พลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเมื่อวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) ดิ้นรนหาที่พักพิงหลบภัยในพื้นที่ทางตอนใต้ซึ่งถูกจำกัดหดแคบลงเรื่อยๆ ขณะที่อิสราเอลยังคงเพิ่มการถล่มโจมตีใส่ดินแดนแห่งนี้ ถึงแม้เจ้าหน้าที่อาวุโสอเมริกันออกมากดดันมากขึ้นให้รัฐยิวหลีกเลี่ยงการทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตราย
การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ ภายหลังความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ (1) ของการเจรจาเพื่อยืดอายุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว เป็นการปิดฉากการหยุดพักทำศึกซึ่งดำเนินมาได้ 7 วัน อีกทั้งทำให้มีการแลกเปลี่ยนเหล่านักโทษชาวปาเลสไตน์ซึ่งอิสราเอลคุมขังไว้ กับพวกตัวประกันที่ฝ่ายฮามาสจับกุมไปขณะบุกโจมตีดินแดนตอนใต้ของอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม รวมทั้งฮามาสยังได้ปล่อยพวกตัวประกันชาวต่างชาติเป็นการต่างหาก ซึ่งในนี้ส่วนใหญ่คือแรงงานชาวไทย
สำนักงานสถิติของฝ่ายปาเลสไตน์แถลงว่า ผลจากการสู้รบที่กลับปะทุขึ้นมาใหม่ ทำให้จำนวนผู้คนในกาซาซึ่งถูกสังหารจากการถล่มโจมตีทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเลของอิสราเอล นับจนถึงวันอาทิตย์ (3) เพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 15,400 คนแล้ว ส่วนมากที่สุดเป็นพลเรือน ในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 เดือนของสงครามซึ่งระเบิดขึ้นหลังฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลที่ทำให้มีชาวอิสราเอลถูกฆ่าราว 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน จากการที่สองฝ่ายกลับมาสู้รบกันอีกครั้งเช่นนี้ ผู้คนชาวปาเลสไตน์ในกาซาต่างแสดงความกังวลว่า การโจมตีทางอากาศในหนักหน่วงขึ้นอีกในระยะนี้อาจเป็นแค่การโหมโรงสู่ปฏิบัติการภาคพื้นดิน ซึ่งทหารอิสราเอลจะยกกำลังเข้าสู่ตอนใต้ของกาซา และอาจปิดล้อมพลเรือนปาเลสไตน์ให้ต้องอยู่ในพื้นที่แคบลงๆ หรือพยายามกดดันให้อพยพข้ามแดนเข้าสู่อียิปต์
กองทัพอิสราเอลนั้นอ้างว่า ได้โจมตีเป้าหมายกว่า 400 จุดในกาซานับจากข้อตกลงหยุดยิงล่ม ส่วนกลุ่มฮามา และกลุ่มอิสลามิก ญิฮาด ซึ่งเป็นพันธมิตรของพวกเขา ประกาศว่าได้ใช้จรวดโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล ซึ่งรวมถึงเทลอาวีฟ และอิสราเอลเผยว่า ทหาร 2 นายเสียชีวิตในการสู้รบ
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (3) กองทัพอิสราเอลโพสต์คำแถลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ สั่งให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาอพยพออกจากพื้นที่หลายแห่งทั้งในและรอบๆ เมืองข่านยูนิส เมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของกาซา ไปยังที่หลบภัยของผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (ไอดีพี) ทางตะวันตกของเมืองดังกล่าว ซึ่งรวมถึงทางด้านใต้ที่มุ่งหน้าสู่เมืองราฟาห์ เมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ติดชายแดนอียิปต์
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า อิสราเอลได้ประสานงานกับอเมริกาและองค์กรระหว่างประเทศเพื่อกำหนด “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับพลเรือนกาซา
ทว่า เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ และประชาชนในกาซาระบุว่า การปฏิบัติตามคำสั่งอพยพของอิสราเอลตามเวลาเรียลไทม์นั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้ได้เป็นบางพื้นที่ นอกจากนั้นยังไม่มีกระแสไฟฟ้าสม่ำเสมอท่ามกลางการโจมตีของอิสราเอล จึงกลายเป็นปัญหาในการสั่งการให้ประชาชนรีบหนีออกไปก่อนรัฐยิวเปิดฉากถล่มโจมตี
ทางด้านกระทรวงมหาดไทยฮามาสที่ควบคุมกาซาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ชาวปาเลสไตน์ 7 คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการที่อิสราเอลบุกบ้านหลังหนึ่งในเมืองราฟาห์ทางใต้ของกาซา นอกจากนั้นเครื่องบินอิสราเอลยังโจมตีบ้านหลายหลังในเมืองอัล-คารารา ใกล้เมืองข่านยูนิสเมื่อคืนวันเสาร์ ทำให้ประชาชนเสียชีวิตหลายคน รวมถึงเด็ก
มาร์ก เรเกฟ ที่ปรึกษาอาวุโสของเนทันยาฮู ยังประกาศว่า เมื่อสงครามสิ้นสุด อิสราเอลจะพยายามปิดล้อมด้านความมั่นคง เพื่อไม่ให้ฮามาสปักหลักบริเวณชายแดนกาซา
ทางด้านสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของอเมริกากล่าวขณะเยือนดูไบว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง แต่ต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรม และสำทับว่า มีพลเรือนปาเลสไตน์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากเกินไปในสงครามนี้
วันเดียวกันนั้น รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของสหรัฐฯ ไปกล่าวในงานประชุมกลาโหมที่แคลิฟอร์เนียว่า การปกป้องพลเรือนในกาซาเป็นความรับผิดชอบด้านศีลธรรมและยุทธศาสตร์ที่จำเป็นสำหรับอิสราเอล
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ผู้นี้ที่เคยประกาศว่า อเมริกาจะเคียงข้างอิสราเอลในฐานะมิตรสนิทที่สุดในโลก เสริมว่า ได้กดดันเจ้าหน้าที่อิสราเอลให้เปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงกาซามากขึ้น
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงและสภาเสี้ยววงเดือนแดงของอียิปต์เผยว่า รถลำเลียงความช่วยเหลือขบวนแรกนับจากสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงจากกาซาจำนวน 100 คันเข้าสู่จุดผ่านแดนราฟาห์เมื่อวันเสาร์
ทั้งนี้ คู่สงครามโทษกันไปมาว่า ละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอลกับนักโทษปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลกล่าวหาฮามาสว่า พยายามยิงจรวดก่อนที่ข้อตกลงจะสิ้นสุด อีกทั้งไม่ยอมส่งรายชื่อตัวประกันที่จะปล่อยเพิ่ม และกองทัพอิสราเอลระบุว่า ยังเหลือตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวในกาซา 137 คน
ขณะที่กองกำลังอิสราเอลระดมถล่มฉนวนกาซา รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสของอเมริกา ประณามว่า มีชาวปาเลสไตน์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากเกินไป และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ขานรับว่า อิสราเอลมีความรับผิดชอบด้านศีลธรรมในการปกป้องพลเรือน
การแสดงความคิดเห็นของทั้งคู่เมื่อวันเสาร์ (2 ธ.ค.) ตอกย้ำความกดดันจากวอชิงตันให้อิสราเอลใช้ความระมัดวังมากขึ้นขณะปรับเป้าหมายปฏิบัติการทางทหารลงลึกสู่ดินแดนตอนใต้ของฉนวนกาซา
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)