xs
xsm
sm
md
lg

“ชลน่าน” แถลงยกเลิก MOU 8 พรรค ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน หาพรรคร่วมชุดใหม่ เสนอ “เศรษฐา” นั่งนายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพื่อไทยแถลงผ่าทางตัน เหตุก้าวไกลไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.- ส.ว. จึงขอถอนตัวจากการร่วมมือกัน 8 พรรค ให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ชูแก้ รธน. ตั้ง ส.ส.ร.พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 14.00 น.วันนี้ (2 ส.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายประเสริฐ กล่าวว่า การแถลงของพรรคเพื่อไทยวันนี้ สืบเนื่องจากช่วงเช้าเวลา 09.30 น. พรรคเพื่อไทยได้หารือกับพรรคก้าวไกล ใช้เวลาหารือร่วม 2 ชั่วโมง และการหารือเสร็จสิ้น จากนั้นพรรคเพื่อไทยได้แจ้งผลการหารือผลสรุปต่างๆ ทางโทรศัพท์ไปยังพรรคร่วมแกนนำ 8 พรรค ถึงการตั้งรัฐบาลในครั้งนี้


นพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ว่า เริ่มต้นใหม่ร่วมผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยได้จับมือร่วมกับพรรคอีก 6 พรรค ร่วมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้

ดังนั้น ที่ประชุม 8 พรรคร่วม จึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม และ ส.ว.ได้

เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก ส.ว. และ ส.ส. โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็น ส.ว.ทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่า นโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี

ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกัน และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย และ นายเศรษฐา ขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญ ดังนี้

1. เราจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง ส.ส.ร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

2. นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อประชาชน ซึ่งมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ

พรรคเพื่อไทย ขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรค และ ส.ว. รวมทั้งประชาชนว่า นี่คือ แนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต

สร้างสรรค์ประชาธิปไตย แก้ไขความขัดแย้ง คืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน




ภายหลังจากนายแพทย์ชลน่านอ่านแถลงการณ์จบ ได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวถาม โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรค พท.ประวิงเวลา ไม่เรียกประชุมพรรคร่วมเสียที ว่า ไม่ใช่การประวิงเวลา แต่ที่ช้าเพราะเราถูกร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกลให้รอถึง 23.00 น.คืนวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเรารอถึงเที่ยงคืน แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่มีการติดต่อกลับมา เราจึงดำเนินการตามแนวทางของเราตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยเราหารือกับพรรคก้าวไกลมาตลอด แต่แกนนำพรรคก้าวไกลอาจจะมีปัญหาการสื่อสารภายในกับสมาชิก เราได้โทรศัพท์ชี้แจงพรรคร่วมที่เหลือแล้ว ว่าเราต้องตั้งรัฐบาลเพื่อคลี่คลายวิกฤติที่เกิดขึ้น

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า การตกลงกันคระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลครั้งนี้ ม่ใช่การเกี้ยเซี้ยะทางการเมือง แต่เป็นการต่างคนต่างทำหน้าที่โดยไม่มีก้าวไกลร่วมตั้งรัฐบาลด้วย ส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน เราพร้อมร่วมผลักดันไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยคือการแก้ไขมาตรา 112 โดยเราจะทำหน้าที่ใช้ประสบการณ์ของเราแก้วิกฤติเศรษฐกิจ การเมืองให้เข้าสู่ระบบปกติทั้งหมด

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประสานงานหลังจากนี้ ทุกพรรคการเมืองไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในการเข้าร่วม โดยเป้าหมายของพรรค พท.คือต้องได้ตัวนายกฯ ก่อน ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลใหม่นั้นต้องเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อการบริหารประเทศได้

ด้านนายประเสริฐ จันทร์รวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี 6 พรรคร่วมที่เหลือจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรค เพื่อไทยต่อหรือไม่ว่า ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค หากเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเราก็ยินดี บางพรรคร่วมตอบรับ บางพรรคยังไม่แสดงท่าที ส่วนเรื่องการโหวตของก้าวไกลจะช่วยเพื่อไทยหรือไม่นั้น เราได้แจ้งพรรคร่วมแล้วว่าเป็นเรื่องของเอกสิทธิของพรรคก้าวไกล ในวันที่ 3 ส.ค.ช่วงบ่าย เราจะออกแถลงการณ์ตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งหนึ่ง


ส่วน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิของพรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนให้หรือไม่ก็ได้ ส่วนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะแถลงอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) คาดว่าน่าจะเป็นช่วงบ่าย ส่วนจะมีพรรครวมไทยสร้างชาติหรือพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่นั้น ขอให้รอดูในวันพรุ่งนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น