(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Still an enigma, Prigozhin resurfaces in Belarus
By STEPHEN BRYEN
21/07/2023
ยังมีคำถามที่เป็นปริศนาหาคำตอบไม่ได้ เมื่อปรากฏข่าวและคลิปที่ไม่ค่อยชัดเจน ซึ่งยืนยันการปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งของ เยฟเกนี ปรีโกจิน โดยดูเหมือนเขาจะอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชากองทหารวากเนอร์ที่นั่นอีกด้วย
ผู้อ่านของผมท่านหนึ่งชี้ให้เห็นว่า ผมผิดแล้วเกี่ยวกับ เยฟเกนี ปรีโกจิน ทั้งนี้ผมเพิ่งเสนอเหตุผลไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่ออธิบายการที่ผมคิดว่า ปรีโกจิน ไม่ได้เป็นผู้นำของกลุ่มวากเนอร์อีกต่อไปแล้ว นอกจากนั้น เขายังถูกตัดลดบทบาทและกำลังหายหน้าหายตาไปอีกด้วย ทว่าผมนะน่าจะผิดเสียแล้ว ถ้าหากยอมรับว่ารายงานข่าวที่ระบุว่า ปรีโกจิน ได้ปรากฏตัวที่เบลารุสเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นเป็นข่าวที่ถูกต้อง
พวกสื่อมวลชนทางการของฝ่ายรัสเซียพากันเงียบเฉยนิ่งสนิทกันหมดเลยเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องนำมาพินิจพิจารณากันดูก็คือคำแถลงสั้นๆ ชิ้นหนึ่งซึ่งถูกอ้างอิงว่าเป็นของ ปรีโกจิน และคลิปวิดีโอที่เลอะเลือนมากไม่มีความชัดเจนเอาเลยซึ่งระบุกันว่าเป็นคลิปที่ ปรีโกจิน ให้การต้อนรับกองทหารวากเนอร์ที่เบลารุส ทั้งนี้ บุคคลที่ถูกบันทึกภาพเอาไว้นี้อาจจะเป็นใครก็ได้ แต่บอกกันว่าเป็น ปรีโกจิน
เป็นที่เข้าใจกันว่า พวกทหารวากเนอร์เหล่านี้เพิ่งเดินทางไปถึงเบลารุส โดยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนคอนวอยขนาดใหญ่ที่เดินทางมาจากรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผมจะขอพินิจพิจารณาดูจากสมมติฐานที่ว่า คำแถลงของปรีโกจิน และคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นของจริง รวมทั้งเรื่องที่ว่า ปรีโกจิน กลับเข้ามาบังคับบัญชากองกำลังวากเนอร์ในเบลารุสด้วย นั่นก็คือ บุรุษผู้ซึ่งมีอยู่ช่วงระยะหนึ่งถูกมองว่าเป็นคนทรยศกบฏชาติ เวลานี้กลับมาทำกิจการอย่างที่เมื่อก่อนเคยทำอยู่อีกครั้งหนึ่งแล้ว
มันอาจจะมีเหตุผลดีๆ สำหรับการที่เบลารุสให้การต้อนรับกองกำลังวากเนอร์เข้าไปอยู่ในประเทศนั้น เนื่องจากพวกผู้มีอำนาจของที่นั่นมีความวิตกกังวลอย่างสมเหตุสมผลทีเดียวว่า โปแลนด์อาจจะเปิดการโจมตีตรงบริเวณชายแดนขึ้นมา ในความพยายามที่จะทำให้กองทหารรัสเซียซึ่งอยู่ในยูเครนต้องแบ่งบางส่วนออกมารับมือ การปรากฏตัวของกองทหารวากเนอร์ในเบลารุสจึงดูเหมือนจะเป็นการวางหมากทีเด็ดสำหรับตอบโต้ป้องปรามไอเดียใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับการเปิดรุกเข้าไปจากทางโปแลนด์
