xs
xsm
sm
md
lg

‘กองกำลังวากเนอร์’ กลับมาปักหลักที่ ‘เบลารุส’ สหรัฐฯ พร้อมหรือไม่ใช้ ‘โปแลนด์’ เปิดอีกแนวรบหนึ่งบุกรัสเซีย ช่วยชีวิต ‘ยูเครน’ ซึ่งกำลังเพลี่ยงพล้ำ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน ***


นักรบของกลุ่มวากเนอร์ ร่วมฝึกกับทหารปฏิบัติการพิเศษของเบลารุส ที่สนามฝึกเบรสต์สกี (ภาพเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2023 ทางช่องแพลตฟอร์มเทเลแกรม ของกระทรวงกลาโหมเบลารุส)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Prigozhin & Surovikin gone, Wagner’s back to fight
By STEPHEN BRYEN
18/07/2023

คำถามสำหรับชั่วโมงนี้ก็คือ โปแลนด์ –ไม่ว่าจะได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ หรือไม่ก็ตามที— จะขยายสงครามให้แผ่กว้างเข้าครอบคลุมเบลารุสที่กำลังได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มวากเนอร์หรือไม่

กองกำลังวากเนอร์เข้าไปอยู่ในเบลารุสแล้ว เพื่อฝึกทหารให้แก่กองทัพของประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับรัสเซียแห่งนี้ เวลานี้ยังมีกำลังทหารวากเนอร์อีกส่วนหนึ่งเดินทางกันเป็นขบวนคอนวอย [1] บนเส้นทางไปสู่เบลารุสของพวกเขา ผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกผู้หนึ่งให้แก่กลุ่มวากเนอร์ [2] และหนึ่งในผู้นำระดับท็อปของกลุ่มนี้ [3] ต่างเผยแพร่คลิปวิดีโอ ซึ่งโดยสาระสำคัญแล้วก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ พวกเขาจะพิทักษ์ปกป้องปิตุภูมิ และสนับสนุนคณะผู้นำทางทหารและพลเรือนของรัสเซีย

กองทหารของวากเนอร์หวนกลับคืนสู่เวทีแล้ว และบริษัททหารรับจ้างแห่งนี้ดูเหมือนกำลังจัดวางตำแหน่งแห่งที่เพื่อแสดงบทบาทในทางยุทธศาสตร์ให้แก่รัสเซียและเบลารุส

หัวหน้าคนใหม่ของวากเนอร์ ได้รับการคัดสรรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาคือ อันเดร โตรเชฟ (Andrei Troshev) [4] นายทหารผ่านศึกยศพันเอกแห่งกองทัพบกรัสเซียที่ได้รับเหรียญตรารับรองความกล้าหาญต่างๆ มากมายผู้นี้ ปัจจุบันอายุ 70 ปี เขาเคยมีบทบาทที่สำคัญในซีเรีย โดยเข้าร่วมมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการปฏิบัติการทางทหารครั้งต่างๆ ที่นั่น ฉายาของเขาคือ “ไอ้ผมเทา” (Grey Hair)

อันเดร โตรเชฟ ฉายา “เซดอย” (ไอ้ผมเทา) ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ระบุว่า จะเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ของกลุ่มวากเนอร์ (ภาพนี้มาจากวิดีโอของทำเนียบเครมลิน ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2016)
ขณะที่ เยฟเกนี ปรีโกจิน (Yevgeny Prigozhin) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและผู้ทรงอำนาจตัวจริงมาอย่างยาวนานของกลุ่มวากเนอร์ก็หายหน้าหายตาไป

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้จัดการประชุมขึ้นที่ทำเนียบเครมลิน กับพวกผู้บังคับบัญชาของวากเนอร์จำนวนราวๆ 30 คน รวมทั้ง ปรีโกจิน ด้วย (ทว่า พล อ.เซียร์เก ซูโรวิคิน Sergey Surovikin เพลเยอร์คนสำคัญอีกคนหนึ่งกลับขาดหายไป ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมหารือในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ด้วย)

