กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอังคาร (18 ก.ค.) ว่าได้โจมตีเป้าหมายทางทหารหลายแห่งใน 2 เมืองท่าสำคัญของยูเครนช่วงคืนวันจันทร์ (17) ที่ผ่านมา ในฐานะเป็น “การโจมตีแก้เผ็ดครั้งใหญ่” ตอบโต้เหตุการณ์เล่นงานสะพานเชื่อมระหว่างคาบสมุทรไครเมียกับดินแดนรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (16) และมอสโกกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือเคียฟ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า 2 เมืองท่าของยูเครนที่ถูกโจมตี คือ โอเดสซา ซึ่งกองทัพเรือยูเครนใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการของตนด้วย และมิโคลาอิฟ ซึ่งอยู่ใกล้ชายฝั่งริมทะเลดำของยูเครน
“กองทัพของสหพันธรัฐรัสเซียได้ดำเนินการโจมตีแก้เผ็ดครั้งใหญ่ในคืนที่ผ่านมา โดยใช้อาวุธความแม่นยำสูงที่ยิงจากทะเล เข้าถล่มใส่สถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นที่เตรียมการสำหรับการใช้พวกเรือที่ไม่มีลูกเรือ มาดำเนินการปฏิบัติการแบบผู้ก่อการร้ายต่อสหพันธรัฐรัสเซีย” ทางกระทรวงระบุในคำแถลง
คำแถลงอ้างว่า การตอบโต้แก้เผ็ดคราวนี้ได้โจมตีถูกอู่ซ่อมเรือแห่งหนึ่งใกล้ๆ โอเดสซา ซึ่งพวกเรือไร้ลูกเรือดังกล่าว –ที่เข้าใจกันว่าหมายถึงพวกโดรนนาวีชนิดที่รัสเซียเชื่อว่าถูกใช้มาโจมตีสะพานไครเมีย— ถูกต่อขึ้นมา
“นอกจากนั้น สิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้เป็นที่เก็บเชื้อเพลิงปริมาณราว 70,000 ตัน เพื่อจัดส่งให้แก่พวกยุทโธปกรณ์ของกองทัพยูเครนก็ถูกทำลาย” ที่บริเวณใกล้ๆ กับเมืองมิโคลาอิฟ และเมืองโอเดสซา คำแถลงกล่าวในอีกตอนหนึ่ง
คำแถลงอ้างว่าเป้าหมายต่างๆ ทุกเป้าหมายถูกโจมตีหมดและถูกทำลายยับเยิน โดยอ้างอิงว่าไฟไหม้และการระเบิดซึ่งเกิดขึ้นมาคือหลักฐานยืนยันเรื่องนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่า ยังไม่สามารถหาแหล่งข่าวอิสระยืนยันการกล่าวอ้างนี้ได้
ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนแถลงว่า ในคืนวันจันทร์ ฝ่ายตนสามารถสอยขีปนาวุธร่อนแบบคาลิบร์ 6 ลูก และโดรน 31 ลำจากทั้งหมด 36 ลำของรัสเซีย ส่วนใหญ่ที่บริเวณเหนือแคว้นโอเดสซา และมิโคลาอิฟ ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายยูเครนอ้างว่าชิ้นส่วนขีปนาวุธและโดรนที่ร่วงลงมาทำให้บ้านหลายหลังและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของท่าเรือในโอเดสซาได้รับความเสียหาย ส่วนที่มิโคลาอีฟเกิดไฟไหม้โรงงานแห่งหนึ่ง
เหตุโจมตีสะพานเชื่อมระหว่างไครเมียกับรัสเซีย ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า สะพานเคิร์ช เมื่อวันจันทร์ (17) ฝ่ายรัสเซียระบุว่ามีสามีภรรยาชาวรัสเซียเสียชีวิต ขณะที่ลูกสาววัย 14 ปีของสามีภรรยาคู่นี้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากรถยนต์ที่พวกเขาขับมาอยู่ตรงจุดที่โดรนนาวีของยูเครนเข้าโจมตีพอดี