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.reuters.com/world/europe/belarus-forces-holding-exercises-with-wagner-fighters-border-with-poland-2023-07-20/)
แลร์รี จอห์นสัน (Larry Johnson) เพื่อนดีคนหนึ่งของผมมีความคิดเห็นว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ปรีโกจิน เป็นสิ่งที่วางแผนสร้างกันขึ้นมาอย่างชาญฉลาด รวมทั้งมองว่า ปูติน และหน่วยจีอาร์ยู (GRU หน่วยงานข่าวกรองของฝ่ายทหารรัสเซีย) แท้จริงแล้วร่วมมือกันทำงานเพื่อจะได้สืบทราบเปิดโปงพวกหน่วยข่าวกรองตะวันตกที่เข้าไปก้าวก่ายวุ่นวุ่นวายในรัสเซีย รวมทั้งเพื่อให้สามารถระบุตัวพวกผู้นำทางทหารที่ไม่จงรักภักดีต่อปูติน เหตุผลเช่นนี้ยังสอดคล้องเข้ากันได้ดีกับรายงานซึ่งยังไม่มีการยืนยันหลายชิ้นที่ว่า มีคณะผู้นำทางทหารของรัสเซียจำนวนหนึ่งซึ่งอาจจะมากถึง 16 คนทีเดียวได้ถูกกวาดล้างแล้ว
เมื่อคุณดีลกับรัสเซียคุณจะต้องคอยพยายามแยกแยะสิ่งที่เป็นจริงออกจากสิ่งที่เป็นเท็จอยู่เสมอๆ ในรัสเซียบางครั้งบางคราวเรียกสิ่งนี้ว่า “มาตริออชกา” (Matryoshka) ตามชื่อของตุ๊กตามาตริออชกา (Matryoshka dolls) ที่มีชื่อเสียงของแดนหมีขาว ซึ่งจะมีตุ๊กตาขนาดตัวเล็กกว่า ซ่อนอยู่ข้างในตุ๊กตาตัวใหญ่กว่าซ้อนๆ กันหลายๆ ชั้นทีเดียว ผมเองก็เก็บเอาไว้ชุดหนึ่งนานมาแล้วตั้งแต่เมื่อครั้ง บอริส เยลต์ซิน เป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ทฤษฎีสมคบคิดทฤษฎีนี้มีปัญหาฉกรรจ์อยู่ตรงที่ว่า ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด เป็นการเสแสร้งเล่นละครแล้วล่ะก็ การที่ ปูติน กล้าเล่นบทบาทเช่นนี้ มันก็ย่อมเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยงภัยอย่างมโหฬารมากๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีคำถามอื่นๆ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก
เป็นต้นว่า ในเมื่อถ้าหากมันเป็นการเสแสร้งแกล้งทำมาตั้งแต่ต้น แล้วทำไม ปูติน ยังต้องติดต่อขอแรงเพื่อนสนิทของเขาในเบลารุสอย่าง อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก มาช่วยเป็นคนกลางเพื่อทำข้อตกลงกับ ปรีโกจิน? หรือว่าเรื่องจริงๆ เป็นอย่างที่ ลูคาเชนโก เล่าเอาไว้หรือเปล่า นั่นคือ เขาเป็นคนที่หาทางติดต่อกับ ปรีโกจิน แล้วจากนั้นจึงต่อสายเชื่อมโยงเอา ปูติน เข้ามา?
ทำไม ปูติน จึงทำข้อตกลงกับ ปรีโกจิน ซึ่งขณะที่มันเป็นการระงับการปฏิบัติการรัฐประหารยึดอำนาจ แต่ก็เท่ากับปล่อยให้ ปรีโกจิน อยู่ในฐานะที่ทรงอำนาจมากและมีอันตรายมากไปด้วย? ในทำนองเดียวกัน ทำไม ปูติน จึงยังคงออกมากล่าวปราศรัยโดยเรียกสิ่งที่กลุ่มวากเนอร์ทำ ว่าเป็นการก่อกบฏและการทรยศชาติ หลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงกับ ปรีโกจีน ไปแล้ว ครั้นแล้วมาถึงตอนนี้ก็พลิกกลับตาลปัตรอีกครั้งเพื่อให้ ปรีโกจิน กลับคืนมาปฏิบัติการในเบลารุสได้?
