(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Clues to the depth of the revolt in Russia’s army
By STEPHEN BRYEN
29/06/023
เวลาเดียวกันนั้น ถ้าหากยูเครนสามารถประสบชัยชนะที่มีความหมายสักหน่อยในการรุกใหญ่ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า มันก็อาจช่วยให้นาโตยินยอมมอบหลักประกันด้านความมั่นคงแก่กรุงเคียฟ
“มีสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วว่ารู้ (known knowns) นั่นคือมีสิ่งต่างๆ ที่เราทราบว่าเรารู้แล้ว นอกจากนั้น เรายังทราบว่ามีสิ่งที่ยังไม่รู้ (known unknowns) นั่นคือ เรารู้ว่ามีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่เรายังไม่รู้หรอก แต่ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีสิ่งที่ไม่รู้ว่าไม่รู้ (unknown unknowns) อีกด้วย นั่นคือ สิ่งที่เรายังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเราไม่รู้”
--โดนัลด์ รัมสเฟลด์ (Donald Rumsfeld)
เวลานี้เมื่อพูดกันถึงเรื่องการทำรัฐประหารในรัสเซียและเหตุการณ์ต่อเนื่องต่างๆ หลังจากนั้น เรามีสิ่งซึ่งอยู่ในอาณาเขตของสิ่งที่ไม่รู้ว่าไม่รู้ (unknown unknowns) เป็นจำนวนมากทีเดียว
วลาดิมีร์ ปูติน บอกกับเราเรียบร้อยแล้วอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า จากการที่ เยฟเกนี ปรีโกจิน (Yevgeny Prigozhin) และกลุ่มวากเนอร์ (Wagner group) ตกลงยินยอมยุติการยกพลบุกของพวกเขา ประเทศรัสเซียก็สามารถหลีกเลี่ยงจากสงครามกลางเมืองได้สำเร็จ ตามคำพูดของ ปูติน ดีลที่ทำกับ ปรีโกจิน ครั้งนี้ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงสงคราม “ที่เกิดจากความแตกแยกร้าวฉานภายในครอบครัว” (“fratricidal” warfare)
แต่การใช้ถ้อยคำเช่นนี้ของ ปูติน ยังคงทำให้เราทราบอยู่ดีว่ามันทำท่าจะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ปูตินกลัวว่ากระทั่งรัสเซียเองก็อาจประสบกับวิกฤตการณ์แห่งการดำรงคงอยู่อย่างแท้จริงกันทีเดียว
เวลาเดียวกัน ปรีโกจิน ได้บินกลับจากเบลารุสมายังมอสโก โดยที่ถูกระบุว่าเป็นเวลาเพียงแค่สองสามชั่วโมง เพื่อพูดจาตกลงรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่มวากเนอร์ เมื่อปราศจากความสนับสนุนทางการเงินจากรัสเซีย กลุ่มวากเนอร์ก็จะต้องเลิกราจากธุรกิจนี้ไป ปรีโกจินดูเหมือนจะต้องพึ่งพาอาศัยคำมั่นสัญญาของ ปูติน ที่ว่าจะไม่ทำอันตรายเขา
ปรีโกจิน นั้นเป็นเจ้าของเครื่องบินไอพ่นธุรกิจลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นเอมบรีเออร์ เลกาซี 600 (Embraer Legacy 600) ไอพ่นลำนี้ตกอยู่ใต้การแซงก์ชันคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก (และก็ถูกติดตามจับตาอย่างใกล้ชิดจากฝ่ายตะวันตก)
ปริศนาที่เมืองบัคมุต
พัฒนาการที่แปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นที่บริเวณตอนเหนือของเมืองบัคมุตเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ซึ่งฝ่ายยูเครนสามารถรุกคืบหน้าได้บ้างในการสู้รบกับกองกำลังรัสเซียที่ได้ปักหลักต่อสู้เพื่อขัดขวางไม่ให้ยูเครนสามารถยึดพื้นที่ทางด้านปีกสองข้าง และก่อรูปเป็นเหมือนคีมหนีบสองด้านโอบรอบๆ เมืองบัคมุตเอาไว้
ขณะที่กองกำลังฝ่ายยูเครนเพิ่มการบุกโจมตีของฝ่ายตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายรัสเซียสามารถมองเห็นได้ง่ายๆ ปรากฏว่าพวกปืนใหญ่ พวกจรวดหลายลำกล้องของรัสเซียกลับยังคงเงียบกริบ ไม่ได้มีความพยายามใดๆ ในการสนับสนุนกองกำลังป้องกันของฝ่ายรัสเซียเอาเลย นี่ย่อมเป็นเรื่องผิดธรรมดาเป็นอย่างมาก เนื่องจากกองทัพรัสเซียนั้นพึ่งพาอาศัยการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของสมรรถนะในการป้องกันของฝ่ายตน สภาพเช่นนี้หมายความว่าอะไร?