ตามรายงานของทำเนียบเครมลิน ระหว่างการหารือกันเป็นเวลานาน 3 ชั่วโมงครั้งนี้ ปูตินได้ยื่นข้อเสนอครั้งสำคัญ [5] โดยมีรายงานว่าเขาได้กล่าวระหว่างการประชุมว่าสมาชิกวากเนอร์ทั้งหมด “สามารถรวมตัวอยู่ในสถานที่หนึ่งเดียวกัน และทำงานรับใช้ประเทศต่อไป โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สำหรับพวกเขา บุคคลที่จะเป็นผู้นำของพวกเขาก็จะเป็นบุคคลเดียวกันกับที่เป็นผู้บัญชาการตัวจริงของพวกเขามาโดยตลอด” บุคคลดังกล่าว ปูตินบอกว่า คือ “เซดอย” (Sedoy) ซึ่งเป็นภาษารัสเซียที่แปลว่า คนผมเทา

ปรากฏว่า ปรีโกจิน ได้ตอบว่า “ไม่ครับ ผู้คนเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเช่นนี้”

คำตอบของ ปรีโกจิน ส่งผลกลายเป็นการยุติอำนาจควบคุมที่เขามีเหนือวากเนอร์ หลังจากการประชุมหารือคราวนั้นแล้ว เมื่อถึงวันที่ 4 หรือไม่ก็วันที่ 5 กรกฎาคม ตำรวจรัสเซีย และหน่วยเอฟเอสบี (FSB หน่วยงานทายาทที่ปฏิบัติการสืบต่อจากหน่วยเคจีบี) ก็ได้บุกจู่โจมเข้าตรวจค้นคฤหาสน์ใหญ่โตของ ปรีโกจิน ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก [6]

ตรงนี้มีรายงานที่มีเนื้อหาผิดแผกแตกต่างกันโผล่ขึ้นมาจำนวนมาก บางชิ้นกล่าวว่า ปรีโกจิน ได้ไปยังคฤหาสน์ของเขาในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยรถลิมูซีนเพื่อเก็บรวบรวมเงินทองและอาวุธปืนของเขาที่ถูกยึดเอาไว้ก่อนหน้านั้น ขณะที่รายงานอีกกระแสหนึ่งระบุว่าเขาได้ไปรายงานตัวกับสำนักงานของเอฟเอสบี ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อรับเงินทองและปืนคืนมา แต่ในทั้งสองกรณีนี้ต่างก็อยู่ในลักษณะข่าวลือ และไม่มีประจักษ์พยานใดๆ ปรากฏตัวออกมายืนยัน

เมื่อพิจารณาย้อนหลังกลับไป ดูเหมือนกับว่าเรื่องราวเหล่านี้ตลอดจนเรื่องราวอื่นๆ อีก ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บงำปกปิดชะตากรรมที่แท้จริงของ ปรีโกจิน ไม่ให้ผู้คนภายนอกรับทราบกัน

การโจมตีที่นำโดย ปรีโกจิน ซึ่งมุ่งหมายเคลื่อนพลไปยังมอสโกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ต้องถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกือบจะกลายเป็นความหายนะสำหรับปูตินทีเดียว ผู้นำรัสเซียได้โยกย้ายออกไปจากกรุงมอสโกโดยเป็นมาตรการระมัดระวังเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ขณะที่พวกกองกำลังซึ่งจงรักภักดีต่อเขา เป็นต้นว่ากองกำลังชาวเชชเนีย กองกำลังอาวุธและกองตำรวจพิทักษ์ประธานาธิบดี ถูกสั่งเคลื่อนพลเข้ามาเพื่อปกป้องคุ้มครองกระทรวงกลาโหมในมอสโก ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของปรีโกจิน

ปรีโกจิน ดูเหมือนจะเชื่อว่าพวกผู้นำคนสำคัญๆ ในกองทัพบก นอกเหนือจากรัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู (Sergey Shoigu) และประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม พล.อ.วาเลรี เก-ราซิมอฟ (Valery Gerasimov) จะให้ความสนับสนุนการเข้ายึดอำนาจของเขา ซึ่งมุ่งกำจัดตัวรัฐมนตรีกลาโหมและประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม และนำเอา ปรีโกจิน รวมทั้งบางทีอาจจะ ซูโรวิคิน ด้วย เข้ามารับผิดชอบกองทัพรัสเซียแทน

ปูติน จะถูกยื่นข้อเสนอให้ต้องยอมรับภายหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว เขาต้องเลือกเอาระหว่างการยอมรับความเปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็--ในทัศนะของ ปรีโกจิน-- เขาจะถูกคนอื่นเข้าแทนที่ ปรีโกจินมองตัวเขาเองว่าเป็นคนกลางผู้ทำหน้าที่ต่อรองจัดสรรว่าใครจะขึ้นครองอำนาจของรัสเซีย และบางทีกระทั่งเขาจะก้าวขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของรัสเซียเสียเองเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งต่างๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันบ้าง

ดูเหมือนว่า ปูติน ก็ไม่มีความแน่ใจเกี่ยวกับความจงรักภักดีของกองทัพบก ความไม่มั่นใจนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสืบเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับ เซียร์เก ซูโรวิคิน ผู้มีฉายาว่า “นายพลโลกาวินาศ” (General Armageddon) ทั้งนี้ ซูโรวิคิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพิเศษให้แก่ปรีโกจิน และแก่กองทหารวากเนอร์ มีความโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งต่อคณะผู้นำของกองทัพบกรัสเซีย ตัวซูโรวิคินนั้นเคยเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพรัสเซียอยู่ช่วงหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2022 จนถึงเดือนมกราคม 2023 เมื่อเขาถูกแทนที่โดย วาเลรี เก-ราซิมอฟ

จากนั้น ซูโรวิคิน ก็ได้ตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการของ เก-ราซิมอฟ ทว่าอำนาจหน้าที่ไม่ชัดเจน และขณะที่เขายังคงรักษาตำแหน่งดังกล่าวนี้เอาไว้ แต่ก็ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้แก่ปรีโกจินด้วย การหยามหมิ่น ซูโรวิคิน คราวนี้ ซึ่งกระทำโดยพวกผู้ทรงอำนาจเก่าภายในกองทัพบก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้นำพา ซูโรวิคิน ให้สนับสนุน ปรีโกจิน อย่างแข็งแรงเต็มที่ แล้วทั้งสองคนก็เปิดฉากรุกของพวกเขาภายหลังได้รับชัยชนะในการบุกตีเมืองบัคมุต

ในวันที่ 24 มิถุนายน ขณะที่กองกำลังวากเนอร์ยกพลเคลื่อนออกจากยูเครนมุ่งหน้าสู่เมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน (Rostov-on -on) เมืองสำคัญทางภาคใต้ของรัสเซีย ซูโรวิคิน ได้จัดทำคลิปวิดีโอให้ตัวเองขึ้นมาคลิปหนึ่ง โดยเนื้อหาเป็นการประกาศว่าการเคลื่อนพลของกองกำลังวากเนอร์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และพวกเขาควรกลับคืนไปยังค่ายของพวกเขา ข้อสันนิษฐานประการหนึ่งสำหรับวิดีโอคลิปนี้ก็คือว่า มันถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อให้ใช้เป็นข้ออ้างสำหรับหลบเลี่ยงการถูกกล่าวโทษฟ้องร้องใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหากการทำรัฐประหารยึดอำนาจของ ปรีโกจิน ประสบความล้มเหลว

ในห้วงปลายเดือนมิถุนายน บุตรสาวของ ซูโควิกิน ถูกระบุว่า ได้กล่าวกับ บาซา (Baza) ซึ่งเป็นช่องในแพลตฟอร์มเทเลแกรม (Telegram) ช่องหนึ่งว่า ซูโรวิคินยังกำลังทำงานจากที่บ้าน และไม่ได้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด [7] ทว่าหลังจากนั้นมีรายงานว่า ภรรยาของซูโรวิคิน ได้ออกมาพูดว่า สามีของเธอยังไม่ได้กลับมาบ้านเลย

ตามรายงานของ วอลล์สตรีทเจอร์นัล ตลอดจนสื่อมวลชนรายอื่นๆ ซูโรวิคิน ถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว [8] พร้อมกับนายทหารในกองทัพบกรัสเซียคนอื่นๆ อีก 13 คน

การจัดการกับกองกำลังวากเนอร์

ตอนนี้ก็เป็นที่ทราบกันแล้วว่า บางส่วนของกองกำลังวากเนอร์กำลังอยู่ในเบลารุส ทำหน้าที่ฝึกอบรมกองทหารประจำการของประเทศนั้น

อันเดรย์ คาร์ตาโปลอฟ (Andrey Kartapolov) [9] ที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของสภาล่างรัสเซีย (ดูมา Duma) กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ : “เป็นเรื่องชัดเจนแล้วว่า วากเนอร์เดินทางไปเบลารุสเพื่อฝึกอบรมกองทัพของประเทศนั้น มันยังมีสถานที่อย่างเช่นระเบียงซูวัลกี (Suwalki Corridor) ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว เรามีความต้องการที่จะได้ ระเบียงซูวัลกี นี้เอาไว้เป็นอย่างยิ่ง กองกำลังโจมตีเคลื่อนที่เร็วสักกองหนึ่งย่อมพรักพร้อมที่จะบุกเข้ายึดพื้นที่ระเบียงแห่งนี้เอาไว้ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง”

ทางด้านโปแลนด์ ก็กำลังชุมนุมทหารจำนวนมากเอาไว้ตามชายแดนของตนที่ติดต่อกับเบลารุส [10] เป็นเหตุให้มีความระแวงเตือนภัยกันขึ้นทั้งในกรุงมินสก์ และกรุงมอสโก มีรายงานด้วยว่าพวกที่ปรึกษาชาวต่างชาติ รวมทั้งที่เป็นชาวสหราชอาณาจักร เวลานี้กำลังเข้าทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทางเทคนิคให้แก่กองทหารโปแลนด์ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนเบลารุสแล้ว กลายเป็นการส่งสัญญาณถึงรัสเซียว่า ประเด็นปัญหาที่แท้จริงอาจจะเป็นแผนการริเริ่มของนาโตที่จะกอบกู้ช่วยเหลือยูเครน ด้วยการเข้าโจมตีเบลารุส ซึ่งจะบังคับให้รัสเซียต้องแบ่งกำลังทหารของตนออกมารับศึก

แผนที่ Global Security แสดงระเบียง หรือช่องว่างซูวัลกี
สำหรับระเบียงซูวัลกี หรือช่องว่างซูวัลกี (Suwalki Gap) หมายถึงผืนดินความยาว 96 กิโลเมตร ซึ่งคั่นอยู่ระหว่างเบลารุส กับคาลินินกราด (Kaliningrad) ดินแดนติดทะเลบอลติกของรัสเซียที่อยู่โดดเดี่ยวแยกห่างจากแผ่นดินใหญ่แดนหมีขาว ขณะที่รัสเซียสามารถสนับสนุนคาลินินกราด จากทางทะเลหรือทางอากาศ แต่แลนด์บริดจ์ผ่านระเบียงซูวัลกีนี่แหละคือเส้นทางคมนาคมตามปกติที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้ คาลินินกราดฟากหนึ่งติดต่อกับดินแดนของโปแลนด์ และอีกฟากหนึ่งก็ติดต่อกับดินแดนของลิทัวเนีย โดยที่ระเบียงซูวัลกี เป็นเส้นแนวแบ่งแดนระหว่างโปแลนด์กับลิทัวเนียนั่นเอง

เมื่อปีที่แล้ว ฝ่ายลิทัวเนียได้ประกาศปิดกั้นการลำเลียงขนส่งผ่านเส้นทางสายนี้ [11] และได้ยกเลิกการปิดกั้นไปภายหลังฝ่ายรัสเซียข่มขู่ว่าจะเกิดผลพวงร้ายแรงติดตามมา เห็นกันว่าแนวระเบียงนี้ยังต้องถือเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งของนาโตด้วย [12] เนื่องจากเป็นเส้นทางบกเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่นาโตสามารถใช้ติดต่อเชื่อมโยงกับพวกรัฐบอลติก (ลิทัวเนีย เอสโตเนีย ลัตเวีย) โดยผ่านจากทางโปแลนด์และจากยุโรป นอกเหนือจากเลี่ยงไปลำเลียงขนส่งทางอากาศแล้ว ดังนั้นนี่คือเส้นทางบกซึ่งนาโตจำเป็นต้องใช้ในการสนับสนุนพวกรัฐบอลติกเหล่านี้

บล็อก อินเดียน พันช์ไลน์ (Indian Punchline) รายงาน [13] ว่า ในการให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โรเดอริช คีเซเวทเทอร์ (Roderich Kiesewetter) บุคคลหมายเลขสองของพรรคคริสเตียน เดโมเครติก ยูเนียน (Christian Democratic Union) พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ซึ่งเป็น “ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการต่างประเทศและด้านกลาโหม (เขาเป็นอดีตนายทหารยศพันเอกที่เคยเป็นนายกของสมาคมทหารกองหนุนแห่งกองทัพเยอรมนี Association of Reservists of the Bundeswehr ในช่วงระหว่างปี 2011 ถึงปี 2016) เสนอแนะว่าถ้าหากสถานการณ์ยูเครนก่อให้เกิดเงื่อนไขที่จำเป็นขึ้นมาแล้ว นาโตก็ควรพิจารณาเรื่องการเคลื่อนพลเพื่อ “ตัดขาดคาลินินกราดออกจากเส้นส่งกำลังบำรุงของรัสเซีย เราจะได้มองเห็นว่า ปูติน จะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไรเมื่อเขาอยู่ใต้แรงกดดันบีบคั้น”

ในวันที่ 6 กรกฎาคม ฝ่ายรัสเซียได้ส่งเครื่องบินแบบ Tu-214SR [14] 1 ลำ และเครื่องบินขับไล่แบบ Su-30M 2 ลำ บินเข้าไปเหนือน่านน้ำสากลใกล้ๆ คาลินินกราด จากนั้นก็บินต่อไปยังดินแดนรัสเซีย พวกเขาเจอกับหมู่เครื่องบินขับไล่แบบไต้ฝุ่น (Typhoon) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งออกมาจากเอสโตเนีย เพื่อคอยประกบติดตามพวกเขา เครื่องบิน Tu-214SR เป็นที่รู้จักเรียกขานกันว่า เป็นเครื่องบินสำหรับ “วันสิ้นโลก” ของรัสเซีย มันเป็นแพลตฟอร์มการบังคับบัญชาและควบคุมเคลื่อนที่ ซึ่งมีพลานุภาพในด้านข่าวกรองหลายหลากกว้างขวางมาก

เครื่องบิน Tu-214SR  ของรัสเซีย (ภาพจากสำนักข่าวทาสส์ ของทางการแดนหมีขาว)
เครื่องบิน Tu-214SR ลำดังกล่าวน่าที่จะอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นเพื่อคอยรายงานการปฏิบัติการของโปแลนด์และนาโตในบริเวณใกล้ๆ กับเบลารุสและคาลินินกราด ฝ่ายรัสเซียถือว่า คาลินินกราดมีความสำคัญอย่างยิ่งในทางยุทธศาสตร์ [15] และมีความอ่อนไหวต่อพัฒนาการต่างๆ ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อดินแดนที่แยกอยู่โดดเดี่ยวห่างดินแดนส่วนใหญ่ของตนแห่งนี้

สำหรับจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อพัฒนาการต่างๆ เหล่านี้เวลานี้ยังไม่เป็นที่ทราบกัน ทว่าสิ่งที่ชัดเจนมากก็คือ ยูเครนเวลานี้กำลังประสบความสูญเสียอย่างหนัก และอาจจะกำลังอยู่ตรงหน่ออ่อนแห่งการพ่ายแพ้ปราชัยในสงครามที่รบรากับรัสเซีย

มีรายงานข่าวในเชิงลบจำนวนหนึ่งกำลังโผล่แพล็มออกมาจากเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) [16] เป็นต้นว่า รายงานที่ว่าประธานคณะเสนาธิการทหารของกองทัพยูเครน พล อ.วาเลรี ซาลุซนี (Valerii Zaluzhny) กำลังพยายามขบคิดทบทวนใหม่เกี่ยวกับการรุกตอบโต้ที่ประสบความล้มเหลวแล้วของฝ่ายยูเครน

วากเนอร์ที่แอฟริกา

ดูเหมือนว่าการจัดส่งทหารกองกำลังวากเนอร์ไปยังแอฟริกา กำลังกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว โดยที่มีทหารวากเนอร์ราว 200 คนเวลานี้เดินทางไปถึงสาธารณรัฐแอฟริกากลางแล้ว [17] ในลักษณะที่เหมือนเป็นการผลัดเปลี่ยนกำลังตามปกติ พวกเขาบินไปที่นั่นโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารหลายลำ ด้วยการดำเนินการของบริษัท COSI (ย่อมาจาก Community of Officers for International Security) ซึ่งเป็นกิจการแห่งหนึ่งในเครือของวากเนอร์ รายงานข่าวหลายๆ กระแสที่ออกมาก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับการกำจัดกวาดล้างกองกำลังวากเนอร์ในแอฟริกา [18] จึงดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ผิดพลาด และไปสับสนเข้าใจว่าการผลัดเปลี่ยนกำลังคือการกำจัดกวาดล้าง

ประเด็นปัญหาต่างๆ ในทางยุทธศาสตร์

สงครามยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบทำศึกโดยอาศัยตัวแทนระหว่างองค์การนาโตกับรัสเซีย ขณะที่มีประเด็นปัญหาต่างๆ ในระดับรองลงมาอยู่จริงๆ ซึ่งพวกนักรบหลักในศึกเหล่านี้มองว่าทรงความสำคัญยิ่ง ตัวอย่างเช่น ประเด็นปัญหาประชากรที่พูดภาษารัสเซียของยูเครน

ทั้งนี้ นาโตได้สั่งสมรวบรวมกองกำลังยูเครนขึ้นมาตั้งแต่ก่อนการรุกรานของรัสเซียแล้ว เพื่อให้กลายเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะชิงเอาพวกดินแดนสำคัญในภูมิภาคดอนบาส และคาบสมุทรไครเมีย กลับคืนจากเงื้อมมือของรัสเซียและกองกำลังโปรรัสเซีย การสั่งสมกำลังกองทัพยูเครนขึ้นมาเช่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะนำเอายูเครนเข้าสู่นาโต และโดดเดี่ยวรัสเซียในทางยุทธศาสตร์

ฝ่ายรัสเซียได้ตอบโต้แผนการเช่นนี้ของนาโต ต่อสู้กับประเด็นปัญหาการสั่งสมกองทัพยูเครนดังกล่าวนี้ โดยรุกรานเข้าสู่ดินแดนของยูเครนอย่างเปิดเผยเสียเลย ทว่าก่อนที่รัสเซียจัดส่งกองทหารของพวกเขาข้ามชายแดนเข้าไป ฝ่ายรัสเซียได้พยายามที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับวอชิงตันและนาโตโดยผ่านกระบวนการทางการทูต ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะคลี่คลายแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ ระหว่างรัสเซียกับนาโต และระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ความพยายามเช่นนี้อยู่ในภาวะสุกงอมที่สุดในเดือนธันวาคม 2021 ทว่ามันประสบความล้มเหลวเนื่องจากทั้งวอชิงตันและนาโตต่างปฏิเสธไม่ยอมรับแผนการริเริ่มนี้ของฝ่ายรัสเซีย

ประเด็นปัญหาเรื่องการนำยูเครนเข้าสู่องค์การนาโตยังคงเป็นสิ่งที่มิได้รับการแก้ไข แม้กระทั่งภายหลังจากการประชุมซัมมิตของนาโตครั้งล่าสุดที่กรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา [19] อันที่จริงแล้ว นาโตเคยมีการตั้งความหวังเอาไว้ว่า ณ ซัมมิตคราวนี้จะมีการประกาศชัยชนะในการทำศึกในยูเครน และกระทั่งคาดการณ์กันล่วงหน้าว่าจะมีการโค่นล้มรัฐบาลรัสเซียเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีการเจรจาลับๆ กันระหว่างฝ่ายตะวันตกกับพวกบุคคลสำคัญๆ ของรัสเซีย รวมทั้ง ปรีโกจิน ด้วย

ทว่าการทำรัฐประหารของ ปรีโกจิน ประสบความล้มเหลว ขณะที่ฝ่ายรัสเซียประสบความสำเร็จในการป้องกันปัดเป่าการรุกของฝ่ายยูเครนที่เฝ้ารอคอยกันมานาน ยูเครนเสียหายหนักทั้งจากจำนวนการบาดเจ็บล้มตายที่สูงลิ่ว แถมตั้งแต่ตอนแรกๆ เลยก็สูญเสียอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งฝ่ายตะวันตกจัดส่งไปให้ด้วยความหวังจะให้พวกเขาใช้เอาชนะศึกคราวนี้ไปอย่างน้อยๆ 20% ทีเดียว ระบบอาวุธต่างๆ ของฝ่ายตะวันตก อย่างเช่นรถถัง “ลีโอพาร์ด” ของเยอรมนี และยานสู้รบทหารราบ “แบรดลีย์” ของอเมริกัน ต่างไม่ประสบความสำเร็จในสมรภูมิและกลายเป็นการสร้างความอับอายขายหน้า

ภาพนิ่งถ่ายจากวิดีโอเผยแพร่โดยทางการรัสเซียเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าแสดงให้เห็นยานเกราะจำนวนมากของฝ่ายยูเครนที่ถูกทำลายขณะเปิดการรุกตอบโต้ในแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน
เรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีกก็คือว่า ศึกคราวนี้ (ซึ่งเวลานี้ยังคงดำเนินอยู่) ได้เปิดเผยให้เห็นว่าระบบอาวุธและยุทธวิธีต่างๆ ที่วางแผนจัดทำกันออกมาเพื่อมุ่งปกป้องรัฐสมาชิกนาโตจากการรุกรานของรัสเซียนั้นมีความไม่เหมาะสมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยึดโยงอยู่กับสมมติฐานเกี่ยวกับการสู้รบทำสงครามจำนวนหนึ่งซึ่งมีความบกพร่องผิดพลาด

หมากกลใดๆ ในความพยายามที่จะรักษายูเครนเอาไว้ด้วยการขยายสงครามให้แผ่ครอบคลุมไปยังเบลารุส จะประสบความสำเร็จเพียงใดนั้นยังห่างไกลเหลือเกินจากความกระจ่างชัดเจน นอกจากนั้น การกระทำเช่นนี้ยังอาจจะเป็นการดึงลากยุโรปเข้าไปสู่สงครามขนาดใหญ่ซึ่งมีการสู้รบกันในดินแดนของยุโรปเองอีกด้วย นาโตนั้นไม่ได้มีการเตรียมตัวพรักพร้อมสำหรับเข้าสงครามเช่นนี้ในเวลานี้หรอก ความล้มเหลวต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในยูเครนเป็นสิ่งที่ขยายให้เห็นถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้อย่างแจ่มแจ้ง

ขณะที่อาจจะเป็นความจริงในเรื่องที่ว่า ถ้าเป็นนาโตแล้ว ย่อมสามารถที่จะรวบรวมกำลังเพื่อแสดงแสนยานุภาพทางอากาศที่เหนือกว่าฝ่ายรัสเซีย ทว่ากำลังทางอากาศเหล่านี้จะต้องบินฝ่าระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทรงประสิทธิภาพของรัสเซีย ตลอดจนเครื่องบินขับไล่รัสเซีย นอกจากนั้นแล้ว สงครามใหญ่ทั้งหลายย่อมเป็นสงครามที่จะสู้รบกันทางภาคพื้นดินเป็นหลัก และนาโตไม่สามารถที่จะสู้รบในสงครามเช่นนั้นได้ในเวลานี้ อีกทั้งเป็นไปได้กระทั่งว่านาโตจะไม่มีวันสามารถกระทำได้เลยไม่ว่าในเวลาไหน

วอชิงตันจะใช้ตัวแทนของตน อย่างเช่น โปแลนด์ ในการเข้าโจมตีเบลารุส ในความพยายามที่จะรักษายูเครนเอาไว้หรือไม่?

กองกำลังวากเนอร์เวลานี้ยืนผงาดขึ้นมาใหม่จากกองขี้เถ้าแล้ว และปรีโกจิน กับซูโรวิคิน ต่างจากไปแล้ว ถ้าหากประธานของคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งสภาดูมาของรัสเซีย คาดการณ์เอาไว้อย่างถูกต้อง กองกำลังเหล่านี้ก็กำลังเตรียมตัวเพื่อบุกเข้ายึดระเบียงซูวัลกี ในกรณีที่โปแลนด์เริ่มต้นทำสงครามกับเบลารุส

สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน

เชิงอรรถ

[1] https://twitter.com/i/status/1680293410568122376
[2] https://twitter.com/i/status/1680555954411020288
[3] https://twitter.com/i/status/1680877591476027392
[4] https://www.outlookindia.com/international/explained-who-is-andrey-troshev-why-russian-president-putin-wants-him-to-lead-wagner-group-news-303095
[5] https://www.politico.eu/article/putin-give-account-post-mutiny-prigozhin-meeting-pmc-wagner-not-exist/
[6] https://youtu.be/p8co3DCu15w
[7]https://www.youtube.com/watch?time_continue=120&v=7eiYSu7wkwg&embeds_referring_euri=https%3A%2F%2Fweapons.substack.com%2F&feature=emb_logo
[8] https://news.yahoo.com/besides-surovikin-moscow-detained-13-170400366.html
[9] https://twitter.com/i/status/1680346185108799488
[10] https://www.politico.eu/article/british-troops-deployed-poland-belarus-border-migration/
[11] https://www.reuters.com/world/europe/lithuania-expands-restrictions-kaliningrad-trade-2022-07-11/
[12]https://www.news.com.au/technology/innovation/military/russia-threatens-to-invade-natos-weakest-link-a-strip-of-land-between-poland-and-lithuania/news-story/8c03b1e0c454cc3acedf4c56bfd445d1
[13] https://www.indianpunchline.com/germany-creates-equity-in-western-ukraine/
[14]https://thaimilitaryandasianregion.wordpress.com/2015/11/03/u-214sr-the-russian-doomsday-plane/
[15] https://www.brookings.edu/articles/why-is-kaliningrad-at-the-center-of-a-new-russia-nato-faceoff/
[16]https://www.bignewsnetwork.com/news/273900142/russia-ukraine-conflict-at-a-stalemate-pentagon-official
[17] https://www.msn.com/en-xl/africa/other/hundreds-of-wagner-fighters-arrive-in-central-africa-russian-security-group/ar-AA1dY3NM
[18] https://www.msn.com/en-us/news/world/video-appears-to-show-wagner-group-troops-preparing-to-leave-africa-suggesting-a-purge-by-moscow-report-says/ar-AA1dCSsU
[19]https://www.nato.int/cps/en/natohq/official_texts_217320.htm
กำลังโหลดความคิดเห็น