เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮามาสรายหนึ่งเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 รายในวันเสาร์ (18 พ.ย.) ในเหตุโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยทางเหนือของกาซา 2 แห่งพร้อมกัน หนึ่งในนั้นเป็นโรงเรียนของสหประชาชาติ ที่ถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงสำหรับคนไร้ถิ่นฐานจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
วิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผ่านการตรวจสอบโดยเอเอฟพีแล้ว พบเห็นร่างไร้วิญญาณจำนวนมากเต็มไปด้วยเลือดและฝุ่น กระจัดกระจายอยู่บนพื้นของอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งมีการจัดเตรียมที่นอนไว้ใต้โต๊ะเรียน ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเมืองจาบาเลีย ทางเหนือของกาซา ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยใหญ่ที่สุดของดินแดนของปาเลสไตน์แห่งนี้
อิสราเอล ประกาศทำลายล้าง ฮามาส แก้แค้นที่พวกนักรบกลุ่มนี้เปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานทางใต้ของอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับเป็นตัวประกันราว 240 คน
นับตั้งแต่นั้นปฏิบัติการถล่มไม่หยุดทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นของอิสราเอล สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 12,300 ราย มากกว่า 5,000 คนเป็นเด็ก อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลฮามาส ซึ่งปกครองกาซามาตั้งแต่ปี 2007
"มีอย่างน้อย 50 คนเสียชีวิตในเหตุโจมตีตอนรุ่งสางใส่โรงเรียนอัล-ฟาคูรา ที่บริหารงานโดยสหประชาชาติ ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์พักพิงของชาวปาเลสไตน์ที่ไร้ถิ่นฐาน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้ารายหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขในกาซา
จากข้อมูลของสหประชาชาติ มีประชาชนราว 1.6 ล้านคนต้องไร้ถิ่นฐานอยู่ในฉนวนกาซา นับตั้งแต่การสู้รบปะทุขึ้นเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน
มาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรม ประณามข่าวเศร้าที่มีเด็กๆ ผู้หญิงและผู้ชายถูกสังหารในครั้งนี้ "ศูนย์พักพิงเป็นสถานที่สำหรับความปลอดภัย" เขาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "พลเรือนไม่อาจและไม่ควรต้องมาแบกรับอะไรเช่นนี้"
อียิปต์เรียกร้องให้ประณามการทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนที่บริหารงานโดยสหประชาชาติ ว่าเป็น "อาญชาการสงคราม" และ "จงใจลบหลู่สหประชาชาติ"
เจ้าหน้าที่ฮามาส เปิดเผยว่าในการโจมตีอีกจุดเมื่อวันเสาร์ (18 พ.ย.) ใส่อาคารอีกแห่งในค่ายจาบาเลีย สังหารผู้คนไป 32 รายจากครอบครัวเดียวกัน ในนั้นเป็นเด็ก 19 คน
กองทัพอิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเจาะจงต่อเหตุโจมตี แต่บอกว่าทหารของพวกเขากำลังขยายปฏิบัติการในฉนวนกาซา ในนั้นรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ของค่ายจาบาเลีย
อิสราเอลแจ้งให้ชาวปาเลสไตน์เคลื่อนย้ายออกจากทางเหนือของกาซา เพื่อความปลอดภัย แต่ปฏิบัติการโจมตีนองเลือดยังคงเกิดขึ้นในแถบตอนกลางและพื้นที่ทางใต้ของฉนวนที่อยู่ริมฝั่งทะเลแห่งนี้
โอซามะ ฮัมดัน ตัวแทนระดับสูงของพวกฮามาสในเลบานอน กล่าวว่า 43% ของผู้เสียชีวิตในสงครามกาซา ตายในเขตต่างๆ ทางใต้ของฉนวนแห่งนี้ "ผู้รุกราน (อิสราเอล) กระทำไม่แตกต่างกันระหว่างทางเหนือและทางใต้"
ในวันเสาร์ (18 พ.ย.) ผู้คนหลายร้อยชีวิตเดินเท้า หลังจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนักของฉนวนกาซา เปิดเผยว่ากองทัพอิสราเอลออกคำสั่งให้อพยพออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งมีผู้คนราว 2,000 ราย ติดค้างอยู่ภายใน
ขบวนผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บ บางส่วนพิการ ถูกพบเห็นกำลังเดินทางออกจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งทะเล โดยไม่มีรถฉุกเฉินใดๆ เช่นเดียวกับพวกคนไร้ถิ่นฐาน แพทย์และพยาบาล ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวดังออกมาจากโรงพยาบาล
ระหว่างทางนั้น ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายหนึ่งพบร่างไร้วิญญาณอย่างน้อย 15 ศพ บางส่วนอยู่ในขั้นเริ่มเน่าเปื่อย กระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน ท่ามกลางสภาพร้านค้าริมทางที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักและรถยนต์พลิกหงายท้อง
กระทรวงสาธารณสุขในกาซา บอกว่ายังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 120 คน ในนั้นเป็นทารกเพิ่งคลอดจำนวนหนึ่ง ยังคงตกค้างอยู่ในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา
สถานการณ์อันน่าหดหู่นี้เกิดขึ้นในขณะที่อิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารภายในโรงพยาบาล ในความพยายามค้นหาศูนย์ปฏิบัติการของพวกฮามาส ที่พวกเขาอ้างว่าซุกซ่อนอยู่ใต้โรงพยาบาลแห่งนี้ ข้อกล่าวหาที่ทางฮามาสปฏิเสธ
ในกาซา ซิตี ทหารอิสราเอลใช้โทรโข่งเรียกร้องให้อพยพออกจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในชั่วโมงถัดไป นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ขอให้เขารับประกันว่าจะมีการอพยพคนไข้ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ไร้ถิ่นฐานและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าพวกเขาจะไม่ออกคำสั่งอพยพด้วยตนเอง แต่ยอมรับคำร้องของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่ขอให้เปิดทางพลเรือนอพยพออกมาเพิ่มเติม
อาห์เมด เอล โมคาลลาลาตี แพทย์รายหนึ่งของโรงพยาบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เกือบทั้งหมดและคนไข้เดินทางออกไปแล้ว แต่เขายังอยู่ในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา เช่นเดียวกับแพทย์คนอื่นๆ อีก 5 คน "คนไข้จำนวนมากไม่สามารถพาตัวออกจากโรงพยาบาลได้ เนื่องจากพวกเขาอยู่บนเตียงห้องไอซียูหรืออยู่ในตู้อบทารก" เขากล่าว
อิสราเอลทำการปิดล้อมฉนวนกาซา เปิดทางให้ความช่วยเหลือแค่บางส่วนจากอียิปต์เข้าไปภายใน แต่ห้ามการส่งมอบเชื้อเพลิงเกือบทั้งหมด เนื่องจากเกรงว่าพวกฮามาสอาจนำเสบียงดังกล่าวไปใช้ในจุดประสงค์ด้านการทหาร
อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงชุดแรกได้ถูกส่งเข้าไปยังกาซาแล้ว หลังรัฐบาลสงครามของอิสราเอล ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันจากพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ยินยอมเปิดทางให้รถบรรทุกน้ำมันดีเซลเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ 2 คันต่อวัน
เหตุไฟฟ้าดับ 2 วัน อันเนื่องมาจากการขาดแคลนเชื้อเพลิงได้สิ้นสุดลง หลังการส่งมอบเชื้อเพลิงชุดแรกจากอียิปต์ เดินทางไปถึงในช่วงค่ำวันศุกร์ (17 พ.ย.) แต่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติยังคงร้องขอข้อตกลงหยุดยิง พร้อมเตือนว่าไม่มีพื้นที่ไหนของกาซาที่ปลอดภัย
ข่าน ยูนิส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนาสเซอร์ เปิดเผยว่าเหตุโจมตีอาคารที่พักแห่งหนึ่งในทางใต้ของกาซา ได้สังหารผู้คนไป 26 ราย ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า "ผมกำลังหลับ เรารู้สึกประหลาดใจกับเหตุโจมตี มีระเบิดอย่างน้อย 20 ลูก ถูกทิ้งลงมา"
สหประชาชาติเปิดเผยว่า อิสราเอลเห็นพ้องเปิดทางให้ส่งมอบความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงเข้าไปยังฉนวนกาซา 60,000 ลิตรต่อวัน นับตั้งแต่วันเสาร์ (18 พ.ย.) เป็นต้นไป แต่เตือนว่ามันคิดเป็นสัดส่วนน้อยนิดแค่ 1 ใน 3 ของความจำเป็นที่ต้องจ่ายป้อนโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อให้เปิดดำเนินการได้ เช่นเดียวกับจ่ายป้อนเพื่อผลิตน้ำประปาและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย
เบรตต์ แม็คกูร์ค หัวหน้าที่ปรึกษาด้านตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า ความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงเพิ่มเติมและความเป็นไปได้ของการหยุดพักการสู้รบอย่างมีนัยสำคัญ จะขึ้นอยู่กับการปล่อยตัวประกัน "ระลอกของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ระลอกความช่วยเหลือทางพลังงาน และการพักรบ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตัวประกันได้รับการปล่อยตัว"
(ที่มา : เอเอฟพี)