ทางการยูเครนไม่ได้กล่าวอ้างความรับผิดชอบสำหรับการโจมตีคราวนี้ แต่พวกสื่อมวลชนยูเครนรายงานกันว่า หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนได้ใช้โดรนนาวีหลายลำเข้าโจมตีสะพานแห่งนี้ ซึ่งเพิ่งกลับมาเปิดใช้งานได้อย่างเต็มที่ไม่นานมานี้เอง หลังได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ภายหลังสะพานเคิร์ชถูกโจมตีในวันจันทร์ (17) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ออกมาแถลงถ่ายทอดทางทีวีประณามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอาชญากรรมไร้สติ พร้อมประกาศตอบโต้และเรียกร้องให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยสะพานดังกล่าวเข้มงวดขึ้น
นอกจากนั้น หลังสะพานเคิร์ชถูกโจมตีไม่กี่ชั่วโมง เครมลินยังประกาศยุติการเจรจาต่ออายุข้อตกลงอนุญาตให้เคียฟส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำที่สิ้นสุดลงในวันจันทร์ แม้ระบุว่า อาจกลับมาเจรจาอีกครั้งถ้าข้อเรียกร้องให้ผ่อนคลายกฎในการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซียได้รับการตอบสนอง
ทั้งนี้ ท่าเรือที่โอเดสซาคือท่าเรือสำคัญในข้อตกลงส่งออกธัญพืชระหว่างมอสโกกับเคียฟที่อนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชกว่า 32 ล้านตันในปีที่ผ่านมา
ด้านรัสเซียเผยว่า ได้สกัดโดรนของยูเครนที่โจมตีไครเมีย โดยไม่มีความเสียหายบนภาคพื้นดิน และสามารถเปิดการจราจรหนึ่งช่องทางบนสะพานเคิร์ชอีกครั้ง
ยูเครนเริ่มต้นปฏิบัติการตอบโต้เมื่อเดือนที่แล้วและชิงคืนหมู่บ้านบางแห่งทางใต้และรอบเมืองบัคมุต แต่กองกำลังโจมตีใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธและกระสุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากตะวันตกยังไม่สามารถฝ่าทะลุแนวต้านของรัสเซียได้
เคียฟอ้างว่า จงใจรุกคืบอย่างช้าๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียกำลังพลจำนวนมากจากการตะลุยผ่านแนวต้านที่เต็มไปด้วยกับระเบิดของข้าศึก และต้องการเน้นการบ่อนทำลายการส่งกำลังบำรุงและการสั่งการของรัสเซีย
นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารของยูเครนยังกล่าวว่า กองกำลังรัสเซียกำลังพยายามกลับเข้าโจมตีทางเหนือของเมืองบัคมุตในแคว้นคาร์คิฟตลอดแนวรบในดินแดนที่ยูเครนชิงคืนได้เมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งระดมกำลังใหม่เข้าโจมตีทางตะวันออกเฉียงเหนือ
เซอร์ฮีย์ เชเรวาตี โฆษกกองกำลังภาคตะวันออกของยูเครน เผยว่า กองทัพรัสเซียรวบรวมพลกว่า 100,000 นาย และรถถังกว่า 900 คันในเมืองคูเปียนสก์ของแคว้นคาร์คีฟ
ส่วนที่อังกฤษ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความคิดเห็นทางอีเมล ปฏิเสธข้อกล่าวหาของดมิตริ โปลแยนสกี้ รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เมื่อวันจันทร์ที่ว่า หน่วยข่าวกรองของอังกฤษอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีสะพานเคิร์ชในไครเมียที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 1 คน
โปลแยนสกี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีชาติตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนแม้แต่ชาติเดียวที่ประณามการก่อการร้ายดังกล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)