นักวิเคราะห์ต่างชาติมองไทยมุ่งสู่ความไม่สงบยาวนาน หลังก้าวไกลถูกผลักเป็นฝ่ายค้าน

ไทยอาจเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยาวนานแห่งสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง แม้ว่ารัฐบาลผสมใหม่ก้าวเข้าสู่อำนาจและได้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากพรรคก้าวไกลที่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ถูกกีดกันออกจากการจัดตั้งรัฐบาลชุดถัดไป ตามรายงานของชาแนลนิวส์เอเชีย อ้างความเห็นของพวกผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง

ด็อกเตอร์เควิน เฮวิสัน ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษา ณ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ให้สัมภาษณ์กับรายการเอเชีย เฟิร์ส ของสำนักข่าวชาแนลนิวส์เอเชีย ว่า "เราอยู่ในน่านน้ำที่มืดมนและไม่คุ้นเคยอย่างมากสำหรับไทย และมีข้อตกลงอย่างลับๆ มากมายกำลังเดินหน้า ในขณะที่ประชาชนถูกกีดกันอยู่วงนอก"

"ผมคิดว่ามีจุดเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อการเลือกตั้งและสำหรับประชาธิปไตยของไทย เพราะว่าหากการเลือกตั้งไม่สำคัญและทุกการตัดสินใจว่าใครจะเป็นรัฐบาลดำเนินการกันอย่างลับๆ ผ่านกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและทางธุรกิจกลุ่มเล็กๆ เมื่อนั้นมันจะเปิดทางสำหรับการเมืองแบบสุดโต่งกว่าเดิมปรากฏขึ้น" เฮวิสันกล่าวกับชาแนลนิวส์เอเชีย

ชาแนลนิวส์เอเชีย ระบุว่า กำหนดการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยในวันศุกร์ (4 ส.ค.) ถูกเลื่อนอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาการตัดสินคดีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล ที่ชนะศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าจำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาว่าการที่รัฐสภาห้ามพรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำอีกรอบนั้นชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้ก้าวขึ้นมารับบทบาทเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไทย

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมากสุดเป็นอันดับ 2 ในพันธมิตรเบื้องต้น 8 พรรค ที่ประกาศจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เวลานี้พรรคเพื่อไทยประกาศจะจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล และเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

"ในช่วงเวลานี้มันจะเป็นเรื่องยากลำบากมากๆ ที่จะมองรัฐบาลผสมใหม่จะเป็นไปในรูปแบบไหนและการลงคะแนนโหวตสำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปในทิศทางใด" จากความเห็นของด็อกเตอร์เฮวิสัน ซึ่งมีผลงานการวิจัยที่น่าสนใจต่างๆ ในนั้นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย

"มีความไม่พอใจอย่างมากในหมู่พวกผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และในบรรดานักสังเกตการณ์อื่นๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะหันไปจับมือกับพรรคฝักใฝ่ทหารจากรัฐบาลชุดก่อนหรือใหม่ ถ้าพวกเขาทำแบบนั้น จากการคาดการณ์ของผมมันจะมีสถานการณ์ความไม่สงบมากมาย" เฮวิสัน ให้สัมภาษณ์กับชาแนลนิวส์เอเชีย

หลังจากคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อ 3 เดือนก่อน พรรคก้าวไกลรวบรวมพันธมิตร 8 พรรค รวมคะแนนเสียงได้ทั้งสิ้น 321 เสียงจากทั้งหมด 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม รัฐสภาประสบปัญหาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากมันจำเป็นต้องนับรวมคะแนนเสียงจากวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง 250 เสียงเข้าไปด้วย

วุฒิสมาชิกหลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลทหารชุดก่อน ไม่ลงคะแนนโหวตให้นายพิธา สืบเนื่องจากเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอให้การกล่าวร้ายพระบรมวงศานุวงศ์ของไทยเป็นเรื่องชอบธรรมตามกฎหมาย ตามรายงานของชาแนลนิวส์เอเชีย "มีหลายประเทศที่พรรคที่มาอันดับ 1 ในศึกเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมเสมอไป ดังนั้นมันจึงไม่เป็นเรื่องแปลกอะไร" ด็อกเตอร์เฮวิสัน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ด็อกเตอร์เฮวิสัน ระบุว่าพวกผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของไทยจำนวนมาก รู้สึกว่าพวกเขาถูกหลอกลวงและคะแนนเสียงของพวกเขาไม่สำคัญ "และผมคิดว่านี่คือปัญหาสำหรับพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะเดินหน้าต่อ แต่มันชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีทางเลือกมากนัก พวกเขาจำเป็นต้องแยกทางกับพรรคก้าวไกลถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง เพียงเพราะวุฒิสภาขวางทางอยู่"

"เวลานี้ประชาธิปไตยของไทยอยู่ในจุดที่ยุ่งยาก แต่มันเป็นจุดที่ถูกออกแบบมาโดยเหตุผลบางประการโดยรัฐบาลชุดก่อน" เฮวิสันกล่าว "ในเรื่องนี้ ในบางหนทางมีเจตนาเพื่อหยุดพรรคหัวก้าวหน้าหนึ่งก้าวเข้าสู่อำนาจ แม้พวกเขาเป็นที่นิยมก็ตาม"

ในวันพุธ (2 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่มีพรรคก้าวไกล เนื่องจากแนวทางปฏิรูปกฎหมายหมิ่นสถาบันของพวกเขานั้นทำให้เป็นเรื่องยากที่จะได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอื่นๆ และวุฒิสภามากพอ

รายงานของชาแนลนิวส์เอเชียอ้างความเห็นของ ผศ.ดร.สุรัชนี ศรีใย จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยหวังว่าวุฒิสมาชิกจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพวกเขา โดยกีดกันพรรคก้าวไกลอยู่วงนอกและเกือบแน่นอนว่า เวลานี้พรรคก้าวไกลจะต้องเป็นฝ่ายค้าน

พรรคเพื่อไทยเลื่อนแผนเปิดตัวรัฐบาลผสมชุดใหม่ในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) หลังมีคำแถลงมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องนี้ด็อกเตอร์เฮวิสัน บอกว่าโอกาสจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพหนึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าหน้าตาของรัฐบาลผสมจะออกมาแบบไหน

"ถ้าก้าวไกลอยู่ในฝ่ายค้าน พรรคการเมืองฝ่ายค้านอื่นๆ อาจไม่สามารถดำเนินการเป็นกลุ่มก้อนได้อย่างแข็งขัน คุณจะมีรัฐบาลที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ท่ามกลางฝ่ายค้านที่มีความแตกแยก" เขากล่าว "ดังนั้น พวกเขามีโอกาสและนายเศรษฐามีโอกาสเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ แต่มันขึ้นอยู่กับส่วนประกอบในท้ายที่สุดของรัฐบาลผสมว่าจะออกมาหน้าตาอย่างไร"

(ที่มา : ชาแนลนิวส์เอเชีย)