xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตคือก้าวไกล! องค์กรทรงอิทธิพลสหรัฐฯ ชี้เพื่อไทยเลือกกุมอำนาจตอนนี้ต้องชดใช้ในระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) องค์กรทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลในไทย ให้ข้อมูลว่าพันธมิตร 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยพังครืนไปเรียบร้อยแล้ว และเพื่อไทยกำลังจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นๆ ที่ไม่มีพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามรายงานชี้ว่าความเคลื่อนไหวนี้แม้จะช่วยส่งให้พรรคเพื่อไทยก้าวเข้าสู่อำนาจในระยะใกล้นี้ แต่อาจต้องชดใช้ในระยะยาว เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในอนาคตจะเป็นคนหนุ่มสาว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล

รายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า หลังจากละทิ้งพันธมิตรฝักใฝ่ประชาธิปไตย 8 พรรค ในนั้นรวมถึงพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองหัวก้าวหน้าที่คว้าเก้าอี้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งที่ผ่านมาของไทย ทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งกวาดเก้าอี้มาเป็นอันดับ 2 เวลานี้กลายมาเป็นหัวหอกในการจัดตั้งรัฐบาลและกำลังประสานงานกับพรรคขนาดเล็กอื่นๆ พร้อมกับเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เศรษฐีอดีตซีอีโอของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่แทบไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ด้วยที่เวลานี้ดูเหมือนว่าก้าวไกลจะถูกส่งไปเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นจึงเกือบแน่นอนว่านายเศรษฐา จะได้รับการรับรองในฐานะนายกรัฐมนตรี และรายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า นายเศรษฐา ต่างจากผู้นำพรรคก้าวไกล ที่ได้รับโอกาสแรกในการจัดตั้งรัฐบาล เขาไม่สนับสนุนให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และจุดยืนสนับสนุนสถานภาพปัจจุบันของเขา ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากวุฒิสภา 250 เสียง ที่เคยปฏิเสธลงคะแนนให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้

ทางสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลต่อว่า แม้พรรคก้าวไกลจะครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร 500 เสียง แต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค จำเป็นต้องรวบรวมเสียงสนับสนุนให้ได้ 376 เสียงจากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร สำหรับก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายอนุรักษนิยม วุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากทหาร

รายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่าเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นที่รู้จักกันในฐานะพรรคที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจในไทย แต่โดนรัฐประหารโค่นอำนาจนายกรัฐมนตรีของพวกเขาถึง 2 คน

สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่าในช่วงต้นของพรรคเพื่อไทย ครั้งที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคได้ส่งผ่านนโยบายประชานิยมต่างๆ ที่นำพาประโยชน์ด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและผลประโยชน์สำคัญอื่นๆ มาสู่คนไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว ทักษิณ ก่อความเป็นประชาธิปไตยของตนเอง ด้วยการเป็นผู้ดูแลการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมในภาคใต้ของไทย ข่มขู่สื่อมวลชนและพยายามปรับเปลี่ยนสถาบันอื่นๆ

ถึงกระนั้นรายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บอกว่าเป็นเวลานานกว่า 2 ทศวรรษแล้ว ที่พรรคเพื่อไทยถูกมองโดยทั่วไปในฐานะพรรคหลักของฝ่ายโปรประชาธิปไตย แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขามีความยืดหยุ่นสูง และไม่ได้ผลักดันเปลี่ยนแปลงรูปแบบสถาบันหลักๆ อย่างเช่นปฏิรูปกฎหมายหมิ่นสถาบัน ที่เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆในไทย

รายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชี้ว่าด้วยที่ประกาศแยกทางกับพรรคก้าวไกล และหันไปจัดตั้งรัฐบาลผสมกับบรรดาพรรคเก่าแก่และเหล่าพรรคอนุรักษนิยมทั้งหลาย แม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายปกครอง แต่บางทีมันอาจเท่ากับว่าพวกเขาได้สละสถานภาพรับรองพวกเขาในฐานะพรรคประชาธิปไตย ยกตัวอย่างกรณี ผู้ประท้วงคนหนุ่มสาวรวมตัวกันบริเวณด้านนอกที่ทำการพรรคเพื่อไทย เผยหุ่นจำลองบรรดาแกนนำพรรค ตอบโต้คำประกาศแยกทางกับพรรคก้าวไกล จากนี้พรรคเพื่อไทยจะถูกมอง โดยเฉพาะจากคนหนุ่มสาวว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของสถาบันของไทย ซึ่งไม่ให้ความเคารพต่อเจตจำนงของประชาชนมานานหลายปี

สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังให้เครดิตพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง ต่อกรณีไม่ยอมรับพรรคฝักใฝ่ทหารอย่างเปิดเผยเข้าร่วมรัฐบาลผสม นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังให้คำสัญญาจัดทำประชามติว่าจะดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และถ้าคนไทยลงมติรับรองรัฐธรรมนูญใหม่ พรรคเพื่อไทยอ้างว่าพวกเขาจะทำการยุบสภา "เราจะได้เห็นกัน โดนส่วนตัวแล้ว ผมสงสัยว่าพรรคเพื่อไทย จะขอให้มีการลงประชามติหรือไม่" ผู้เขียนรายงานระบุ

รายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่าก้าวย่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยอาจตระหนักว่าการกระทำของพวกเขาอาจดูแย่สำหรับคนไทยผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยจำนวนมาก และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นตัวแทนของเวอร์ชันหนึ่งในประชาธิปไตยไทย

อย่างไรก็ตาม รายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชี้ว่าคนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวก้าวข้ามแนวทางนโยบายแนวเดิมของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และต้องการปฏิรูปสถาบันหลักๆ ในนั้นรวมถึงสถาบันกษัตริย์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม จากโพลที่เบื้องต้นที่คาดหมายว่าพรรคเพื่อไทยจะยังคงครองความโดดเด่นในศึกเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ และบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงคนหนุ่มสาวที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล คืออนาคตของการเมืองไทย

(ที่มา : Council on Foreign Relations)


กำลังโหลดความคิดเห็น