ผู้นำฮามาสเผยข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอลใกล้ความจริง แม้ยิวยังโจมตีกาซาต่อเนื่อง โดยเป้าหมายล่าสุดของกองทัพอิสราเอลคือโรงพยาบาลอินโดนีเซีย ที่ถูกปิดล้อมและอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับโรงพยาบาลอัล-ชีฟา
อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาส แถลงเมื่อวันอังคาร (21 พ.ย.) ว่า ใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอล และฮามาสให้คำตอบกับกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางการเจรจาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางอิสราเอลยังไม่ได้เปิดเผยสถานการณ์การเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันราว 240 คนที่ถูกฮามาสจับไประหว่างการบุกโจมตีข้ามแดนอย่างอุกอาจเมื่อวันที่ 7 เดือนที่แล้ว
ตัวประกันส่วนใหญ่เป็นพลเรือนอิสราเอล ซึ่งรวมถึงเด็กและผู้สูงวัย และจนถึงขณะนี้ยังคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หรือได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพอิสราเอล หรือพบศพ
นักรบฮามาสสังหารเหยื่อราว 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ระหว่างบุกข้ามพรมแดนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งถือเป็นการโจมตีนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในกาซาที่ปกครองโดยฮามาส และรัฐบาลฮามาสเผยตัวเลขล่าสุดว่าการถล่มแหลกของอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 13,300 คน รวมถึงเด็กหลายพันคน
แหล่งข่าวจากฮามาส และจากกลุ่มอิสลามิกญิฮาด ซึ่งเป็นพันธมิตรของฮามาสที่ร่วมบุกโจมตีอิสราเอลด้วย ยืนยันว่า ทั้งสองกลุ่มตกลงในเงื่อนไขการหยุดยิง โดยข้อตกลงเบื้องต้นครอบคลุมการหยุดยิง 5 วัน ซึ่งรวมถึงภาคพื้นดิน และจำกัดปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอลในตอนใต้ของกาซา รวมทั้งอนุญาตให้รถบรรทุก 300 คันลำเลียงอาหารและยาเข้าสู่กาซา
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ฮามาสจะปล่อยพลเรือนอิสราเอลและตัวประกันต่างชาติ 50-100 คน แต่ไม่รวมทหารอิสราเอล ส่วนอิสราเอลจะปล่อยนักโทษปาเลสไตน์เฉพาะผู้หญิงและเด็ก 300 คน
เมื่อวันจันทร์ (21 พ.ย.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็แถลงแสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงนี้ใกล้บรรลุผล
ด้านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศแถลงในวันเดียวกันว่า ประธานคณะกรรมการได้เดินทางไปพบฮานิเยห์ ที่กาตาร์
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ข้อตกลงปล่อยตัวประกันช่วยผ่อนคลายสถานการณ์สำหรับชาวกาซาที่ต้องหาที่หลบภัยจากการทิ้งระเบิดและการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลมากว่า 6 สัปดาห์ แต่อิสราเอลประกาศว่า จะคงปฏิบัติการโจมตีต่อไปและบดขยี้ฮามาส รวมทั้งทำให้แน่ใจว่าตัวประกันได้รับอิสรภาพ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศหลังพบญาติพี่น้องของตัวประกันว่า อิสราเอลจะไม่หยุดต่อสู้จนกว่าตัวประกันทั้งหมดได้กลับบ้าน
ที่กาซาในวันอังคาร ยังคงมีหน่วยแพทย์และผู้ป่วยยังติดอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งกลายเป็นแนวรบแนวหนึ่งจากการที่ทหารยิวยกกำลังพร้อมรถถังเข้ารายล้อม และทำการโจมตี ขณะที่อิสราเอลขยายปฏิบัติการทั่วตอนเหนือของกาซา
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขฮามาสเผยว่า ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงวันจันทร์ อิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบาอิต ลาเฮีย ทางตอนเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายสิบคน ก่อนที่ทหารยิวพร้อมรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะจะบุกล้อมโรงพยาบาลและยิงเข้าใส่ตัวอาคาร
อัชราฟ อัล-กูดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฮามาส แสดงความกังวลว่า โรงพยาบาลอินโดนีเซียอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในกาซาที่ถูกกองกำลังอิสราเอลปิดล้อมและบุกค้น และต่อมาก็บังคับให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ตลอดจนผู้ป่วยจำนวนมากต้องอพยพออกไป
โรงพยาบาลอินโดนีเซียที่ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายจาบาเลีย ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยใหญ่ที่สุดในกาซา กลายเป็นจุดศูนย์กลางใหม่ในสงครามครั้งนี้ และเป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอลตลอดหลายวันที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขฮามาสเผยว่า ยังมีผู้ป่วยราว 400 คน และผู้หลบภัย 2,000 คนอยู่ในโรงพยาบาล โดยเมื่อวันจันทร์มีการอพยพคน 200 คนไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในเมืองข่านยูนิส ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกาซา
ด้านอิสราเอลอ้างว่า ฮามาสใช้โรงพยาบาลเป็นที่ซ่อนนักรบและเป็นฐานปฏิบัติการ ดังนั้น อิสราเอลจึงมีความชอบธรรมในการใช้ปฏิบัติการทางทหาร แต่ยืนยันว่า พยายามทุกวิถีทางเพื่อจำกัดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพลเรือน
ทว่า นานาชาติวิจารณ์ปฏิบัติการของอิสราเอลรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการประท้วงทั่วโลก ขณะที่หน่วยงานระหว่างประเทศกล่าวหายิวก่ออาชญากรรมสงคราม และรัฐบาลบางประเทศตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูต
องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ตกใจกับการโจมตีโรงพยาบาลอินโดนีเซียเมื่อวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ 1 ใน 164 ครั้งที่มีการจัดทำบันทึกนับจากสงครามครั้งนี้ระเบิดขึ้น
วันอังคาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซายังเปิดเผยว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 20 คนเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต ตอนกลางของกาซาเมื่อเที่ยงคืนวันจันทร์
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)