เกิดอะไรขึ้นทำไมกองทัพบกรัสเซียจึงไม่ได้ส่งกองทหารมายังมอสโกเพื่อสกัดกั้น ปรีโกจิน กันเลย? ในความเป็นจริงแล้ว กองกำลังที่เดินทางเข้ามอสโกด้วยความมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือปูติน ประกอบด้วย เอสเอฟบี ตำรวจ และกองกำลังของเชชเนีย ไม่ใช่หน่วยทหารในกองทัพบก
หลังจากได้ข้อตกลงที่มีลูคาเชนโกเป็นคนกลางแล้ว ทางพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัสเซียก็ได้เริ่มปราบปรามกวาดล้างพวกสมบัติข้าวของต่างๆ ของปรีโกจิน การยกกำลังจู่โจมเข้าไปในคฤหาสน์ของปรีโกจินที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้รับการบันทึกวิดีโอและนำออกเผยแพร่ในรัสเซีย ในความพยายามที่จะดิสเครดิตตัวเขา เวลาเดียวกัน เครือข่ายโซเชียลมีเดียของปรีโกจิน ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง ก็มีการระบุกันว่าถูกพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบยึดเอาไป นอกจากนั้น ปรีโกจินยังสูญเสียสัญญาว่าจ้างบริษัทของเขาให้จัดหาจัดส่งอาหารแก่กองทัพบกรัสเซียที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ มีรายงานว่าคนของปรีโกจินที่ทำงานอยู่ในการปฏิบัติการต่างๆ ของวากเนอร์นอกรัสเซีย โดยเฉพาะในแอฟริกา กำลังจะถูกแทนที่โดยบุคลากรของกองทัพบกรัสเซีย (ซึ่งทำให้เกิดเสียงร้องทุกข์ดังลั่นทีเดียวจากผู้นำของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง และผู้นำของชาติอื่นๆ อีก)
มอสโกได้เพิกถอนความสงสัยข้องใจในเรื่องนำบุคลากรจากกองทัพรัสเซียเข้าไปแทนที่กองกำลังวากเนอร์ในแอฟริกาแล้ว โดยได้มีการผลัดเปลี่ยนบุคลากรของวากเนอร์ที่นั่นกัน “ตามปกติ” เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญๆ ข้ออื่นๆ อย่างเช่น ใครกันแน่ซึ่งเป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชากลุ่มวากเนอร์อยู่จริงๆ ในตอนนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเอาเลย ปูตินนั้นเลือก อันเดร โตรเชฟ (Andrei Troshev) (ผู้มีฉายาในภาษารัสเซียว่า “เซดอย” หรือ “ไอ้ผมเทา) ให้เป็นหัวหน้าของวากเนอร์ นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดอย่างแจ่มแจ้งเมื่อในวันที่ 29 มิถุนายนตอนที่เขาจัดการหารือกับพวกระดับผู้บังคับบัญชาของวากเนอร์ โดยที่มีปรีโกจินเข้าประชุมด้วย โตรเชฟเวลานี้เป็นผู้รับผิดชอบกองกำลังวากเนอร์ในเบลารุส รวมทั้งในรัสเซียและในยูเครนด้วยกระนั้นหรือ? คำตอบก็คือเราไม่ทราบหรอก แล้วถ้าโตรเชฟคือผู้รับผิดชอบ แต่ปรีโกจินก็อยู่ในเบลารุสด้วย แล้วปรีโกจินมีบทบาทอะไรล่ะ? ถ้าหากรายงานข่าวต่างๆ ตามที่ผมอ้างอิงไว้ตอนแรกนั้นมีความถูกต้อง นี่หมายความว่าโดยภาพรวมแล้วเวลานี้ปรีโกจินเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังวากเนอร์ในเบลารุสกระนั้นหรือ? แล้วนี่ยังหมายรวมไปถึงกองกำลังวากเนอร์ในรัสเซียและในยูเครนด้วยหรือเปล่า?
(ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อันเดร โตรเชฟ ได้ที่ https://www.outlookindia.com/international/explained-who-is-andrey-troshev-why-russian-president-putin-wants-him-to-lead-wagner-group-news-303095)
นอกจากนั้น ยังมีปริศนาเกี่ยวกับ “นายพลโลกาวินาศ” (General Armageddon) พลเอกเซียร์เก ซูโรวิคิน (Sergey Surovikin) ผู้ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังคงหายหน้าหายตาไปไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชน มีข่าวลือที่ยังไม่มีการยืนยันว่าเขากำลังจะเข้าพบหารือกับ ปูติน ในสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ ซูโรวิคิน อยู่ตรงที่ว่า เขามีการต่อสายเชื่อมโยงกับพวกผู้นำกองทัพรัสเซียที่สนับสนุนให้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจซึ่งจะมีการเปลี่ยนตัวประธานคณะเสนาธิการทหารกองทัพรัสเซีย เก-ราซิมอฟ และรัฐมนตรีกลาโหมชอยกู หรือเปล่า เราไม่ทราบกันเลยว่าทำเนียบเครมลินรู้เห็นหรือไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
ข้อสุดท้าย เรื่องที่ว่ามาเหล่านี้ดูมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกี่ยวข้องกับประเด็นของ พล.ต.อิวาน โปปอฟ (Ivan Popov) ผู้บัญชาการกองทัพเหล่าผสมที่ 58 (the 58th Combined Arms Army) ของกองทัพบกรัสเซีย ที่กำลังสู้รบอยู่ในแคว้นซาโปริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน โดยดูเหมือนว่าเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง โปปอฟเป็นผู้บัญชาการทหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมชมชอบ จากความสำเร็จล่าสุดของเขาในการผลักดันการรุกตอบโต้ของฝ่ายยูเครนในซาโปริซเซียให้ต้องถอยกลับไป สมควรที่จะทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ขึ้นมา แต่เขาถูกปลดเมื่อเขาร้องทุกข์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับ “การขาดไร้การตอบโต้สยบปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องข้าศึกที่ยิงเข้ามา การไม่มีจุดสอดแนมที่ตั้งปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องของข้าศึก และการที่พวกพี่น้องของเราต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมหาศาลจากปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องของข้าศึก”
ปรีโกจินนั้นเคยพูดอะไรที่เลวร้ายย่ำแย่กว่าที่โปปอฟพูดนี้มากมายนักหนา ทว่าเขาไม่เคยถูกปลดหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกจับกุมเลย ในความเป็นจริงแล้วการเอ่ยปากร้องทุกข์อย่างมากมายของเขา กลับบีบบังคับให้ทางคณะผู้นำของกองทัพต้องแก้ไขปัญหาบางอย่างบางประการและจัดหาจัดส่งความสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาดแคลนเครื่องกระสุนและยุทธสัมภาระ หรือการคอยป้องกันด้านปีกให้แก่กองกำลังวากเนอร์ที่กำลังสู้รบอยู่ในเมืองบัคมุต
(ช่องทางแพลตฟอร์มเทเลแกรมช่องหนึ่งที่บอกกันว่า “ใกล้ชิดกับปรีโกจิน” เพิ่งเผยแพร่ตัวเลขข้อมูลเกี่ยวกับการสูญเสียของวากเนอร์ในยูเครนออกมา จากข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า ผู้ที่ที่เสียชีวิตจำนวนมากเป็นนักรบวากเนอร์ซึ่งรับสมัครจากเรือนจำต่างๆ ของรัสเซีย)
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.politico.eu/article/russia-ukraine-war-over-20000-wagner-troops-were-killed-prigozhin/?utm_campaign=dfn-ebb&utm_medium=email&utm_source=sailthru&SToverlay=2002c2d9-c344-4bbb-8610-e5794efcfa7d)
