มีโอกาสออกสื่อครั้งใหญ่ เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่รีรอ ทำการโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษแถมไปในเซ็ตแบบอัดแรงซี้ดซ้าดกันทีเดียว โดยในภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus ที่พระองค์ทรงเป็นโปรดิวเซอร์บริหารและปรากฏตัวในทุกเอพพิโซด ทรงให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งด้วยคำกล่าวอ้างว่า พระราชวงศ์ทรงมิได้ช่วยเหลือสนับสนุนการบำบัดให้พระองค์พ้นจากบาดแผลดวงใจที่ทุกข์ตรมฝังลึก จากการสูญเสียพระมารดา - เจ้าหญิงไดอานา ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ปี 1997 เดอะซัน เจ้าพ่อสื่อหัวสีแห่งเมืองผู้ดีรายงาน
แต่ทว่า ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus เปิดตัวให้ท่านผู้ชมจ่ายเงินไปสตรีมมาดู ยังไม่เต็มหนึ่งวัน จากเริ่มให้สตรีมเมื่อเวลา 8.00 น. ของวันพุธ 30 สิงหาคม พอตกค่ำ เจ้าชายแฮร์รี ก็ถูกจับโป๊ะถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างโล่งโจ้งสุดๆ นี่ยังดีว่าการนำเสนอเนื้อหาชีวิตและการฟื้นตัวของทหารหาญผู้บาดเจ็บร้ายแรงจากศึกสงคราม เป็นไปอย่างน่าประทับใจ เสียงวิจารณ์จึงตีคู่กันมากับเสียงชมเชย
Heart of Invictus – ดวงใจผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ ซีรีส์ 5 เอพพิโซด เดินเรื่องด้วยชีวิตจริงของ 6 ทหารหาญ 6 ชาติ ทั้งทหารชายและทหารหญิง พวกเขาเจ็บป่วยรุนแรง พวกเขาได้รับบาดเจ็บทางกาย กลายเป็นคนพิการ และพวกเขามีจิตใจที่ปวดร้าวป่วยไข้ไม่อาจยุติได้ อันนำไปสู่โรคผิดปกติทางจิตหลังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง (PTSD - Post-traumatic stress disorder) ซึ่งก่ออาการขึ้นมาในระหว่างการรับใช้ชาติในสนามรบและสงคราม
ทหารทั้ง 6 นายเป็นตัวแทนของทั้งทหารผ่านศึกและทหารที่ยังประจำการ ทั้งทหารร่างพิการและทหารที่ต่อสู้กับสภาวะจิตเภทหลังจากเคยเฉียดความตาย แต่ละนายต่างได้รับแรงบันดาลใจให้หันมาต่อสู้ชะตากรรม พัฒนาศักยภาพขึ้นได้ จนสามารถเป็นตัวทีมชาติและเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬานานาชาติอินวิคตัส เกมส์ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ปี 2022
โดยในเอพพิโซดที่สองของซีรีส์ “ดวงใจแห่งอินวิคตัส” Heart of Invictus ปรินซ์แฮร์รีทรงปรากฏพระองค์ ประทานสัมภาษณ์ว่าหลังเสด็จกลับจากพระภารกิจทางทหารในอัฟกานิสถาน ความทรงจำแห่งการสูญเสียพระมารดาเข้าท่วมท้นพระองค์ ทำให้พระองค์จมลึกในวิกฤติทางจิตใจอันเจ็บปวดรุนแรงกระทั่งพระกายล้มนอนขดงอดั่งตัวอ่อนในครรภ์มารดา
ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ในประเด็นประสบการณ์ส่วนพระองค์กับการต่อสู้โรค PTSD ที่พระองค์ไม่ตระหนักว่าโรคนี้ก่อตัวตั้งแต่พระชนมายุเพียง 12 พรรษาเมื่อทรงสูญเสียพระมารดา – เจ้าหญิงไดอานา ในอุบัติเหตุรถยนต์ แล้วมาลุกลามอย่างหนักหลังจากทรงจบพระภารกิจในอัฟกานิสถานและเสด็จกลับอังกฤษ
