รัสเซียกล่าวหายูเครนก่อการร้ายด้วยการส่งโดรน 2 ลำโจมตีเป้าหมายพลเรือนในกรุงมอสโก โดยลำหนึ่งถูกสกัดตกใกล้ๆ กับกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.) หรือหนึ่งวันหลังจากเคียฟประกาศกร้าวล้างแค้นที่มอสโกโจมตีโอเดสซา รวมทั้งอาสนวิหารสำคัญของเมืองท่าแห่งนี้ ถึงแม้มอสโกปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ทว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธยูเครนผิดพลาดเอง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียได้ขยายพื้นที่เป้าหมายการโจมตีทางอากาศในยูเครนไปยังพวกท่าเรือส่งออกริมแม่น้ำดานูบ ส่งผลให้โรงเก็บธัญพืชหลังหนึ่งถูกทำลาย แท็งก์จัดเก็บสินค้าอื่นๆ เสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน
แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายในเหตุการณ์โจมตีด้วยโดรนในกรุงมอสโกครั้งล่าสุดนี้ แต่เป้าหมายหนึ่งที่ถูกโจมตีอยู่ใกล้อาคารที่กองทัพรัสเซียใช้เป็นสถานที่บรรยายสรุป “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของตน สื่อมวลชนตะวันตกพากันระบุว่านี่เป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนรุนแรงเชิงสัญลักษณ์ อีกทั้งตอกย้ำความสามารถในการโจมตีโดรนเหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องระยะทำการ
รอยเตอร์รายงานว่า ถนนในบริเวณใกล้เคียงกับอาคารดังกล่าวได้ถูกสั่งปิดชั่วคราว ขณะที่อาคารสำนักงานแห่งหนึ่งที่ถูกโดรนลำที่ 2 ชนในอีกย่านหนึ่งของมอสโก ปรากฏว่าบานหน้าต่างของ 2 ชั้นบนสุดของอาคารได้หลุดร่วงลงมา และเศษซากปรักหักพังกระจายเกลื่อนพื้นด้านล่าง
ขณะที่สำนักข่าวของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของหน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉินว่า พบเศษซากโดรนใกล้อาคารหลังหนึ่งบนถนนคอมโซโมลสกี้ ซึ่งอยู่ห่างจากกระทรวงกลาโหมราว 2 กิโลเมตร
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียเองแถลงว่า ใช้อุปกรณ์เรดิโออิเล็กทรอนิกส์บังคับโดรนทั้ง 2 ลำดิ่งลงพื้น และสกัดความพยายามในการก่อการร้าย ด้วยการมุ่งโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีอาร์ทีวีไอทีวีว่า ยูเครนมีความผิดในการก่อการร้ายระหว่างประเทศ
การโจมตีคราวนี้แม้ไม่สร้างความเสียหายรุนแรงในแง่ชีวิตและทรัพย์สิน แต่ถือเป็นการโจมตีครั้งที่เกิดผลมากที่สุดนับจากเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีโดรน 2 ลำเข้าโจมตีถึงในเขตทำเนียบเครมลิน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ยังมีโดรนข้าศึก 17 ลำเข้าโจมตีคาบสมุทรไครเมีย และรัสเซียใช้อุปกรณ์ป้องกันโดรนและระบบป้องกันภัยทางอากาศสอยร่วงทั้งหมด
ขณะที่ เซียร์เก อัคซีโอนอฟ ผู้ว่าการไครเมียที่ได้รับการแต่งตั้งจากมอสโก เผยว่า คลังกระสุนแห่งหนึ่งถูกโจมตีและบ้านหลังหนึ่งได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกตั้งแต่ปี 2014 เป็นเป้าหมายการโจมตีของเคียฟมาตลอดนับจากรัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และถูกโจมตีหนักขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ขณะที่ยูเครนย้ำว่าจะชิงไครเมียคืนจากมอสโก
ก่อนหน้านั้น ในวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งที่ผ่านมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีภายในดินแดนรัสเซียหรือดินแดนที่รัสเซียยึดครองในยูเครนน้อยมาก ได้ประกาศให้สัญญาว่า จะตอบโต้การก่อการร้ายที่มอสโกกระทำต่อเมืองโอเดสซา โดยเฉพาะการโจมตีอาสนวิหารแห่งสำคัญในเมืองนี้
รัสเซียได้ส่งขีปนาวุธและโดรนถล่มเมืองท่าสำคัญทางทางภาคใต้ของยูเครนแห่งนี้ต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการแก้แค้นที่เคียฟโจมตีสะพานเคิร์ช ที่เชื่อมระหว่างคาบสมุทรไครเมียกับดินแดนรัสเซีย เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (17 ก.ค.)
โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ (23) การถล่มโจมตีโอเดสซาของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และอาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกาย (Transfiguration Cathedral) เสียหายหนัก
อาสนวิหารสำคัญของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่มรดกโลกขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) สร้างขึ้นเมื่อปี 1794 เคยถูกทำลายในยุคสตาลินปี 1936 และปฏิสังขรณ์ใหม่ในทศวรรษ 1990 หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย
ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ได้มีถ้อยแถลงประณามการโจมตีอันอุกอาจครั้งนี้ว่าเป็น “การยกระดับความรุนแรงต่อมรดกทางวัฒนธรรมของยูเครน” ขณะที่รัฐบาลเคียฟชี้ว่า การพุ่งเป้าโจมตีมหาวิหารว่าเข้าข่ายเป็น “อาชญากรรมสงคราม” และยังบอกด้วยว่าสถานที่แห่งนี้ “เคยถูกทำลายมาแล้ว 2 ครั้ง โดยสตาลิน และปูติน”
เซเลนสกี ระบุว่า อาสนวิหารแห่งนี้ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ Kh-22 ซึ่งเป็นมิสไซล์ยุคสหภาพโซเวียตที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จู่โจมเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ พร้อมประกาศว่ายูเครนจะ “แก้แค้น” รัสเซีย
“แล้วพวกเขาจะต้องรู้สึก” ผู้นำยูเครนกล่าว “เราจะยอมให้คนทั่วโลกชาชินกับการโจมตีก่อการร้ายแบบนี้ไม่ได้”
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน ยืนยันว่าได้ยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายต่างๆ ในโอเดสซา “ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อการเตรียมก่อการร้าย” แต่ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธรายงานของฝ่ายยูเครนที่อ้างว่าอาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกายถูกทำลายด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมหมีขาวบอกว่า เป้าหมายต่างๆ ในโอเดสซานั้น “ตั้งอยู่ห่างในระยะปลอดภัย” จากอาสนวิหาร และเชื่อว่าอาสนวิหารน่าจะถูกทำลายโดยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของฝ่ายยูเครนเองมากกว่า
สำหรับรองนายกรัฐมนตรีมิไคโล เฟโดรอฟ ของยูเครน โพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมเทเลแกรม ว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์เมืองหลวงของรัสเซียและไครเมียต่างถูกโดรนโจมตี บ่งชี้ว่า สงครามอิเล็กทรอนิกส์และระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถปกป้องน่านฟ้าของผู้ยึดครองได้น้อยลง
เฟโดรอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ผลักดันให้ยูเครนสร้าง “กองทัพโดรน” สำทับว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะมีการโจมตีในลักษณะนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ กองบัญชาการทหารภาคใต้ของยูเครนเผยว่า รัสเซียส่งโดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือริมแม่น้ำดานูบในภูมิภาคโอเดสซา นาน 4 ชั่วโมง ส่งผลให้โรงเก็บธัญพืชหลังหนึ่งถูกทำลาย และแทงก์จัดเก็บสินค้าอื่นๆ เสียหาย นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน
ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางส่งออกที่บริษัทธัญพืชยูเครนใช้เป็นตัวเลือกแทนท่าเรือขนาดใหญ่ริมทะเลดำในเมืองโอเดสซา การโจมตีนี้จึงถือเป็นการขยายพื้นที่เป้าหมายในการโจมตีทางอากาศของรัสเซียที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้วหลังจากมอสโกถอนตัวจากข้อตกลงอนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำ โดยเป้าหมายหลักคือเมืองโอเดสซา
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)