อิสราเอลเตรียมขยายปฏิบัติการทางทหารในกาซา หลังโจมตี “ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย” และ “โรงพยาบาลอินโดนีเซีย” ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกสิบกว่าคน หลังตายไปแล้วหลายสิบในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กาตาร์เผยว่า การเจรจาปล่อยตัวประกันจำนวนมากแลกเปลี่ยนกับการพักการสู้รบชั่วคราวใกล้บรรลุผล
สงครามกาซาที่นองเลือดที่สุดครั้งนี้ ซึ่งตามการเปิดเผยล่าสุดของรัฐบาลฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาระบุว่า จากการที่อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินอย่างต่อเนื่องมากว่า 1 เดือน ได้สังหารผู้คนในกาซาไปอย่างน้อย 13,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายพันคน ทั้งนี้อิสราเอลบอกว่าเพื่อเป็นการตอบโต้แก้แค้นที่พวกฮามาสบุกโจมตีตอนใต้ของรัฐยิวอย่างสุดช็อกเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งฝ่ายอิสราเอลบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 1,200 คน และ 240 คนถูกจับเป็นตัวประกัน
ในวันจันทร์ (20 พ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงว่า การโจมตีของอิสราเอลต่อโรงพยาบาลอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา และเป็นค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนนี้ ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 12 คน ซึ่งรวมถึงคนป่วย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน
อัชราฟ อัล-กิดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา เผยว่า ขณะนี้มีคนอยู่ในโรงพยาบาลอินโดนีเซียราว 700 คน ซึ่งรวมถึงทีมแพทย์และผู้บาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากจาบาเลียเมื่อวันอาทิตย์ (19) หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาเผยว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คนจากการโจมตีสองระลอก ซึ่งรวมถึงโรงเรียนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่คนจำนวนมากหลบภัยอยู่
ด้านกองทัพอิสราเอลบอกว่า จาบาเลียเป็นหนึ่งในเป้าหมายของตนในการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายฮามาสตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มนี้ และเสริมว่า กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตจาบาเลีย แต่ไม่ได้เอ่ยถึงการโจมตีโดยตรง
เหตุการณ์รุนแรงในจาบาเลียเป็นชนวนเหตุล่าสุดที่กระตุ้นให้ชาติอาหรับและประเทศอื่นๆ ออกมาประณามอิสราเอลอย่างรุนแรง
ในวันจันทร์ รัฐมนตรีต่างประเทศจากองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และอินโดนีเซีย ได้เข้าร่วมการประชุมกับจีนที่กรุงปักกิ่งเพื่อผลักดันให้ยุติสงครามและเปิดทางให้ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา โดยเหล่ารัฐมนตรีจากชาติอาหรับและอิสลามเรียกร้องให้หยุดยิงในกาซาทันที
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์อิสราเอลได้เผยแพร่คลิปที่อ้างว่า เป็นหลักฐานยืนยันว่า พวกนักรบฮามาสใช้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ในเมืองกาซาซิตี้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในกาซา เป็นที่ซ่อนตัวประกันและอำพรางเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่อยู่ข้างใต้
โรงพยาบาลแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางความกังวลห่วงใยของผู้คนทั่วโลก หลังจากกองทัพอิสราเอลยกกำลังบุกเข้าไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยยืนกรานว่า อัล-ชีฟา และอุโมงค์ใต้ดินเป็นฐานบัญชาการของกลุ่มฮามาส ทว่า ทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและฮามาสต่างปฏิเสธ
คลิปที่อิสราเอลเผยแพร่และอ้างว่า เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. นั้นมีภาพตัวประกันชาย 2 คนจากเนปาลและไทย ถูกนำตัวเข้าไปในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา
อิสราเอลยังกล่าวหาฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ ว่า สังหาร โนอา มาร์เซียโน ทหารหญิงอิสราเอลวัย 19 ปี ที่อัล-ชีฟา พร้อมโชว์ภาพที่อ้างว่า เป็นอุโมงค์ขนาด 55 เมตรใต้โรงพยาบาล
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนที่ยังเหลืออยู่เป็นเรือนร้อย ในจำนวนนี้รวมถึงผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ แพทย์ และพยาบาล ได้พากันหนีออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ ขณะที่มีเสียงระเบิดดังจากรอบๆ โรงพยาบาล โดยที่ยูเอ็นเผยว่า ได้อพยพทารกที่คลอดก่อนกำหนดจำนวน 31 คนออกไปแล้ว
มาร์วาน อาบู ซาดา หัวหน้าศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เผยว่า กองกำลังอิสราเอลยังคงอยู่ในโรงพยาบาล โดยที่รถถังซึ่งปิดล้อมโรงพยาบาลยังอยู่ที่นั่นเช่นกัน
แพทย์คนอื่นๆ เผยว่า ทหารอิสราเอลบุกค้นตามตึกต่างๆ และระเบิดชั้นล่างและชั้นใต้ดินเพื่อค้นหาอุโมงค์ของฮามาส
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์นายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ตานี ของกาตาร์เผยว่า ความพยายามในการนำตัวประกันกลับบ้านอย่างปลอดภัยโดยแลกเปลี่ยนกับการหยุดยิงชั่วคราวกำลังใกล้บรรลุผล เหลือเพียงรายละเอียดในเชิงปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่ยังไม่ลุล่วง
ขณะที่ จอน ไฟเนอร์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ในลักษณะเดียวกันว่า คณะผู้เจรจาใกล้ประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงมากกว่าครั้งใดๆ แต่ออกตัวว่า ยังคงไม่มีการตกลงอะไรกันจริงๆ จนกว่าสิ่งที่ตกลงจะได้รับการปฏิบัติอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น
ด้าน ไมเคิล เฮอร์ซ็อก เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำวอชิงตัน ได้ให้สัมภาษณ์รายการดีสวีกของฝ่ายข่าวเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐฯ ว่า อิสราเอลมีความหวังว่า ฮามาสจะปล่อยตัวประกันจำนวนมากในเร็ววันนี้
สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกับที่อิสราเอลเตรียมขยายปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างฮามาส ซึ่งก่อนหน้านี้โฟกัสที่ตอนเหนือของกาซา ลงสู่ด้านใต้ อย่างไรก็ดี เมื่อวันอาทิตย์ อเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอลตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ควรเริ่มปฏิบัติการทางใต้จนกว่ากองทัพอิสราเอลจะวางแผนอย่างรัดกุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนปาเลสไตน์แล้วเท่านั้น
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)