“ผมขอพูดเฉพาะประสบการณ์ส่วนตัวครับ ตอนนั้นผมถูกส่งไปประจำการในอัฟกานิสถาน ปี 2011 เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช” ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าถึงความเป็นมา
“สักช่วงหนึ่งหลังกลับจากอัฟกานิสถาน ความทรงจำเจ็บปวดปะทุขึ้นในตัวผม”
ทั้งนี้ ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียพระมารดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ระอุรุนแรงขึ้นมา และพระองค์ก็คอยกดพระอารมณ์ไว้แน่นหนา “เหมือนกับที่คนอายุน้อยส่วนใหญ่มักจะทำกัน”
พระราชโอรสพระองค์สุดท้องของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเล่าอย่างนั้น และกล่าวอ้างว่าพระราชวงศ์ทรงมิได้ช่วยเหลือสนับสนุนการบำบัดให้พ้นจากบาดแผลดวงใจที่ทุกข์ตรมฝังลึก
“การดิ้นรนต่อสู้ที่หนักหนาที่สุดสำหรับผมก็คือ ไม่มีผู้ใดรอบตัวผมเข้ามาช่วย ผมไม่มีโครงสร้างความสนับสนุน ไม่มีเครือข่าย หรือคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่จะบอกว่าจริงๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับผม
“โชคร้ายเหลือเกินผมเป็นเหมือนพวกเราส่วนใหญ่ คือ ครั้งแรกที่คุณคิดจริงๆ จังๆ ที่จะเข้ารับการบำบัด คือเมื่อคุณนอนคาอยู่กับพื้น รวดร้าวขดงอดั่งตัวอ่อนในท้องแม่ อาจจะนึกปรารถนาว่าคุณน่าจะจัดการกับเรื่องอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว และนั่นคือวันที่ผมต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
เดอะซันรายงานถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รีที่ทรงบอกไว้ถึงประสบการณ์อันร้ายกาจจากโรค PTSD หลังผ่านสมรภูมิ และการตัดสินพระทัยที่จะต่อสู้ ซึ่งทำให้พระองค์สามารถพ้นออกมาจากปัญหาได้ อันเป็นประสบการณ์ละม้ายกับที่ทหารจำนวนมากเคยเผชิญและเคยพลิกชะตากรรมย่ำแย่ ไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นด้วยตนเอง
หลังจากนั้น เดอะซันทำการเตือนพระราชโอรสแห่งกษัตริย์ชาร์ลส์ ถึงข้อมูลจริงที่ไม่ใคร่จะตรงกับเรื่องเล่าในเวอร์ชั่นนี้ของพระองค์ ดังนี้
ในปี 2017 ปรินซ์แฮร์รีเคยบอกไบรโอนี กอร์ดอน ในรายการพอดแคสต์ The Mad World ว่าพระเชษฐาวิลเลียมทรงกระตุ้นให้พระองค์ไปพบแพทย์และรับการบำบัด แถมยังกล่าวในตอนนั้นด้วยว่า ทรงรู้สึกขอบคุณพระเชษฐา
“มันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาน่ะครับ และสำหรับผม คือ พี่ชายผม ขอบคุณเขามาก เขาเป็นซัปพอร์ตสนับสนุนอย่างใหญ่หลวงสำหรับผม”
“พี่วิลเลียมจะคอยบอก อันนี้ไม่ถูกต้องนะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องปกตินะ น้องต้องไปหาหมอ ไปคุยเรื่องนี้กับหมอ ไปหาหมอเถอะไม่มีอะไรเสียหาย” ปรินซ์แฮร์รีเล่าไว้อย่างนั้น
