สถานการณ์การสู้รบในกาซาเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลังรัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มฮามาสประกาศบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 4 วันในสัปดาห์นี้เพื่อเปิดทางส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสู่พลเรือนในกาซา โดยฮามาสจะยอมปลดปล่อยตัวประกัน 50 คน แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวน 150 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอิสราเอล
ข้อตกลงพักรบครั้งแรกในสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 7 สัปดาห์เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลกาตาร์ยื่นมือเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย และนับเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายความทุกข์ทรมานให้พลเรือนในกาซา รวมถึงเปิดโอกาสให้ตัวประกันทั้งอิสราเอลและต่างชาติได้ทยอยกลับบ้านกันอย่างปลอดภัย
ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตรได้จับชาวอิสราเอลและต่างชาติราว 240 คนไปเป็นตัวประกันระหว่างที่บุกจู่โจมตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจะมีตัวประกันได้รับอิสรภาพเพียง 5 คน โดย 4 คนได้รับการปล่อยตัวโดยฮามาส และอีกคนถูกช่วยเหลือออกมาได้
สำนักงานของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ออกคำแถลงเมื่อค่ำวันอังคาร (21) ว่า ตัวประกันที่เป็นสตรีและเด็กจะได้รับการปล่อยตัวอย่างน้อยวันละ 10 คนตลอดช่วง 4 วันของการหยุดยิง และอิสราเอลอาจยอมขยายเวลาพักรบออกไปอีก หากกลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันเพิ่มเติมอีกวันละ 10 คน
แม้จะไม่มีการเอ่ยถึงนักโทษชาวปาเลสไตน์ แต่กระทรวงยุติธรรมอิสราเอลก็ได้เผยแพร่รายชื่อผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ 300 คนซึ่งมีสิทธิได้รับการปล่อยตัว
“รัฐบาลอิสราเอลมีความตั้งใจที่จะพาตัวประกันทุกคนกลับบ้าน และคืนนี้เราได้อนุมัติตามข้อตกลงที่มีการเสนอมา ซึ่งจะเป็นขั้นตอนแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว” คำแถลงของรัฐบาลอิสราเอลระบุ
กลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซามาตั้งแต่ปี 2007 ระบุว่า ตัวประกันกลุ่มแรก 50 คนจะได้รับการปล่อยตัวเพื่อแลกกับผู้หญิงและเด็กปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของรัฐยิว โดยการพักรบนี้ยังจะเปิดทางให้ขบวนรถบรรทุกหลายร้อยคันสามารถนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเชื้อเพลิงเข้าไปส่งในกาซาได้ ขณะที่ฝ่ายอิสราเอลจะระงับการยิงโจมตีทางอากาศในภาคใต้ของกาซาทั้งหมด และคงกรอบเวลาห้ามบินวันละ 6 ชั่วโมงในเขตกาซาตอนเหนือ
อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมฉนวนกาซาแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงยิงขีปนาวุธและส่งเครื่องบินเข้าไปทิ้งระเบิดโจมตีดินแดนนี้อย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เพื่อแก้แค้นที่พวกนักรบฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลแบบสายฟ้าแลบและสังหารผู้คนในฝั่งอิสราเอลไปราว 1,200 คน ตามสถิติทางการของรัฐบาลเทลอาวีฟ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลทำให้พลเรือนกาซาถูกสังหารไปแล้วไม่ต่ำกว่า 14,000 คน และในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 40% ซึ่งเป็นตัวเลขที่องค์การสหประชาชาติยืนยันว่า “เชื่อถือได้”
โมฮัมเหม็ด อัล-คูลัยฟี (Mohammed Al-Khulaifi) รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ซึ่งเป็นประธานคณะผู้เจรจาหยุดยิงของกาตาร์ อธิบายกับรอยเตอร์ว่า ข้อตกลงหยุดยิงคราวนี้หมายถึง “จะต้องไม่มีการโจมตีเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ไม่มีการเคลื่อนกำลังพล ไม่มีการขยายปฏิบัติการทางทหาร ไม่มีอะไรทั้งสิ้น” และรัฐบาลกาตาร์คาดหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ข้อตกลงที่ใหญ่กว่าหรือการหยุดยิงอย่างถาวร
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในอียิปต์เปิดเผยว่า คณะผู้เจรจาเสนอให้เริ่มพักรบตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันพฤหัสบดี (23) ทว่าล่าสุดมีคำยืนยันจากที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลซึ่งระบุว่า การปล่อยตัวประกัน 50 คนตามข้อตกลงพักรบชั่วคราวระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะไม่เกิดขึ้นก่อนวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.
สงครามนองเลือดที่สุดในความขัดแย้ง 75 ปีระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์ตลอด 7 สัปดาห์ที่ผ่านมาสร้างความสูญเสียอย่างหนักต่อพลเรือนของทั้ง 2 ฝ่าย และข้อตกลงพักรบครั้งนี้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นย่างก้าวเล็กๆ ที่ช่วยฟื้นฟูความสงบกลับคืนมาได้
กระนั้นก็ตาม ทั้งอิสราเอลและฮามาสยังยืนยันเสียงแข็งว่า ข้อตกลงพักรบจะไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายโดยรวมของทั้ง 2 ฝ่าย
“เรายังอยู่ในภาวะสงคราม และจะทำสงครามต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่วางไว้ ซึ่งก็คือการทำลายกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก ช่วยตัวประกันทุกคนกลับมา และต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่มีกลุ่มองค์กรใดๆ ในกาซาที่สามารถคุกคามอิสราเอลได้อีก” เนทันยาฮู กล่าว
ด้านฮามาสก็แถลงคล้ายๆ กันว่า “แม้เราจะประกาศข้อตกลงหยุดยิง แต่ขอยืนยันว่านิ้วมือของเรายังแตะอยู่ที่ไกปืน และนักรบผู้มีชัยชนะของเราจะยังคงเฝ้าระวังเพื่อปกป้องประชาชน และทำให้พวกผู้ยึดครองต้องพ่ายแพ้ไป”
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้นำหลายชาติที่ออกมาชื่นชมข้อตกลงยุติความรุนแรงนี้ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่ามีพลเมืองอเมริกัน 3 คนอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับการปล่อยตัวด้วย และหนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 3 ขวบที่พ่อแม่ถูกสังหารระหว่างที่นักรบฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล
นอกจากพลเรือนและทหารอิสราเอลที่ถูกพวกฮามาสควบคุมตัวไว้แล้ว กว่าครึ่งของตัวประกัน 240 คนยังมีชาวต่างชาติและพลเมืองสองสัญชาติจากอีก 40 ประเทศทั่วโลก รวมถึงอาร์เจนตินา อังกฤษ ชิลี ฝรั่งเศส เยอรมนี โปรตุเกส สเปน ไทย และสหรัฐอเมริกา
สมาคมผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ (Palestinian Prisoners Society) เผยข้อมูลล่าสุดในวันพุธ (22) ว่ามีชาวปาเลสไตน์ถูกคุมขังอยู่ในอิสราเอลราว 7,200 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 88 คน และเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 17 ปีอีก 250 คน
นักโทษปาเลสไตน์ 300 คนที่เข้าข่ายได้รับการปล่อยตัวส่วนใหญ่ถูกจับที่เขตเวสต์แบงก์และนครเยรูซาเลม ด้วยข้อหาพยายามใช้มีดแทง ขว้างปาก้อนหินใส่ทหารอิสราเอล ผลิตวัตถุระเบิด ทำลายทรัพย์สิน หรือมีการติดต่อสื่อสารกับองค์กรที่ไม่เป็นมิตรกับอิสราเอล เป็นต้น ทว่าไม่มีผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ยังถูกคุมขังภายใต้กระบวนการที่เรียกว่า “administrative detention” ซึ่งหมายถึงการกักขังโดยไม่ไต่สวนความผิด