พนักงานหญิงสายงานประกันภัยของเครือธุรกิจเมกะยักษ์ระดับโลก Swiss Re ทำบุญมาดี นอกจากที่เธอจะมีทรวงอกคัพจัมโบ้ เธอยังสามารถชนะคดีการถูกล่วงเกินรังแกทางเพศ และถูกปฏิบัติไม่เท่าเทียมทางเพศ คว้าเงินชดใช้ความเสียหายทางจิตใจ อารมณ์ และร่างกายมาได้เกือบ 1.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 57 ล้านบาท เดอะไทมส์ สื่อค่ายใหญ่รุ่นเก่าแก่ของอังกฤษรายงาน
ไฮไลต์บาดใจของคดีนี้อยู่ที่หลายประโยคเด็ดและวรรคเพชร เช่น เจ้านายปากร้ายข่มเหงน้ำใจเธอในปาร์ตีเลี้ยงเหล้าของที่ทำงาน ด้วยถ้อยคำดูหมิ่นหยาบโลนอย่างเหลือเกิน
“ถ้าผมมีนมอย่างนมคุณ ผมก็จะเป็นคนช่างเรียกร้องจะเอาโน่นเอานี่เหมือนกัน”
จูเลีย ซอมเมอร์ คือพนักงานหญิงรายดังกล่าว เธออึ้งพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งเมื่อได้ยิน รอเบิร์ต ลูว์เอลลิน ผู้บริหารตำแหน่งใหญ่โตระดับผู้อำนวยการฝ่ายของเครือธุรกิจประกันภัย Swiss Re ยิ้มเย้ยหยันและกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นเธออย่างรุนแรงต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งหลาย
แต่ที่เจ็บแสบกว่า คือ ผอ.ลูว์เอลลิน พูดสำทับว่า “ผมพนันได้เลย คุณชอบอยู่บนเวลาทำเรื่องบนเตียง”
สาวซอมเมอร์ให้ข้อมูลว่า ตอนที่ถูกผู้บริหารรายนี้พูดจารังแก เธอกำลังเล่าขำๆ กับเพื่อนในวงปาร์ตีว่าพยายามหว่านล้อมให้แฟนแต่งงานด้วย ทั้งนี้ในวันที่เกิดเหตุล่วงเกินรังแกด้วยถ้อยคำว่าร้ายหยาบโลนทางเพศ เธอเป็นพนักงานชั้นผู้น้อยในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รับประกันภัยของเครือธุรกิจ Swiss Re หนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกด้านธุรกิจรับประกันภัยต่อ
ศาลอนุญาโตตุลาการคดีแรงงานได้รับฟังคำให้การ มาอีกประเด็นหนึ่งด้วยว่า ผอ.ลูว์เอลลินเคยพูดกับกลุ่มพนักงานว่า จูเลีย ซอมเมอร์ มองหา “ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด”
ในการไต่สวนนี้มีข้อมูลเปิดเผยเพิ่มเติมสืบเนื่องไปว่าหลังจากเปิดฉากเล่นงานกันที่งานปาร์ตี สภาพความสัมพันธ์ทางการงานระหว่างจูเลีย ซอมเมอร์ กับ ผอ.ลูว์เอลลิน เต็มไปด้วยปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ โดย ผอ.ลูว์เอลลินพูดวิจารณ์สาวซอมเมอร์ว่าเธอชอบเอาชนะ ทั้งนี้ ถึงกับมีการตะโกนแผดเสียงสั่งให้เธอ “หุบปาก” ในการประชุมครั้งหนึ่ง เดอะไทมส์รายงาน
ภายหลังต่อมา จูเลีย ซอมเมอร์ ได้ย้ายไปประจำที่สำนักงานลอนดอนและได้แต่งงานสมความปรารถนา นอกจากนั้น ยังประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธีทำเด็กหลอดแก้ว เธอจึงใช้สิทธิลาคลอด
ในจังหวะนี้เอง ผอ.ลูว์เอลลิน ทำการวางแผนบีบให้เธอถูกเลิกจ้าง โดยสร้างเรื่องเท็จว่างานที่เธอทำอยู่นั้นซ้ำซ้อนกับงานของพนักงานรายอื่น เดอะไทมส์รายงานอย่างนั้น
หลังจากตกงานแล้ว สาวซอมเมอร์นำเรื่องไปฟ้องร้องศาลอนุญาโตตุลาการคดีแรงงานของอังกฤษ เพื่อให้ Swiss Re รับผิดชอบกรณีผู้บริหารระดับสูงล่วงละเมิดรังแกทางเพศด้วยวาจาหยาบโลน ตลอดจนการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