การขาดไร้การสนับสนุนจากอาวุธอานุภาพรุนแรงและยิงได้ไกลเหล่านี้ ในบริเวณตอนเหนือของบัคมุต อาจหมายความว่าไม่มีผู้บังคับบัญชาทหารรัสเซียในพื้นที่คนไหนทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลกองกำลังปืนใหญ่และจรวดในบริเวณดังกล่าว แต่ทำไมจึงเกิดสภาพเช่นนี้ขึ้นมา? พวกเขาถูกจับกุมหรือถูกกำจัดกวาดล้างไปแล้ว หรือว่ากำลังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอยู่?
คำอธิบายที่อาจเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ปืนใหญ่และจรวดรัสเซียมีความจำเป็นสำหรับสถานที่อื่นๆ เนื่องจากยูเครนกำลังอยู่ท่ามกลางการเสริมการบุกโจมตีตอบโต้ของตนในพื้นที่แคว้นซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากยูเครนก็เข้าโจมตีรอบๆ เมืองบัคมุตมาเป็นเวลาสองสามสัปดาห์แล้ว ดังนั้นการถอนปืนใหญ่และจรวดรัสเซียออกไปจึงดูเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าจะกระทำกัน
ข้อมูลบ่งชี้ประการที่สาม ยึดโยงอยู่กับพวกคำกล่าวแบบคาดเดากะเก็งของเหล่าบล็อกเกอร์ด้านการทหารชาวรัสเซีย พวกเขากำลังพูดกันว่า พล อ.เซียร์เก ซูโรวิกิน (Sergey Surovikin) และ พล ท.อันเดรย์ ยูดิน (Andrey Yudin) ผู้ช่วยของเขาคนที่มีตำแหน่งรองจาก ซูโรวิกิน เท่านั้น ได้ถูกนำตัวไปยังเรือนจำเลฟอร์โตโว (Lefortovo) ซึ่งเป็นเรือนจำขนาดใหญ่โตในกรุงมอสโก เพื่อการสอบปากคำ “เบื้องต้น”
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://twitter.com/Maks_NAFO_FELLA/status/1674026317262536704)
การกล่าวอ้างเรื่องนี้ปรากฏขึ้นมา กระทั่งก่อนที่นิวยอร์กไทมส์ ออกมารายงานว่า ทางฝ่ายข่าวกรองสหรัฐฯ คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ซูโรวิกิน มีความเกี่ยวข้องพัวพันกับการตระเตรียมเพื่อปฏิบัติการก่อกบฏของ ปรีโกจิน-วากเนอร์ ทั้งนี้ถ้าหาก ซูโรวิกิน และ ยูดิน ถูกจับกุมจริงๆ ก็หมายความว่ามีปัญหาระดับใหญ่โตยิ่งกว่าที่ทราบๆ กัน แอบซุ่มซ่อนรอคอยคณะผู้นำทหารของรัสเซียอยู่ รายงานของนิวยอร์กไทมส์นั้นมีการเสนอแนะเหมือนกันว่า ยังมีนายพลคนอื่นๆ ของรัสเซียซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันด้วย
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nytimes.com/2023/06/27/us/politics/russian-general-prigozhin-rebellion.html)
เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่จะจดจำว่า ซูโรวิกิน ได้โพสต์คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งออกเผยแพร่ โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้กองกำลังวากเนอร์ยุติการปฏิบัติการยกพลรุกเข้าไปในรัสเซียของพวกเขา และถอยกลับไปยังค่ายพักของพวกเขา (ในยูเครน) มีคำถามอยู่ข้อหนึ่งว่าวิดีโอนี้จริงๆแล้วไปถึงกองกำลังวากเนอร์ระหว่างการก่อกบฏของพวกเขา –หรือว่ามันเป็นการจัดเตรียมขึ้นมาเพื่อให้ ซูโรวิกิน สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการก่อรัฐประหารของปรีโกจิน
(ดูคลิปวิดีโอของ ซูโรวิกิน ได้ที่ https://www.youtube.com/shorts/TeuEGuHXKEA)
หนึ่งในสิ่งแปลกๆ ที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอนี้ อย่างที่ผมได้ชี้เอาไว้ในข้อเขียนของผมก่อนหน้านี้แล้ว ก็คือว่า ซูโรวิกิน กำลังกำปืนพกอัตโนมัติกระบอกหนึ่งเอาไว้ที่มือขวาของเขา
ถ้าหากนี่คือวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่โตยิ่งกว่าที่ทราบๆ กัน ซึ่งกำลังเกิดขึ้นมาในกองทัพรัสเซีย โดยอาจจะขยายเลยล้ำไปจาก ซูโรวิกิน เสียด้วยซ้ำ มันก็อาจนำไปสู่การพังทลายของอำนาจการนำของปูติน และนำไปสู่การสร้างรัฐรัสเซียขึ้นมาใหม่เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ปูตินจำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ สยบพวกนายพลที่ยังลอยนวลให้อยู่ในความสงบ ขณะที่กำจัดพวกที่คอยสร้างปัญหาไม่กี่คนทิ้งไปเสีย
ปูตินนั้นมีกองทหารองครักษ์ประธานาธิบดี และทีมงานความมั่นคง ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องเขา ทว่าในช่วงเวลาแห่งความเครียดเค้น ความไม่แน่นอน และการทรยศหลอกลวง ปูตินก็จะต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
การรับประกันความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ยูเครน
ในยูเครนเองนั้น กองกำลังรัสเซียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้เกิดการเพลี่ยงพล้ำอยู่ 2-3 จุดในตลอดทั่วทั้งแนวเส้นปะทะกับฝ่ายยูเครน แต่ (นอกเหนือจากบริเวณด้านปีกของเมืองบัคมุตแล้ว) พวกเขาดูเหมือนยังคงกำลังปฏิบัติการในลักษณะปกติ
พวกผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า ยูเครนจะมีการรุกใหญ่กันจริงๆ ในสัปดาห์หน้า เพื่อดูว่าตนสามารถที่จะไขว่คว้าชัยชนะที่มีความหมายอย่างจริงจังเอาไว้ได้บ้างหรือไม่ ถ้าทำได้สำเร็จมันก็จะช่วยเหลือมากในการทำให้นาโตตกลงให้คำรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครน ซึ่งจริงๆ แล้วหากเคียฟได้มา มันก็จะมีคุณค่าอย่างมากมายยิ่งกว่าการเข้าเป็นสมาชิกรายหนึ่งของนาโตเสียอีก
นาโตนั้นมีลักษณะเป็นข้อตกลงเพื่อการป้องกันร่วมกัน โดยที่มาตรา 5 ของข้อตกลงนี้เรียกร้องให้บรรดารัฐสมาชิกปรึกษาหารือกัน ในกรณีที่มีรัฐสมาชิกรายใดรายหนึ่งถูกรุกรานโจมตี แต่มันไม่ได้เป็นตัวรับประกันว่าจะมีการตอบโต้ หรือบงการว่าบรรดารัฐสมาชิกจะต้องทำอะไรบ้าง ยิ่งกว่านั้น ยังจะต้องได้รับเสียงโหวตเป็นเอกฉันท์จากทุกรัฐสมาชิกนาโตอีกด้วย สำหรับการลงมือปฏิบัติการอะไรกันจริงๆ –โดยที่การโหวตอย่างเป็นทางการเพื่อพิทักษ์ปกป้องยูเครน เป็นอะไรที่น่าจะมีเสียงคัดค้านจากพวกรัฐสมาชิกนาโตบางราย
การเสนอหลักประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครน ถือเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป มันสามารถหลบเลี่ยงหลักการการป้องกันร่วมกันที่เป็นหลักการพื้นฐานของกลุ่มพันธมิตรนี้ รวมทั้งสามารถให้คำมั่นสัญญาล่วงหน้าของนาโตที่จะเข้าช่วยเหลือปกป้องยูเครน เรื่องนี้ถือเป็นอะไรที่ใหม่ และก็เป็นสิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงในระดับหนึ่งด้วย เนื่องจากมันดูเหมือนกับเป็นคำมั่นสัญญาแบบปลายเปิด โดยไม่ต้องมีการออกเสียงจากรัฐสมาชิกใดๆ ตามมาอีก
ถ้าหากนาโตเดินหน้าในการให้หลักประกันความมั่นคงแก่ยูเครน และสมมติว่ามันเป็นหลักประกันที่แท้จริง นี่ก็จะเป็นตัวแทนแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลประการหนึ่งในระดับรากฐานของกลุ่มพันธมิตรนาโตทีเดียว
ขณะเดียวกันนั้น เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นระทึกใจในรัสเซียก็ยังคงดำเนินต่อไป
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนเกี่ยวกับสถานการณ์ชิ้นนี้ เผยแพร่ทีแรกสุดอยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน