xs
xsm
sm
md
lg

ยังกับนรกแตก!! ยูเครนโวยรัสเซียใช้ขีปนาวุธ-โดรนถล่มคลังธัญพืชส่งออกที่ท่าเรือเมืองโอเดสซาเสียหายยับเยิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปลวไฟและควันดำลอยขึ้นมาจากคลังสินค้าที่ถูกถล่มโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนรัสเซีย ณ เมืองโอเดสซา ทางภาคใต้ของยูเครนเมื่อย่างเข้าวันใหม่ตอนเช้าวันพุธ (19 ก.ค.) (ภาพนิ่งถ่ายจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยกระทรวงเหตุฉุกเฉินของยูเครน)
ยูเครนกล่าวหารัสเซียในวันพุธ (19 ก.ค.) ว่าทำลายโครงสร้างพื้นฐานการส่งออกธัญพืชของตน ในการถล่มโจมตี “แบบนรกแตก” ช่วงคืนวันอังคาร (18) ซึ่งโฟกัสที่ท่าเรือริมทะเลดำ 2 แห่งของฝ่ายเคียฟ แต่ก็ประกาศลั่นว่าไม่ยอมถูกข่มขู่ให้หวาดผวา โดยจะเดินหน้าหาทางส่งออกธัญพืชของตนต่อไป




การโจมตีของฝ่ายรัสเซียล่าสุดนี้ ถือเป็นการเล่นงานใส่แคว้นโอเดสซา 2 คืนติดต่อกันแล้ว หลังจากที่มอสโกประกาศในวันจันทร์ (17) ถอนตัวออกจากข้อตกลงซึ่งมีสหประชาชาติและตุรกีเป็นคนกลาง และบังคับใช้กันมาได้ 1 ปี ที่เปิดทางให้ส่งออกธัญพืชของยูเครนออกไปได้อย่างปลอดภัยโดยขนส่งผ่านทะเลดำ ทั้งนี้ ยูเครนเพิ่งประกาศว่าตนกำลังจัดทำเส้นทางเดินเรือชั่วคราวขึ้นมาทดแทน โดยจะผ่านไปทางประเทศเพื่อนบ้านอย่างโรมาเนีย

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดีมาร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์ข้อความผ่านแอปเทเลแกรม กล่าวหาว่า “พวกผู้ก่อการร้ายรัสเซียมีความจงใจอย่างเต็มที่ในการพุ่งเป้าเล่นงานใส่โครงสร้างพื้นฐานของข้อตกลงธัญพืช” พร้อมกับโวยว่า ขีปนาวุธรัสเซียทุกๆ ลูก ไม่เพียงถล่มใส่ยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นการถล่มใส่ทุกๆ คนในโลกซึ่งต้องการชีวิตที่ปกติและปลอดภัย

ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดของยูเครนแถลงว่า มีพลเรือน 10 คนได้รับบาดเจ็บ คนหนึ่งเป็นเด็กชายอายุ 9 ขวบ สำหรับจุดขนถ่ายธัญพืชได้รับความเสียหายหลายแห่ง เช่นเดียวกับพวกโรงเรือนด้านอุตสาหกรรม คลังสินค้า ศูนย์การค้า อาคารพักอาศัยและอาคารสำหรับการบริหารปกครอง ตลอดจนรถยนต์อีกหลายคัน

จากวิดีโอที่เผยแพร่โดยกระทรวงเหตุฉุกเฉินของยูเครน มองเห็นเปลวไฟและกลุ่มควันดำโขมงลอยขึ้นมาจากคลังสินค้าหลายแห่งที่อยู่ในสภาพพังยับ ขณะที่หน้าต่างของกลุ่มอาคารที่พักอาศัยกลุ่มหนึ่งก็แตกหักเสียหาย

ฝ่ายรัสเซียแถลงในวันพุธว่า สืบเนื่องจากมอสโกได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงเรื่องการส่งออกธัญพืชแล้ว ดังนั้นจะพิจารณาว่าเรือทุกลำที่กำลังเดินทางสู่ท่าเรือต่างๆ ในทะเลดำของยูเครน มีศักยภาพที่จะเป็นเรือขนสินค้าทางทหาร ทั้งนี้ตั้งแต่ 00.00 น
ของวันพฤหัสบดี ตามเวลามอสโก (ตรงกับตี 4.00 น.ของวันพฤหัสบดี เวลาเมืองไทย)

กระทรวงกลาโหมรัสเซียสำทับด้วยว่า รัฐเจ้าของธงของเรือที่กำลังเดินทางสู่ท่าเรือต่างๆ ของยูเครนจะถูกพิจารณาว่าเป็นฝักฝ่ายข้างเดียวกับยูเครน ในการขัดแย้งสู้รบกันที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้

ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในวันพุธว่า การที่รัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้ เป็นการคุกคามที่จะทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารในระดับทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นอีก รวมทั้งอาจทำให้ราคาอาหารพุ่งสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศยากจนทั้งหลาย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคาร (18) รัสเซียแถลงว่าได้โจมตีใส่เป้าหมายทางทหารหลายแห่งใน 2 เมืองท่าของยูเครน คือ โอเดสซา และมิโคลาอิฟ เมื่อคืนวันจันทร์ (17) โดยถือเป็น “การโจมตีแก้แค้นครั้งใหญ่” สำหรับเหตุระเบิดซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่สะพานเคิร์ช ที่เป็นสะพานติดต่อระหว่างคาบสมุทรไครเมียกับดินแดนรัสเซีย

ด้านกองทัพอากาศยูเครนแถลงในวันพุธ (19) ว่ารัสเซียได้ระดมยิงขีปนาวุธและส่งโดรนโจมตีรวม 63 ลูกมาเล่นงานทั่วประเทศยูเครน โดยมุ่งโฟกัสเล่นงานพวกโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่ทางทหารในแคว้นโอเดสซา

คำแถลงอ้างว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถสอยขีปนาวุธและโดรนเหล่านี้ได้ 37 ลูก ซึ่งถือเป็นการให้ตัวเลขอัตราส่วนซึ่งต่ำลงมากว่าที่เคียฟเคยแถลงในเวลารับมือกับการโจมตีของฝ่ายรัสเซียในเดือนก่อนๆ

ขณะที่ มีโคลา โวลสกี รัฐมนตรีเกษตรระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานเพื่อการส่งออกธัญพืชที่ท่าเรือโครโนมอร์สก์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของโอเดสซา ได้รับความเสียหายไปหลายส่วน รวมทั้งมีธัญพืช จำนวน 60,000 ตันถูกทำลาย

เซอร์ฮีย์ บรัตชุค ผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกให้สำนักงานบริหารฝ่ายทหารในแคว้นโอเดสซา ระบุทางข้อความเสียงผ่านช่องเทเลแกรมของเขาในวันพุธว่า การโจมตีคราวนี้ “รุนแรงมาก ใหญ่โตจริงๆ” และ “มันเป็นคืนแห่งนรกแตก”

ด้านกองบัญชาการทหารภาคใต้ของยูเครนกล่าวว่า การโจมตีคราวนี้รัสเซียได้ใช้พวกขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง รวมทั้ง Kh-22 ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ยิงจากเรือบรรทุกเครื่องบิน มาถล่มโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือของโอเดสซา

ท่าเรือ 3 แห่งในแคว้นโอเดสซา คือท่าเรือที่ยังคงมีการดำเนินงานกันอยู่ในยูเครนระหว่างเกิดสงครามคราวนี้ โดยเป็นไปตามข้อตกลงที่มียูเอ็นและตุรกีเป็นคนกลาง ซึ่งมุ่งเปิดทางให้สามารถส่งออกธัญพืชยูเครนผ่านท่าเรือต่างๆ ของยูเครนที่ต่างถูกรัสเซียปิดล้อม ทั้งนี้ ยูเครนเป็นชาติผลิตธัญพืชรายสำคัญรายหนึ่งของโลก และประเทศจำนวนมากรวมทั้งชาติยากจนในแอฟริกาต้องพึ่งพาอาศัยธัญพืชเหล่านี้

กองบัญชาการทหารภาคใต้ของยูเครนกล่าวด้วยว่า คลังสินค้าอีกหลายแห่งในโอเดสซา ซึ่งใช้เก็บพวกยาสูบและดอกไม้ไฟ ก็ถูกโจมตีเช่นเดียวกัน

ในอีกด้านหนึ่ง ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในพื้นที่ฝึกทหาร ในเขตคิรอฟสเก ของคาบสมุทรไครเมีย เมื่อคืนวันอังคาร เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพผู้คนมากกว่า 2,000 คนจากเขตพำนักอาศัยรวม 4 แห่ง ทั้งนี้ ตามการแถลงของ เซียร์เก อัคสโยนอฟ ผู้ว่าการของไครเมียที่แต่งตั้งโดยฝ่ายรัสเซีย

อัคสโยนอฟ ไม่ได้ระบุว่าไฟไหม้เกิดจากอะไร แต่พวกช่องในแพลตฟอร์มเทเลแกรมซึ่งเชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย ตลอดจนพวกสื่อมวลชนยูเครน ระบุว่า คลังเก็บเครื่องกระสุนแห่งหนึ่งที่ค่ายทหารดังกล่าวได้เกิดไฟไหม้ขึ้นภายหลังถูกฝ่ายยูเครนโจมตีทางอากาศ

บรัตชุค โฆษกของสำนักงานบริหารฝ่ายทหารในแคว้นโอเดสซา ได้โพสต์คลิปวิดีโอ 2 คลิป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ในพื้นที่ที่ไม่มีผู้พำนักอาศัย โดยเขาระบุว่า “คลังเครื่องกระสุนของข้าศึก สตาร์ยี ครีม

ทั้งนี้ สตาร์ยี ครีม เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตคิรอฟสเก ของคาบสมุทรไครเมีย

(ที่มา : รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น