และเธอเป็นฝ่ายชนะคดีนี้ซึ่งเป็นการฟ้องร้อง Swiss Re ในหลายข้อกล่าวหา ได้แก่ การเลือกปฏิบัติเพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง การล่วงเกินรังแกทางเพศ การทำให้เธอตกเป็นเหยื่อ การเลือกปฏิบัติเพราะเธอตั้งครรภ์ และการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ เงินชดใช้ค่าเสียหาย 1.6 ล้านดอลลาร์ที่เธอได้รับนั้น หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า เป็นหนึ่งในวงเงินชดใช้ค่าเสียหายก้อนใหญ่ที่สุดของคดีการล่วงเกินรังแกทางเพศในแวดวงธุรกิจการเงินของอังกฤษ
จากที่เคยเป็นพนักงานชั้นผู้น้อยอัตราค่าตอบแทนปีละ 95,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.3 ล้านบาทต่อปี จูเลีย ซอมเมอร์ ได้รับการชดใช้ความเสียหายมากมายเทียบได้กับค่าจ้างประมาณ 17 ปีกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการชดใช้ความเจ็บปวดทางความรู้สึก การสูญเสียรายได้ การสูญเสียอนาคตทางการงาน การสูญเสียเงินบำนาญ ไปจนถึงค่าเสียหายจากความกดดันที่ผู้บริหารกระทำต่อเธอ และค่าเสียหายจากความเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
ส่วนผู้บริหารระดับสูงผู้ซึ่งปากร้ายใจดำของ Swiss Re ได้รับผลกรรมของตนเอง คือต้องลาออกจากการงาน และกบดานให้พ้นจากเสียงวิจารณ์ของสังคม
เปิดคำวินิจฉัยคดีโดยศาลอนุญาโตตุลาการคดีแรงงานโดยละเอียด แสดงถึงการวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าอย่างเป๊ะและถี่ถ้วนอย่างยิ่ง
ศาลอนุญาโตตุลาการคดีแรงงานได้รับข้อมูลว่าจูเลีย ซอมเมอร์ เริ่มทำงานในบริษัทนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2017 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รับประกันภัยประเมินความเสี่ยงด้านการเมือง โดยทีมของเธออยู่ภายใต้การบริหารของรอเบิร์ต ลูว์เอลลิน ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายระดับโลกด้านการประเมินความเสี่ยงทางการเมืองของบริษัท Swiss Re ซึ่งมีฐานอยู่ในนครซูริค สวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานสาขาในกรุงลอนดอน
ข้อร้องทุกข์ของจูเลีย ซอมเมอร์ ระบุว่าเธอเป็นเหยื่อแห่งการเหยียดเพศ โดยผู้บริหารระดับสูงนามรอเบิร์ต ลูว์เอลลิน กระทำการด้วยทัศนคติเซ็กซิสต์ที่ถือว่าผู้ชายเป็นใหญ่ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์การจัดเลี้ยงทีมงานเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2017
“เธอให้ปากคำว่า ในขณะที่สนทนาในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เธอกล่าวแบบตลกๆ เธอจะขอโอนย้ายไปประจำที่กรุงลอนดอน เพื่อทำให้แฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งปัจจุบันเป็นสามี ยอมแต่งงานกับเธอ หลังจากที่คบหากันอย่างห่างไกล” ถ้อยคำไต่สวนระบุอย่างนั้น
จูเลีย ซอมเมอร์ ให้ปากคำด้วยว่า “คุณลูว์เอลลินจึงกล่าวเป็นเชิงตลกแต่สร้างความเสียหายแก่ดิฉันว่า ‘ถ้าผมมีนมอย่างนมคุณ ผมก็จะเป็นคนช่างเรียกร้องจะเอาโน่นเอานี่เหมือนกัน’”
“ดิฉันโต้ตอบไปว่า ‘ไม่หรอกค่ะ ดิฉันแค่รู้ตัวว่าดิฉันควรได้รับอะไร และสิ่งใดที่ดิฉันต้องการ’ แล้วคุณรอเบิร์ตยิ้มเย้ย พูดโพล่งออกมาว่า ‘ผมพนันได้เลย คุณชอบอยู่บน เวลาทำเรื่องบนเตียง’”
เมื่อจูเลีย ซอมเมอร์ นำเรื่องขึ้นร้องเรียน ผู้บริหารคู่กรณีกลับเลือกที่จะปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้กล่าวอะไรเหล่านั้นเลย
ยิ่งกว่านั้น ลูว์เอลลินยังกล่าวอ้างว่าซอมเมอร์พูดถึงสามี “ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมและดูหมิ่นหลายๆ ครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาสร้างข่าวลือขึ้นมาในกลุ่มพนักงานว่า จูเลีย ซอมเมอร์กำลังมองหา “ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด”
ในเรื่องดังกล่าวนี้ จูเลีย ซอมเมอร์ ให้ปากคำต่อศาลอนุญาโตตุลาการว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ “ไม่จริง สร้างความโกรธเคืองสะเทือนใจอย่างยิ่ง และส่งผลให้เกิดข่าวลือเสียๆ หายๆ ซึ่งไม่ควรจะพูดออกมาเลย เพราะเธออยู่ในช่วงที่เข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อสร้างครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่ลูก
การไต่สวนนี้ ซึ่งมีผู้พิพากษามาร์ก เอ็มเมอรี ผู้พิพากษาด้านแรงงาน เป็นประธาน สรุปว่ารอเบิร์ต ลูว์เอลลิน ได้กล่าวถ้อยคำทั้งหลายตามคำฟ้องร้อง
“นี่เป็นการกระทำที่ไม่น่าพึงปรารถนา” คณะกรรมการศาลอนุญาโตตุลาการให้ความเห็นอย่างนั้น “เราลงความเห็นว่ามันเป็นการพูดโพล่ง ... เป็นความพยายามให้เป็นเรื่องตลก ซึ่งมีการเหยียดเพศ ลดคุณค่าผู้อื่น และดูหมิ่นผู้อื่นเกิดขึ้น กระนั้นก็ตาม มันคือการพูดตลก ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ทำไปแล้วอย่างร้ายกาจ และไม่ควรจะพูดออกมาเลย
“จูเลีย ซอมเมอร์ ไม่ได้นำเรื่องมาฟ้องร้องต่อศาลก็จริง แต่เรารู้สึกได้ว่านั่นเป็นเพราะเธออยู่ในฐานะพนักงานใหม่ เป็นเจ้าหน้าที่รับประกันภัยระดับพนักงานผู้น้อย ส่วนลูว์เอลลินเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายระดับโลก
“เราพิจารณาแล้วว่ามันไม่ได้เป็นการเตรียมการล่วงหน้าที่จะมาล่วงเกินรังแกจูเลีย ซอมเมอร์ มันคือความพยายามที่ร้ายกาจมากที่พูดให้เป็นโจ๊กในบริบทที่ไปวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวของเธออย่างหยาบคาย
“ในบริบทนี้ มันมิใช่การพูดในเชิงรังแกทางเพศ มันเป็นคำวิจารณ์ต่อความสัมพันธ์ของเธอกับสามี แต่กระนั้นก็ตาม มันเกี่ยวเนื่องกับเซ็กซ์ของเธอ มันเป็นคำวิจารณ์ซึ่งพูดถึงร่างกายของเธอในเชิงวัตถุทางเพศ”
การให้ปากคำตอนหนึ่งระบุว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 จูเลีย ซอมเมอร์ ได้รับความรวดร้าวใจจากการถูกเลือกปฏิบัติเพราะเธอเป็นผู้หญิง เมื่อรอเบิร์ต ลูว์เอลลินตะโกน “หุบปากเลย จูเลีย!” ในระหว่างการประชุมด้วยระบบโทรศัพท์คอนเฟอเรนซ์คอลล์
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน การให้ปากคำแก่ศาลอนุญาโตตุลาการมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า รอเบิร์ต ลูว์เอลลิน กล่าวหาว่า จูเลีย ซอมเมอร์ เป็นคนชอบเอาชนะและข่มคน อีกทั้งถามเธอว่า “ทำไมจึงคอยแต่จะพยายามจะเป็นคนแข็งแกร่ง” และบอกให้เธอ “แสดงความเปราะบางมากขึ้น” และให้ยอมคนอื่นมากขึ้น”
หลังจากนั้นเขาบอกให้เธอทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ และไปทำแบบฝึกหัด ‘360 องศา’ รับความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงาน
พอถึงเดือนเมษายน 2019 จูเลีย ซอมเมอร์จ้างบริษัทว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว และขอใช้สิทธิลาคลอด แล้วจะกลับมาทำงานต่อ
ทั้งนี้ ศาลอนุญาโตตุลาการได้รับคำให้การมาว่า ภายในไม่กี่วันที่จูเลีย ซอมเมอร์ ได้ประกาศเรื่องตั้งครรภ์ออกมา รอเบิร์ต ลูว์เอลลิน และพนักงานบางคนก็เริ่มศึกษาช่องทางที่จะขจัดเธอให้พ้นออกไปจากบริษัท
จูเลีย ซอมเมอร์ คลอดบุตรในเดือนพฤศจิกายน 2019 และลาคลอด 6 เดือน หลังจากนั้นก็กลับเข้าทำงานในลักษณะพาร์ทไทม์ในเดือนกรกฎาคม 2020
ในเดือนตุลาคม 2020 เธอได้รับแจ้งว่าหน้าที่การงานของเธอมีความเสี่ยงว่าจะมีความซ้ำซ้อนกับพนักงานรายอื่น ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ Swiss Re อ้างว่าเป็นไปเพื่อลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาโตตุลาการตัดสินว่า เรื่องนี้เป็นแผนลวงเพื่อเลิกจ้างเธอ
“เราได้ข้อสรุปว่าหลักเหตุผลที่ว่าหน้าที่ของเธอมีความซ้ำซ้อนกับพนักงานอื่นนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเลิกจ้างเธอซึ่งบริษัทตัดสินกันไว้เรียบร้อยแล้ว” เดอะไทมส์รายงานว่าศาลอนุญาโตตุลาการสรุปไว้อย่างนั้น
“นี่ไม่ใช่หลักเหตุผลที่แท้จริง และมันไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาใช้กับพนักงานชายซึ่งมีอายุงานเท่าเธอมีความสามารถเท่าเธอ”
จูเลีย ซอมเมอร์กล่าวว่าเธอได้รับความทุกข์จากผลกระทบต่างๆ ของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงและอย่างมากมายต่อจิตใจ อารมณ์ และร่างกาย
เธอต้องพ้นออกจาก Swiss Re หลังจากที่มีผลสรุปการสอบสวนทางวินัยออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
ในส่วนของลักษณะการพูดจาที่รอเบิร์ต ลูว์เอลลิน กล่าวกับจูเลีย ซอมเมอร์ (ว่าเป็นคนชอบเอาชนะ – ให้ทำตัวเปราะบาง – ให้รู้จักยอมคนอื่น) นั้น ศาลอนุญาโตตุลาการเคาะว่า
“เราพิจารณาแล้วพบว่าบางส่วนของภาษาถ้อยคำเป็นการเหยียดเพศ กล่าวคือ พนักงานผู้ชายจะไม่ถูกตำหนิว่าชอบเอาชนะ หรือไม่ถูกบอกให้แสดงความเปราะบางบ้าง หรือไม่ถูกบอกให้ยอมคนอื่นบ้าง
“ภาษาถ้อยคำเหล่านี้ออกมาจากพื้นฐานว่า รอเบิร์ต ลูว์เอลลินรู้สึกว่า จูเลีย ซอมเมอร์ ควรจะประพฤติตนให้อยู่ในฐานะของเจ้าหน้าที่รับประกันภัยที่เป็นสตรีและเป็นพนักงานชั้นผู้น้อย ถ้ากรณีของจูเลีย ซอมเมอร์ เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รับประกันภัยที่เป็นพนักงานชาย รอเบิร์ต ลูว์เอลลิน จะไม่มีทัศนคติเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้น สาเหตุที่เขารู้สึกว่าสามารถกล่าวอย่างนี้ต่อเธอได้ ก็เพราะเขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงนั่นเอง” เดอะไทมส์รายงานคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการไว้อย่างนั้นในส่วนของข้อกล่าวหาเรื่องเซ็กซิสต์เหยียดเพศว่าผู้หญิงต่ำต้อยกว่าผู้ชาย
ส่วนสำหรับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการถูกทำให้เป็นเหยื่อ และเรื่องไม่ได้รับค่าจ้างเท่าเทียมกับผู้ชาย ศาลอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งยกฟ้อง
ในการนี้ ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ว่าเป็นการแพ้คดีทางเพศที่ต้องเสียเงินชดใช้ก้อนโตที่สุดของคดีทำนองนี้ในอุตสาหกรรมการเงินของกรุงลอนดอน อันเป็นพื้นที่ซึ่งถูกครอบครองโดยบุรุษเพศ โดยมีการรายงานถึงการล่วงละเมิดทางเพศหลายร้อยคดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาภายใน
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : เดอะไทมส์ ไฟแนนเชียลไทมส์)