เซเลนสกีโวระบบต่อสู้อากาศยานแพทริออตของอเมริกา และไอริส-ทีของเยอรมนี “ส่งผลดีอย่างมาก” แม้รัสเซียยังคงถล่มทางอากาศไม่หยุด ด้านมอสโกเผยยิงโดรนที่มุ่งหน้าโจมตีมอสโกร่วง ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายยันยูเครนโจมตีสะพาน 2 แห่งที่เชื่อมไครเมียกับรัสเซีย
รัสเซียและยูเครนเดินหน้าถล่มกองกำลัง อาวุธ และโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนสงครามของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เคียฟพยายามขับไล่กองกำลังรัสเซียที่ยึดที่มั่นอยู่ทั่วดินแดนทางใต้และตะวันออกของยูเครนมานับจากเปิดฉากรุกรานเมื่อต้นปีที่แล้ว
ทางผู้นำแคว้นไครเมียที่ได้รับแต่งตั้งจากมอสโกเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (7 ส.ค.) ว่า สะพานชอนฮาร์ที่เชื่อมไครเมียกับรัสเซีย ถูกขีปนาวุธโจมตีเสียหาย ขณะที่ถนน 3 สายที่เชื่อมระหว่างไครเมียกับดินแดนที่รัสเซียยึดครองในยูเครนถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ และมีพลเรือนบาดเจ็บ 1 คน
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยระหว่างปราศรัยเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูง ซึ่งรวมถึงแพทริออตของอเมริกา และไอริส-ทีของเยอรมนี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก
เซเลนสกีสำทับว่า ยูเครนสามารถสกัดการโจมตีจำนวนมากของรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธชนิดต่างๆ 65 ลูก และโดรนโจมตี 178 ลำ ในจำนวนนี้เป็นโดรนชาเฮดของอิหร่าน 87 ลำ
หลังจากนั้นกองทัพยูเครนแถลงว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธ 30 ลูก และโจมตีทางอากาศ 48 ระลอก ซึ่งทำให้มีพลเรือนบาดเจ็บและล้มตาย บ้านเรือนและโครงสร้างด้านพลเรือนอื่นๆ ถูกทำลาย
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเซเลนสกีระบุว่า รัสเซียได้ทิ้งระเบิดถล่มศูนย์ถ่ายเลือดในเมืองคูเปียนสก์เมื่อคืนวันเสาร์ (5) ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
ทว่า รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีโรงพยาบาลทหารหรือพลเรือน
ที่มอสโก สนามบินนูโคโวระงับเที่ยวบินชั่วคราวในวันอาทิตย์ โดยอ้างว่า เกิดเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมซึ่งไม่ระบุรายละเอียด ทว่า เซียร์เก ซอบยานิน นายกเทศมนตรีมอสโกระบุว่า โดรนลำหนึ่งถูกยิงร่วงทางใต้ของเมือง
ก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ได้โจมตีฐานทัพอากาศของยูเครนในแคว้นริฟเนและคาเมลนิตสกีทางตะวันตก และซาโปริซเซียทางใต้ โดยเป็นการโจมตีร่วมกันด้วยอาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำจากทะเล และสามารถโจมตีเป้าหมายทั้งหมดสำเร็จ
ทว่า เซอร์ฮี ทิอูริน รองผู้ว่าการคาเมลนิตสกี อ้างว่า สนามบินทางทหารในสตาโรคอสเตียนตินีฟเป็นหนึ่งในเป้าหมาย แต่ขีปนาวุธส่วนใหญ่ของรัสเซียถูกสอยตก ทว่า ทำให้เกิดการระเบิดและบ้านเรือนจำนวนมาก รวมถึงสถาบันวัฒนธรรม และสถานีรถบัสเสียหาย นอกจากนี้ยังมีไฟไหม้ที่ไซโลธัญพืช
ด้าน มิกไคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยเซเลนสกี ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้การโหมโรงของยูเครนในการโน้มน้าวกลุ่มโลกใต้ที่ยังลังเลในการเลือกข้างในความขัดแย้งนี้
ทั้งนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสจาก 40 ประเทศ รวมถึงอเมริกา จีน และอินเดีย ได้จัดหารือเกี่ยวกับการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ซาอุดีอาระเบีย แต่การหารือจบลงโดยปราศจากการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งไม่ได้รับเชิญให้ร่วมหารือด้วยนั้น แถลงสำทับเมื่อวันจันทร์ (7 ส.ค.) ว่า ข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะเป็นไปได้ต่อเมื่อเคียฟวางอาวุธ ยุติการโจมตีก่อการร้าย ยอมมอบดินแดนที่ถูกยึดครองให้รัสเซีย และตะวันตกต้องหยุดจัดหาอาวุธให้ยูเครน รวมทั้งต้องยืนยันรากฐานดั้งเดิมของอธิปไตยยูเครน นั่นคือยูเครนต้องเป็นประเทศที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)