อิสราเอลยินยอมระงับปฏิบัติการทางทหารบริเวณตอนเหนือของฉนวนกาซา วันละ 4 ชั่วโมง เพื่อจุดประสงค์ด้านมนุษยธรรม จากการเปิดเผยของทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) แต่อีกด้านหนึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการหยุดยิงโดยสิ้นเชิง
ไบเดน พยายามกดดัน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้หยุดพักนานๆ ในการสู้รบที่ยืดเยื้อมากว่า 1 เดือน อันมีชนวนเหตุจากการที่พวกนักรบฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า การหยุดพักเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ท่ามกลางการสู้รบกันดุเดือดในกาซา ซิตี ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา
"อิสราเอลจะเริ่มบังคับใช้มาตรการหยุดยิง 4 ชั่วโมงในแต่ละวัน ในพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือของฉนวนกาซา โดยจะมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 3 ชั่วโมง" เคอร์บีระบุ "ฝ่ายอิสราเอลบอกกับเราว่า จะไม่มีปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เหล่านี้ตลอดช่วงเวลาของการหยุดพัก และกระบวนการดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้"
เคอร์บี ระบุต่อว่าการหยุดพักจะเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปภายในพื้นที่ และเปิดทางให้พลเรือนหลบหนีการสู้รบ นอกจากนี้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา อิสราเอลยังได้เปิดแนวกันชนด้านมนุษยธรรม เปิดทางให้ประชาชนหลายพันคนหลบหนีออกนอกพื้นที่ทางเหนือของกาซา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสู้รบหนักหน่วงที่สุด
"เราอยากเห็นการหยุดพักนี้เดินหน้าต่อไป ตราบใดที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยังมีความจำเป็นเร่งด่วน" เคอร์บีกล่าว
ด้านกองทัพอิสราเอล ระบุในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) ว่าอิสราเอลไม่ได้เห็นพ้องหยุดยิงระหว่างปฏิบัติการทางทหารเล่นงานกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา แต่จะเดิหน้าหยุดพักในระดับพื้นที่ เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรมเข้าไปภายใน
"ไม่ใช่การหยุดยิง ผมขอเน้นย้ำว่าไม่ใช่การหยุดยิง สิ่งที่เรากำลังทำคือกรอบเวลา 4 ชั่วโมง เป็นการหยุดพักทางเทคนิคและในระดับท้องถิ่น เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม"
สงครามนองเลือดที่ลากยาวมานานกว่า 1 เดือนในครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากการที่พวกนักรบฮามาส เปิดฉากจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวใส่อิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม บุกเข้าไปสังหารผู้คนกว่า 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและลักพาตัวไปอีกราว 240 คน ในเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดของอิสราเอล นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1948
ในกาซามีผู้เสียชีวิตแล้ว 10,800 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกันและจำนวนมากเป็นเด็ก ในปฏิบัติการทางทหารแก้แค้นของอิสราเอลที่มีเป้าหมายทำลายล้างกลุ่มฮามาส
มีเสียงเรียกร้องจากนานาชาติหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับข้อตกลงหยุดยิง เช่นเดียวกับการประท้วงต่างๆ ในนั้นรวมถึงการชุมนุมหน้าทำเนียบขาวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไบเดน บอกว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มีความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิงนานกว่านี้
"ไม่ ไม่มีความเป็นไปได้" ไบเดนบอกกับพวกผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามเกี่ยวกับโอกาสของข้อตกลงหยุดยิง พร้อมเผยว่าเขายังคงมีมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกัน ในนั้นรวมถึงพลเรือนสหรัฐฯ ราว 10 คน ที่ถูกพวกฮามาสคุมตัวในฉนวนกาซา "เราจะไม่ได้หยุด จนกว่าเราจะพาพวกเขากลับมา"
ในเวลาต่อมา ไบเดน ยืนยันว่าระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เนทันยาฮู "ผมร้องขอให้หยุดพักนานกว่า 3 วัน" และพอถูกถามว่ารู้สึกผิดหวังกับคำตอบของเนทันยาฮูหรือไม่ เขาบอกว่า "มันก็ยังถือว่านานกว่าที่ผมคาดหวังไว้"
สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรสำคัญ 'อิสราเอล' อย่างหนักแน่น นับตั้งแต่ถูกโจมตี และบอกว่าไม่ควรปล่อยให้พวกฮามาสปกครองฉนวนกาซาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม วอชิงตันส่งเสียงเรียกร้องต่อสาธารณะเช่นกัน ร้องขอให้กองทัพอิสราเอลปฏิบัติตามกฎแห่งสงครามและหลีกเลี่ยงก่อความสูญเสียแก่ชีวิตพลเรือน ส่วนในทางลับๆ มีรายงานว่าสหรัฐฯ กำลังกดดันให้อิสราเอลลดระดับปฏิบัติการรุกรานและหาทางพัฒนาแผนการหนึ่งขึ้นมาสำหรับก้าวย่างถัดไปในฉนวนกาซา
ไบเดน เพิ่งเดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพันธมิตรแห่งนี้ โดยระหว่างนั้นเขาได้แจ้งว่าอียิปต์ตอบตกลงเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ เปิดทางให้รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์แล่นผ่านเข้าไปยังตอนใต้ของกาซา
นอกจากนี้ ไบเดน ยังเน้นย้ำเสียงเตือนไปยังอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรของเตหะราน เกี่ยวกับการขยายวงความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม เหตุโจมตีกำลังพลหรัฐฯ จากฝีมือของกลุ่มนักรบต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของอิหร่าน ได้โหมกระพือความตึงเครียดขึ้น
เมื่อถูกถามว่า ทำไมเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ถึงปฏิบัติการโจมตีรอบใหม่ใส่คลังอาวุธที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ในภาคตะวันออกของซีเรียเมื่อวันพุธ (8 พ.ย.) ไบเดน ตอบว่า "เพราะพวกเขาโจมตีเรา" และกองกำลังสหรัฐฯ จะทำการโจมตีอีกครั้งถ้ามีความจำเป็น
(ที่มา : เอเอฟพี)