเสนอจับใจของเธอให้อยากได้ฟังอยากได้ชมชีวิตของทหารกล้าแต่ละรายผู้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ

ยิ่งกว่านั้น เสียงชมจากนักวิจารณ์ของสื่อใหญ่ 5 ค่าย ก็ออกมาเป็นเกรด A ที่ 80% อาทิ ซีเอ็นเอ็น ชี้ว่า “ใครที่ดูแล้วไม่สะอื้น ก็ต้องเป็นคนไร้หัวใจ” ขณะที่เดอะไทมส์ ค่ายสื่อเจ้าพ่อรุ่นเก๋าของอังกฤษชื่นชมว่า Heart of Invictus “นำเสนอความเป็นมนุษย์ในมุมมองที่ดีงามที่สุด มีความทรหดอย่างที่สุด ถ้าจะว่าไป นี่เป็นการนำเสนอความเป็นปรินซ์แฮร์รีในมิติที่ดีงามที่สุด ก็พอเรียกได้”

ในท่ามกลางสถานการณ์ความตกต่ำในด้านความป็อบปูลาร์ทั้งที่อังกฤษและที่สหรัฐอเมริกา ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ ยังทรงเป็นที่ยอมรับเสมอในคุณลักษณ์ที่ทรงไม่ถือพระองค์ ให้เกียรติผู้อื่น จุดเด่นประการนี้ปรากฏให้เห็นเนืองๆ ในเอพพิโซดต่างๆ ของซีรีส์ Heart of Invictus โดยทุกคราที่ปรินซ์แสดงถึงความเป็นกันเอง พระองค์จะทำได้น่ารัก น่านิยม และเป็นธรรมชาติ ในพระรูปบานนี้ ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงไฮไฟฟ์กับทหารผ่านศึกยูเครนซึ่งนั่งรถวีลแชร์ ขณะทรงสนทนาให้กำลังใจทีมฟ้าเหลืองในมหกรรมการแข่งขันอินวิคตัสเกมส์ 2022 ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์

ดัชเชสเมแกนแทบจะไม่มีบทบาทในซีรีส์ Heart of Invictus โดยปรากฏตัวไม่กี่ครั้งในบางเอพพิโซด ส่วนที่มากบ้างคือช็อตที่เธอขึ้นกล่าวในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาอินวิคตัสเมื่อปีที่แล้วใน กรุงเฮก เพื่อเชิญพระสวามีแฮร์รีขึ้นกล่าวเปิดมหกรรมบนเวที เรียกได้ว่าปรินซ์แฮร์รีทรงเป็นศูนย์กลางของซีรีส์ ทรงคุมโปรเจ็กต์ด้วยพระองค์เองทั้งหมดตั้งแต่วันแรกกันทีเดียว ภาพที่เห็นนี้เป็นตอนหนึ่งสั้นๆ ที่เท้าความถึงอินวิคตัสเกมส์ ณ กรุงเฮก ว่าปรินซ์และพระชายาทรงหารือกับทีมงานในเดือนเมษายน 2022

นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าปรินซ์แฮร์รีที่ได้เห็นในซีรีส์นี้ ทรงแลเป็นเวอร์ชันใหม่ที่เข้มแข็งและมั่นใจมากขึ้นผิดหูผิดตา ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ส่งสัญญาณความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในห้วงไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมา นับเนื่องตั้งแต่ข่าวกระซิบว่าดยุกและดัชเชสหวุดหวิดจะเตียงหัก หลังจากฝ่ายหญิงไฟต์หนักมาก จะกลับสู่วงการฮอลลีวู้ด จนถึงขั้นที่ตกลงจะลองห่างกันเพื่อทบทวน แล้วปรินซ์ก็ทรงเดินทางตามลำพังไปดำเนินพระภารกิจการกุศลที่โตเกียวกับสิงคโปร์กว่าหนึ่งสัปดาห์ ปิดยุคสมัยความเป็นแฝดสยามตัวติดกันของพระคู่รักบันลือโลก ในเวลาเดียวกัน แหวนหมั้นเพชรลูกเขื่องสามเม็ดงามมูลค่า 120,000 ปอนด์ หรือราว 5.4 ล้านบาท หายไปจากนิ้วนางของพระชายานานต่อเนื่องหลายเดือน และแล้วในเดือนสิงหาคม ปรินซ์ปรากฏพระองค์เคียงข้างพระชายาด้วยสีพระพักตร์เซ็งจัดในคอนเสิร์ตบิยอนเซ่ แต่เมื่อเสด็จชมการแข่งฟุตบอลแมตช์ยักษ์เมื่อวีคเอนด์แรกของเดือนกันยายน ปรินซ์เสด็จตามลำพังอย่างร่าเริงเปี่ยมสุข ทั้งหลายทั้งปวงนี้บ่งชี้ถึงการถอนดวงใจออกจากการพึ่งพิงทางอารมณ์และความพร้อมที่จะยุติชีวิตสมรสหากพระชายาดึงดันจะไปเปลืองตัวในฉากเลิฟซีนทั้งปวง
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ นิวสวีค อินสตาแกรม เอ็กซ์ จีบีนิวส์ สกอตติชเดลีเอ็กซ์เพรส)

กำลังโหลดความคิดเห็น