xs
xsm
sm
md
lg

In Clips : สู้รบหนักที่โรงพยาบาลหลายแห่ง มีผู้คนติดอยู่นับพัน วอนหยุดยิงก่อน รพ.ในกาซาต้องกลายเป็นสถานเก็บศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชาวปาเลสไตน์ยืนดูอยู่เหนือหลุมขนาดใหญ่มาก ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากอิสราเอลถล่มทิ้งระเบิดใส่เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) ทั้งนี้ขณะที่กองทัพอิสราเอลบอกให้พลเรือนชาวกาซาเรือนล้านอพยพหลบหนีออกมาจากตอนเหนือลงมาทางใต้ของกาซา แต่พวกเขาก็ยังคงโจมตีเป้าหมายต่างๆ ทั่วทั้งกาซาไม่มียกเว้น
ผู้คนเป็นพันๆ ติดอยู่ในโรงพยาบาลหลายแห่งในกาซากลางสมรภูมิการสู้รบดุเดือดระหว่างกองทหารอิสราเอลกับพวกนักรบฮามาส ขณะที่เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์เผยว่า ทารกแรกคลอด 2 คนเสียชีวิตและผู้ป่วยอีกหลายสิบคนตกอยู่ในความเสี่ยงหลังจากเชื้อเพลิงหมด ด้านองค์การแพทย์ไร้พรมแดนเตือนหากไม่หยุดการนองเลือดนี้ทันที โรงพยาบาลหลายแห่งอาจกลายเป็นโรงเก็บศพ






ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือเมืองกาซาซิตี้สว่างไสวไปด้วยแสงจากระเบิด ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินของอิสราเอลเพื่อทำลายฮามาสขณะนี้โฟกัสอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้สถานพยาบาลสำคัญหลายแห่ง

กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน แถลงเตือนเมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) ว่า หากไม่หยุดการนองเลือดนี้ทันทีด้วยการหยุดยิงหรืออย่างน้อยอพยพผู้ป่วย โรงพยาบาลหลายแห่งในกาซาจะกลายเป็นโรงเก็บศพ

โมฮัมหมัด อาบู ซาลมิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา เผยว่า โรงพยาบาลถูกล้อมและมีการทิ้งระเบิดใกล้โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ทีมแพทย์ไม่สามารถทำงานได้ นอกจากนั้นยังไม่สามารถจัดการหรือฝังศพที่ค้างอยู่หลายสิบศพ

ขณะที่ โมฮัมเหม็ด โอเบอิด ศัลยแพทย์ของแพทย์ไร้พรมแดน สำทับว่า ภายในโรงพยาบาลอัล-ชีฟาไม่มีทั้งน้ำ ไฟฟ้า อาหาร หรืออินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดราว 600 คน ทารก 37-40 คน ผู้ป่วยแผนกวิกฤต 17 คน และประชาชนอีกนับไม่ถ้วนที่หลบภัยสงครามอยู่

โอเบอิดเสริมว่า ทารก 2 คนในตู้อบ และผู้ป่วยชายอีกคนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเสียชีวิตหลังจากไฟฟ้าดับ เขายังบอกอีกว่า พลซุ่มยิงได้ยิงผู้ป่วย 4 คนในโรงพยาบาล ขณะที่ผู้คนซึ่งพยายามหนีลงทางใต้ของกาซาต้องเผชิญการทิ้งระเบิดเช่นเดียวกัน

เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บ รวมถึงทารกที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต และผู้ที่หลบภัยอยู่ภายในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา

ทางด้านกองทัพอิสราเอลปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีหรือปิดล้อมโรงพยาบาลดังกล่าว และกล่าวหาว่า ฮามาสใช้สถานพยาบาลเป็นศูนย์บัญชาการและที่หลบซ่อน ซึ่งทางฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี หัวหน้าโฆษกกองทัพอิสราเอล บอกว่า กองทัพอิสราเอลพร้อมให้ความช่วยเหลือในการอพยพทารกจากโรงพยาบาลอัล-ชีฟาไปยังโรงพยาบาลที่ปลอดภัยกว่าตามคำขอของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล

ทว่า หน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า โรงพยาบาล 20 จาก 36 แห่งในกาซาไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป

สมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์เรียกร้องให้นานาชาติและกลุ่มเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมแทรกแซงทันทีเพื่อปกป้องโรงพยาบาลอัล-คุดส์ ในกาซาซิตี้ที่มีผู้ป่วยราว 500 คน และผู้หลบภัยกว่า 14,000 คน ขณะที่มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ใกล้โรงพยาบาล และเสริมว่า ทารกหลายคนอยู่ในภาวะขาดน้ำเนื่องจากไม่มีสิ่งทดแทนนมแม่

โรงพยาบาลอีกหลายแห่งได้รับผลกระทบจากสงครามเช่นเดียวกัน ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลอินโดนีเซีย ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งต้องปิดโรงงานแยกเกลือออกจากน้ำ เครื่องสแกนทางการแพทย์ และลิฟต์ เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิง

ขณะเดียวกัน สถานีทีวีใหญ่ 3 แห่งของอิสราเอลรายงานโดยไม่เปิดเผยแหล่งข่าวว่า ข้อตกลงปล่อยตัวประกันมีความคืบหน้า โดยอาจเกี่ยวข้องกับตัวประกันเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงวัย 50-100 คน จาก 240 คนที่ฮามาสจับไประหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ทั้งนี้อาจจะมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันเหล่านี้กับการที่อิสราเอลยอมหยุดยิง 3-5 วัน ปล่อยนักโทษหญิงและเด็กชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งพิจารณาการอนุญาตให้จัดส่งเชื้อเพลิงเข้าสู่กาซา โดยที่อิสราเอลสงวนสิทธิในการกลับมาสู้รบต่อ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชายแดนของกาซายังเผยว่า จุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นด่านตรวจจากกาซาเพื่อเข้าสู่อียิปต์ จะเปิดอีกครั้งในวันอาทิตย์สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ และจอร์แดนเผยว่า ได้หย่อนความช่วยเหลือทางอากาศเพิ่มให้แก่โรงพยาบาลภาคสนามในกาซา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กาซารายงานเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.) ว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 11,078 คน และยังไม่มีการเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด ขณะที่อิสราเอลรายงานว่า การโจมตีของพวกฮามาสในดินแดนตอนใต้ของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 คน เป็นการลดจำนวนลงจากเดิมซึ่งรายงานตัวเลขที่ 1,400 คน

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น