และในปี 2017 เช่นกัน ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์เคยกล่าวเปิดใจแบบเดียวกันนี้ให้กับ แอนเจลา เลวิน นักเขียนคนดังผู้เลื่องลือกันว่ารู้จักรู้ใจเจ้าชายแฮร์รีอย่างละเอียดลึกซึ้ง
(แอนเจลา เลวิน ได้ทำโปรเจ็กต์ชีวประวัติเจ้าชายแฮร์รี ในปี 2017 ซึ่งได้ตามเสด็จเจ้าชายไปในพระกรณียกิจต่างๆ ตลอดหนึ่งปีเต็ม รวมถึงการได้เข้าไปสัมภาษณ์ที่พระตำหนักในพระราชวังเคนซิงตันหลากหลายครั้งตลอดปีเช่นกัน หลังจากนั้น หนังสือขายดีเรื่อง Harry: Conversations with the Prince แฮร์รี: การสนทนากับเจ้าชาย ออกวางแผงในปี 2018)
โดยแอนเจลา เลวิน ถ่ายทอดสู่เดอะซันว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงอ้อนวอนพระอนุชาครั้งแล้วครั้งเล่าให้เข้ารับการบำบัดรักษา
“ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าถึงปัญหาสุขภาพจิตใจของพระองค์ค่ะ คือ พระองค์บอกกับดิฉันเมื่อปี 2017 ถึงปัญหาความทุกข์ใจว่ารุนแรงเพียงใด และบอกว่าพระองค์ทรงคอยแต่จะฝังมันไว้ใต้ผืนทราย
“ด้านปรินซ์วิลเลียมก็ทรงพยายามมานานแสนนานที่กล่อมให้ปรินซ์แฮร์รีไปพบแพทย์พบผู้เชี่ยวชาญ
“ปรินซ์แฮร์รีกล่าวดิฉันอย่างนี้ค่ะ: ‘คุณน่าจะทราบว่ามันเป็นอย่างไร คุณก็คงไม่อยากจะถูกพี่ชายมาบอกว่าต้องไปทำโน่นทำนี่
“เรื่องของเรื่องคือ ปรินซ์แฮร์รีไม่ใช่คนที่จะแคร์หรือจะฟังใครทั้งนั้น
“ท่านทั้งหลายรอบข้างพระองค์อยากจะช่วยกันทั้งนั้น แต่พระองค์ทรงเด็ดเดี่ยวที่จะทำแต่สิ่งที่พระองค์ปรารถนาในเวลาที่พระองค์พร้อม และตอนที่ทรงตัดสินพระทัยแน่วแน่และเข้ารับการบำบัดคือช่วงพระชนมายุยี่สิบต้นๆ ค่ะ”
ถ้อยคำเหล่านี้ที่เดอะซันถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นว่า ช่วงที่ปรินซ์แฮร์รีทรงรับการบำบัดน่าจะเป็นช่วงปี 2004-2007 ในวัย 20-23 พรรษา แต่พระองค์ทรงเล่าในซีรีส์ Heart of Invictus ว่าเมื่อเสด็จกลับจากประจำการในอัฟกานิสถานปี 2012 ในวัย 27-28 พรรษา ทรงมีพระอาการป่วยรุนแรงทางจิต PTSD (แบบที่ทหารผ่านศึกจำนวนหนึ่งเป็นกัน แต่ของพระองค์เป็นปมเรื่องสูญเสียพระมารดา) และจึงทรงผละออกจากปัญหา ออกไปรับการรักษาเป็นครั้งแรก
นอกจากนั้น แอนเจลา เลวิน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถึงดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซ็กซ์ที่เธอได้รู้จักอย่างลึกซึ้งว่า ดยุกแฮร์รีถือพระองค์ “ทรงเหนือกว่า” อย่างที่สุด เกินกว่าจะต้องการความช่วยเหลือ เดอะซันรายงาน
พร้อมนี้ เดอะซันถ่ายทอดการวิเคราะห์ของแอนเจลา เลวิน เพิ่มเติมด้วยว่าปรินซ์แฮร์รีทรงคิดว่าพระองค์ใหญ่โตเหลือเกิน รอบรู้ทุกอย่าง เล่าสิ่งต่างๆ มากมายไปหมด ทั้งที่ว่าในโชว์อันนี้ของเน็ตฟลิกซ์ พระองค์มิได้เดินทางไปสัมภาษณ์เลย
“ปรินซ์รู้สึกจริงๆ เลยค่ะว่าพระองค์เก่งกาจยิ่งใหญ่อย่างที่สุด ซึ่งไม่สอดคล้องความเป็นจริงเลย เพราะในตอนนี้พระองค์ทรงเป็นสมาชิกสามัญของสังคม
“การวิเคราะห์จิตใจของพระองค์ก็คือว่า ทรงเหนือกว่าใครๆ ไปไกลลิบ กระทั่งว่าทรงไม่ต้องการใครทั้งสิ้นแล้ว”
นอกจากที่ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซัน แอนเจลา เลวิน ซึ่งมีผลงานเจาะลึกชีวประวัติสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษเป็นที่น่าเชื่อถือในการถ่ายทอดอย่างไม่บิดเบือนและการวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา ยังได้ทวิตขึ้นบน X ด้วยว่า ทหารมากมายเผชิญปัญหาทางจิตใจ และปรินซ์แฮร์รีก็ทรงประสบเช่นกัน แต่พระองค์จะคร่ำครวญเรื่องชีวิตของพระองค์ไม่จบสิ้นน่ะมันใช่ล่ะหรือ
ด้านเดลิเมลออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งสื่อทรงอิทธิพล ที่นำเสนอข่าวการเปิดตัวซีรีส์สารคดีที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ระดับผู้อำนวยการบริหาร โดยขณะที่มีการจัดทำสกูปชิ้นใหญ่เจาะลึก Heart of Invictus ซึ่งทำให้มองเห็นและเข้าใจคุณค่าของซีรีส์แห่ง เน็ตฟลิกซ์ ชุดนี้อย่างละเอียดลึกซึ้ง แต่เดลิเมล์ออนไลน์ไม่ปล่อยให้ปรินซ์แฮร์รีบิดเบือนโจมตีบทบาทสร้างสรรค์ที่บรรดาสื่ออังกฤษได้ทำให้แก่ทหารผ่านศึก
สื่อมวลชนคือศัตรูหมายเลข 2 ของปรินซ์แฮร์รีจึงโดนด้วย ทรงตั้งข้อกล่าวหาดุๆ ไว้ในซีรีส์ Invictus แต่ถูกทัวร์ VIP กระหน่ำนำข้อมูลหักล้างอื้ออึง
นอกจากที่ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงตั้งข้อกล่าวหาโจมตีพระราชบิดาและพระเชษฐาว่า มิได้ช่วยเหลือสนับสนุนให้พระองค์พ้นโรคร้ายแห่งความเจ็บป่วยทางจิตใจจากการสูญเสียพระมารดาตั้งแต่ที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ ดยุกแฮร์รียังทรงตั้งข้อกล่าวหารุนแรงใส่สื่อมวลชนเมืองผู้ดี คู่แค้นเก่าแก่ โดยทรงพูดแบบกริ้วๆ เคืองๆ ในภาพยนตร์ซีรีส์ Heart of Invictus ว่าพวกสื่อล้วนแต่จะไม่ใส่ใจทำข่าวและไม่ให้การสนับสนุนแก่ทหารอังกฤษที่ได้รับบาดเจ็บจากการรับใช้ชาติในศึกสงครามการสู้รบ
ตั้งแต่เอพพิโซดแรกของ ฮาร์ต ออฟ อินวิคตัส ซีรีส์ที่ชื่นชมกันทั่วหน้าว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างน่าติดตามน่าชื่นชมในพลังของมนุษย์เผ่าพันธุ์ทหารหาญ ปรินซ์แฮร์รีทรงเล่าว่าพระองค์ประทับบนเครื่องบิน และใกล้กันมีผ้าม่านกั้นบังสายตา แต่ในจังหวะหนึ่ง ผ้าม่านปลิวเปิด พระองค์จึงได้เห็นทหารหนุ่มสามนายในสภาพบาดเจ็บ ร่างกายวิ่นแหว่ง เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ในภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว เจ้าชายทรงพูดว่าพระองค์เคยเห็นความรุนแรงของสงครามผ่านสิ่งที่เล่าต่อๆ กันมา แต่ร่างกายของทหารทั้งสามนั้นคือเรื่องจริงที่กระแทกให้เห็นชัดเจนถึงสิ่งที่ต้องจ่ายให้แก่สงคราม ไม่ใช่แค่บุคคลเหล่านี้ที่เจ็บปวด แต่ยังบรรดาครอบครัวของพวกเขา และชะตากรรมแห่งชีวิตของพวกเขาที่ถูกกระชากเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
“เมื่อก้าวออกจากเครื่องบิน ผมโกรธสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนุ่มๆ เหล่านี้ และผมโกรธด้วยว่าสื่อมวลชนไม่มารายงานข่าวนี้ แต่ ณ จุดตรงนั้นผมก็ไม่ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไร” ปรินซ์ทรงตั้งข้อกล่าวหาใส่สื่อมวลชน พร้อมกับป้องกันมิให้ตนเองถูกย้อนกลับว่าพระองค์เอง (ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพรั่งพร้อมด้วยองค์กรการกุศลมากมาย) ก็มิได้ทรงลงมือทำอะไรทั้งที่ทรงมีศักยภาพพรั่งพร้อม
ภายในวันเดียวกับที่ Heart of Invictus เริ่มให้ท่านผู้ชมจ่ายเงินไปสตรีมมาดู คือ พุธที่ 30 สิงหาคม 2023 เหล่าวีรบุรุษสงครามของอังกฤษ ตลอดจนผู้นำทหารเก่าทั้งปวง พากันออกโรงฟาดกลับเจ้าชายแฮร์รีที่ทรงกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวนี้
อาทิ เซอร์ริชาร์ด ดานนัตต์ อดีตข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเตือนปรินซ์ว่าทรงมีความทรงจำผิดพลาดพร่าเลือน เพราะพระองค์และปรินซ์วิลเลียมได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการระดมเงินบริจาคสนับสนุนทหารผ่านศึกเมื่อเดือนตุลาคม 2007
ด้านทหารผ่านศึกผู้กล้าหาญ สิบตรีเบน พาร์คินสัน อดีตพลร่มซึ่งโดนกับระเบิดอย่างจังเกือบเสียชีวิตขณะประจำการในอัฟกานิสถาน เขาเสียขาทั้งสองข้าง กระดูกหลังหัก และสมองกระทบกระเทือนรุนแรงต้องรักษาตัวยาวนาน ภายหลังที่มาใช้ชีวิตได้แบบคนพิการ ก็มาเป็นนักเขียนและนักรณรงค์
เบน พาร์คินสัน โต้ตอบปรินซ์แฮร์รีอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่ปรินซ์พูด ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เพราะมันไม่เป็นความจริง ทหารทั้งหลายทราบดี
“ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพระองค์ทรงพูดถึงอะไร สำหรับผมแล้วสื่อมวลชนทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังให้ความสนับสนุนแก่ครอบครัวผมอย่างมหาศาล” เดลิเมลออนไลน์รายงานความเห็นของวีรบุรุษอังกฤษไว้อย่างนั้น
เดอะซันทำการเท้าความถึงโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่สื่อมวลชนดำเนินการเพื่อเชิดชูผลงานของเหล่านักรบชายหญิงปีแล้วปีเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคมเปญช่วยเหลือทหารผ่านศึก Help For Heroes หรือ ความช่วยเหลือเพื่อวีรบุรุษ ซึ่งจัดทำกันตั้งแต่ที่ปรินซ์แฮร์รียังไม่ได้เริ่มรับราชการทหารหรือไปประจำการในสมรภูมิสักครั้ง
“ปรินซ์แฮร์รีน่าจะลืมไปแล้วว่าในปี 2007 ก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปประจำการในอัฟกานิสถานในปี 2008 เดอะซันทำการรณรงค์แคมเปญการกุศล Help For Heroes ซึ่งระดมเงินบริจาคขึ้นมาได้ถึง 370 ล้านปอนด์” เดอะซันรายงานไว้ในสกูป
และอีกหนึ่งภารกิจพิเศษสนับสนุนทหารหาญ คือ การเสนอเรื่องราวทหารกล้า พร้อมมอบรางวัลเกียรติยศ Sun Military Awards - The Millies ซึ่งจัดทำทุกปีตั้งแต่ 2008 หรือก็คือ ก่อนที่ปรินซ์แฮร์รีจะเข้าสู่สมรภูมิ
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มผู้รณรงค์ให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษเพิ่มจำนวนเงินชดเชยแก่ทหารผู้บาดเจ็บจากสงคราม เช่น คุณแม่ไดแอน ได้ออกมาประกาศโต้คำกล่าวอ้างของปรินซ์แฮร์รี
“เราจะไม่มีทางประสบความสำเร็จหากไม่มีพลังสนับสนุนจากสื่อมวลชนค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าปรินซ์แฮร์รีทรงตั้งใจจะกล่าวอะไร แต่สิ่งที่พระองค์ทรงติเตียนออกมานั้น มิใช่สิ่งที่ดิฉันได้พบเห็นมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน” เดอะซันรายงาน
วีรบุรุษแอนดี แมคนาบ วีรบุรุษสมรภูมิรบและนักเขียนคนดังของอังกฤษ อดีตทหารราบเกษียณอายุและสิบเอกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญไม่น้อยกว่าใคร กล่าวค้านปรินซ์แฮร์รีว่า
“มาพูดอ้างว่าสื่อมวลชนไม่ต่อสู้ให้แก่ทหารบาดเจ็บนั้นถือได้ว่าก้าวร้าวและไร้สาระครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเดอะซันรณรงค์ให้ผู้คนได้ทราบถึงความเสี่ยงตายและความกล้าหาญของทหาร ก็จะไม่มีเงินบริจาคท่วมท้นเข้ามายังบรรดาองค์กรทหารผ่านศึกหรอกครับ
“ที่สำคัญคือ เดอะซันเป็นด่านหน้ารณรงค์ให้รัฐบาลดูแลทหารที่ป่วยหนักด้วยโรค PTSD ซึ่งผมเป็นรายหนึ่งในนั้น และสื่อมวลชนในภาพรวมได้สนับสนุนทหารชายหญิงอย่างที่สุดในภารกิจผู้ก่อการร้ายโจมตีเมื่อเหตุการณ์วันที่ 11 เดือน 9”
พยานอีกรายหนึ่งที่ร่วมคัดค้านคำกล่าวหาจากปรินซ์แฮร์รีคือ เบอร์นี ทหารผ่านศึกอังกฤษที่สูญเสียขาสองข้าง และเข้าร่วมมหกรรมกีฬาอินวิคตัสปี 2017 ในตำแหน่งกัปตันทีมรักบี้รถเข็น วีลแชร์รักบี โดยบอกว่าประสบการณ์ของตนคือ สื่อมวลชนช่วยเหลืออย่างมากมาย
“ผมจำได้ดียิ่งเลยครับว่ากลุ่มต่างๆ จากสื่อมวลชน ได้แอ่นอกเข้ามาช่วยต่อสู้ให้แก่ทหาร มีการรายงานข่าวมากมาย การเขียนเชิดชูวีรกรรมของทหารโดยตลอด ทั้งทหารที่พลีชีพและทหารที่สูญเสียอวัยวะพิการอย่างผม และครอบครัวของพวกเราก็ได้ชื่นใจกันด้วย ผมตัดเก็บไปหมดครับ เป็นกำลังใจที่ช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจครับ
“ผมได้พบกับปรินซ์แฮร์รีหลายครั้ง ผมชื่นชมพระองค์
“แต่พระองค์มาจากโลกอื่นที่แตกต่าง พระองค์เห็นแต่สิ่งที่ทรงต้องการเห็น” เดอะซันรายงานอย่างนั้น
ทหารอากาศอังกฤษ แอนดี ฟิลลิปส์ เจ้าของเหรียญทองอินวิคตัส ซึ่งได้รับบาดเจ็บหนักในสงครามอ่าวปี 1990 บอกตรงๆ ว่า
“อินวิคตัสเกมส์อัดฉีดพลังให้แก่ผมอย่างมหาศาล แต่มันผิดนะครับที่บอกว่าสื่อมวลชนไม่ทำอะไรให้แก่ทหารน่ะครับ ยิ่งตอนสงครามในอัฟกานิสถานเริ่มขึ้น สื่อมวลชนคือสนับสนุนทหารหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
ภายในบรรยากาศโต้กลับใส่เจ้าชายแฮร์รีอย่างอื้ออึง เดลิเมลออนไลน์ให้ข้อสรุปว่า ซีรีส์ทั้ง 5 เอพพิโซดของ Heart of Invictus สะท้อนถึงความยอดเยี่ยมของพระองค์ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวยิ่งใหญ่น่าประทับใจของทหารบาดเจ็บ ทหารพิการ ทหารผ่านศึกผู้ที่ได้พัฒนาศักยภาพของตนเองและก้าวออกจากเถ้าถ่านความทุกข์ สู่ชีวิตใหม่ด้วยอำนาจของพลังจิตพลังใจ
แต่น่าเสียดายที่ซีรีส์นี้เผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างและคิดแต่ว่าตนเองถูกรังแก เต็มไปด้วยใจพยาบาทจะแก้แค้น และเปี่ยมด้วยความเกลียดชังผู้อื่นที่ไม่ตามใจพระองค์
ปรินซ์แฮร์รีจึงไม่สามารถจะแค่ทำหน้าที่สร้างภาพยนตร์สารคดีที่เล่าถึงทหารชายหญิงผู้กล้าหาญอย่างตรงไปตรงมา
พระองค์คอยแต่จะดึงให้สปอตไลท์มาจับจ้องชีวิตส่วนพระองค์ และมุ่งจะทำลายสื่อมวลชนที่ทรงชิงชัง
เดลิเมล์ออนไลน์สรุปท้ายด้วยคำกล่าวของ เบน แมคบีน ทหารผ่านศึกหนึ่งในสามนายที่เจ้าชายแฮร์รีได้เห็นบนเครื่องบิน เขาถูกกับระเบิดขณะปฏิบัติราชการทหารในอัฟกานิสถานและสูญเสียแขนหนึ่งข้าง ขาหนึ่งข้าง เขาได้รับเสด็จเจ้าชายแฮร์รีในพิธีมอบรางวัล Military Awards ที่จัดโดยเดอะซัน และเขาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของเจ้าชายแฮร์รีในการริเริ่มมหกรรมกีฬาอินวิคตัสเกม
“ผมสนับสนุนเจ้าชายแฮร์รีมาตลอด 15 ปี แต่ครั้งนี้ พระองค์ผิดครับ พวกเราได้สัมผัสกับผลกระทบด้านบวกหลังเผชิญความเจ็บปวดร้ายแรง ซึ่งก็คือการสนับสนุนที่สื่อมวลชนให้แก่ทหาร” เบน แมคบีนกล่าว
ซีรีส์ Heart of Invictus ที่ปรินซ์แฮร์รีสร้างป้อนแก่ช่องสตรีมมิง Netflix ได้รับคำชื่นชมรอบด้าน
ภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Heart of Invictus เป็นผลงานเดี่ยวเรื่องแรกของเจ้าชายแฮร์รี และซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชมกันมากนี้แสดงให้เห็นตัวตนของพระองค์ในด้านที่สร้างสรรค์ โดยมุ่งจะให้เรื่องราวโฟกัสที่ชีวิตของทหารพิการ บาดเจ็บ และเจ็บป่วย หลังจากใช้เวลาสร้างนานกว่าสองปีกันทีเดียว นิวสวีครายงาน
Heart of Invictus ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างระดับบริหาร เริ่มให้รับชมกันทั้ง 5 เอพพิโซดตั้งแต่วันพุธที่ 30 สิงหาคม 2023 โดยที่ทีมสร้างภาพยนตร์ซีรีส์ ซึ่งเป็นทีมที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยมปี 2017 เรื่อง The White Helmets (ออร์ลันโด ฟอน ไอน์ซีเดล ผู้กำกับ และ โจแอนนา นาตาเซการะ ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ยกคณะไปติดตามชีวิตของทหารหาญ 6 นาย 6 ชาติ ทั้งชายและหญิง (เกาหลีใต้ อังกฤษ ยูเครน เดนมาร์ก แคนาดา สหรัฐฯ) ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมอินวิคตัสเกมส์ในปี 2022 ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์
โชว์รายการนี้ที่ปรินซ์แฮร์รีทรงปรากฏพระองค์ตามลำพังตลอดทั้งเรื่อง โดยไม่จูงมือพระชายาเมแกนเป็นคู่แฝดสยามไปไหนไปกันดั่งที่ท่านผู้ชมเคยเห็นชินตา เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์การสร้างคอนเทนต์ภาพยนตร์มูลค่าประมาณ 88 ล้านดอลลาร์เพื่อป้อนแก่ เน็ตฟลิกซ์ จอมยักษ์ธุรกิจบันเทิงของโลก ภายใต้ข้อตกลงธุรกิจที่พระชายาเมแกนเซ็นสัญญาในนามของบริษัทอาร์ชแวลล์ โปรดักชัน หลังจากปรินซ์และพระชายาแยกตัวออกจากสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษเมื่อสามปีที่แล้ว
นิวสวีคนำคำให้สัมภาษณ์ของ มาร์ก บอร์ดแมน ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจบันเทิงผู้ก่อตั้งบริษัทมาร์กมีตส์ มารายงานว่า Heart of Invictus เป็นซีรีส์ที่ให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบาดแผลอันน่าสะพรึงอย่างยิ่งที่ทหารต้องประสบ ทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ โดยที่ปรินซ์แฮร์รีก็สามารถรักษาเส้นแบ่งระหว่างความถ่อมตนกับการโปรโมทตนเองอย่างมั่นใจ ตลอดจนสามารถรักษาให้ซีรีส์ยังโฟกัสอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันมากกว่าจะมาโฟกัสที่ตัวพระองค์
ทั้งนี้ เห็นได้ว่าซีรีส์เชิดชูความเข้มแข็งของทหาร พร้อมกับโชว์ถึงความกล้าหาญ ความทรหด และความมุ่งมั่นที่จะนำพาตนเองให้ฝ่าด่านต่างๆ จนได้เป็นตัวแทนประเทศมาแข่งที่อินวิคตัส
ด้านเดลิเมลออนไลน์ชื่นชมว่าความพิเศษของซีรีส์เรื่องโด่งดังนี้คือ ความจับใจซึ่งเราได้เห็นทหารผ่านศึกเหล่านี้มากมายด้วยความกล้าที่จะเอาชนะความเจ็บปวด จนกระทั่งพาให้ตนเองค้นพบว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด ซึ่งสำเร็จด้วยการมีโอกาสจะเข้าร่วมมหกรรมกีฬานานาชาติสำหรับทหารที่ปรินซ์แฮร์รีทรงพัฒนาขึ้นมา
ความสำเร็จเหนือความคาดหมายของเรื่องก็คือ เราได้เห็นปรินซ์แฮร์รีในเวอร์ชันที่เราอยากจดจำ ไม่ว่าจะเป็นจิตใจเปี่ยมเมตตา พลังขับเคลื่อนให้ถึงเป้าหมาย ตลอดจนความมุ่งมั่นของพระองค์ที่จะเชิดชูเกียรติยศของทหารหาญ
ในเวลาเดียวกัน แอนเจลา เลวิน ก็เชียร์ Heart of Invictus ว่าเธอติดตามชมซีรีส์นี้ครบรวดเดียวทั้งห้าอีพี เพราะเรื่องราวที่นำเสนอจับใจของเธอให้อยากได้ฟังอยากได้ชมชีวิตของทหารกล้าแต่ละรายผู้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ
ยิ่งกว่านั้น เสียงชมจากนักวิจารณ์ของสื่อใหญ่ 5 ค่าย ก็ออกมาเป็นเกรด A ที่ 80% อาทิ ซีเอ็นเอ็น ชี้ว่า “ใครที่ดูแล้วไม่สะอื้น ก็ต้องเป็นคนไร้หัวใจ” ขณะที่เดอะไทมส์ ค่ายสื่อเจ้าพ่อรุ่นเก๋าของอังกฤษชื่นชมว่า Heart of Invictus “นำเสนอความเป็นมนุษย์ในมุมมองที่ดีงามที่สุด มีความทรหดอย่างที่สุด ถ้าจะว่าไป นี่เป็นการนำเสนอความเป็นปรินซ์แฮร์รีในมิติที่ดีงามที่สุด ก็พอเรียกได้”
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ นิวสวีค อินสตาแกรม เอ็กซ์ จีบีนิวส์ สกอตติชเดลีเอ็กซ์เพรส)