ดูเหมือน โปปอฟ ถูกปลดออกจากตำแหน่งขณะที่กำลังอยู่กลางศึกเช่นนี้ น่าจะสืบเนื่องจากความหงุดหงิดไม่สบายใจอย่างสุดขีดในหมู่คณะผู้นำของกองทัพรัสเซีย ในเรื่องที่ว่าใครที่ไว้วางใจได้และใครที่ไว้วางใจไม่ได้ มากกว่าจะเป็นเรื่องร้องทุกข์จริงๆ ของโปปอฟ เราอาจจะนึกย้อนเปรียบเทียบไปถึงตอนที่นายพลจอร์จ แพตตัน (George Patton) ถูกสั่งย้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แน่ล่ะ ส่วนหนึ่งเนื่องจากแพตตันตบหน้าทหารที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง ทว่าในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพราะเขากำลังกลายเป็นพวกตัวป่วนคนหนึ่งมากกว่า หลังจากกองทัพสัมพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี แพตตันก็ถูกนำกลับมาบังคับบัญชาหน่วยรบอีกครั้ง โดยเหตุผลสำคัญที่สุดเนื่องจากเขาเป็นผู้นำทหารที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง และถึงแม้เขามีจุดอ่อนข้อบกพร่องอยู่บ้าง เขาก็ยังคงเป็นที่รักเคารพของทหารของเขา และเป็นผู้บังคับบัญชาที่ทรงประสิทธิภาพไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น สำหรับ โปปอฟ จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นเรายังไม่ทราบกัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ยังคงไม่ชัดเจนคือ สำหรับ ปูติน แล้วเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน ถ้าหากเรื่องราวเกี่ยวกับปรีโกจิน เป็นเพียงการเสแสร้างจัดฉากแล้ว ปูตินจะได้อะไรจากเรื่องนี้ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่การรุกของฝ่ายยูเครนขึ้นสู่จุดสูงสุด?
ยกเว้นแต่ว่า กองทัพรัสเซียนั้นต้องการที่จะออกจากสงคราม ไม่ใช่เพราะรัสเซียกำลังจะชนะหรือกำลังจะพ่ายแพ้ แต่เนื่องจากต้นทุนมนุษย์ของสงครามคราวนี้มันสร้างความเจ็บปวดมากเกินไปแล้ว นายทหารระดับอาวุโสจำนวนมากของฝ่ายรัสเซียถูกสังหารไปในการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ ทหารจำนวนมากถูกสังหารไปในสมรภูมิ ถึงแม้โพลสำรวจความคิดเห็นของเครมลินอาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป แต่ในหมู่ชนชั้นนำที่มีการศึกษาของรัสเซียจะต้องมีความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับสงครามคราวนี้ เรื่องนี้แน่นอนทีเดียวว่าจะต้องสร้างแรงกระเพื่อมเข้าถึงภายในคณะผู้นำทางฝ่ายทหารด้วย
ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งแทบไม่ค่อยมีการพูดถึง นั่นคือการที่พวกชนชั้นนำของรัสเซียกำลังถูกตัดขาดจากโลกตะวันตก และในกรณีของประดาผู้มีอำนาจบารมีสูงจำนวนหนึ่ง พวกเขายังสูญเสียทรัพย์สมบัติที่อยู่ในต่างประเทศของพวกเขาอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมาตรการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตก พวกเขาด้านหนึ่งถูกยึดทรัพย์สินเหล่านี้ไป และอีกด้านหนึ่งก็เจอข้อจำกัดทั้งด้านการเดินทางและการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคาร มันจะต้องก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งขึ้นมาในหมู่คนพิเศษเหล่านี้ที่เมื่อก่อนเคยได้รับรางวัลจากปูตินเพื่อตอบแทนความจงรักภักดีของพวกเขา เมื่อพวกเขาเปรียบเทียบระหว่างยูเครนกับความมั่งคั่งส่วนตัวของพวกเขาแล้ว ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่พวกเขาจะเลือกทรัพย์สมบัติส่วนตัวของพวกเขา –ถ้าหากพวกเขายังคงสามารถไขว่คว้าทรัพย์สินเหล่านี้เอาไว้ได้
รัสเซียเป็นชาติที่พึ่งพาขึ้นต่อชนชั้นนำของตนเสมอมา และชนชั้นนำเหล่านี้ก็ได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงามๆ สำหรับความจงรักภักดีที่มอบให้แก่รัฐบาลผู้ปกครองประเทศ แต่ถ้าหากชนชั้นนำเหล่านี้เกิดแปรพักตร์ ปูตินก็จะเผชิญปัญหาที่แทบไม่อาจเอาชนะได้ทีเดียวในการรักษาอำนาจของตนเอาไว้ต่อไป
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน