รัสเซียถล่มท่าเรือยูเครนต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3 พร้อมขู่โจมตีเรือทุกลำที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือยูเครน ขณะที่อเมริกาอ้างมีเบาะแสว่า มอสโกวางทุ่นระเบิดในน่านน้ำใกล้ยูเครนเพิ่มเล็งโจมตีเรือพลเรือนในทะเลหลวง ด้านเบลารุสเผยกองกำลังพิเศษเริ่มต้นการฝึกกับนักรบวากเนอร์ในสนามฝึกที่อยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์แค่ 5 กิโลเมตร
หลังจากรัสเซียประกาศทิ้งข้อตกลงอนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ค.) ได้ปรากฏสัญญาณใหม่ว่า มอสโกเต็มใจที่จะใช้กำลังบังคับปิดกั้นยูเครน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก และส่งผลให้ราคาอาหารในตลาดโลกพุ่งขึ้นอีกครั้ง
มอสโกประกาศว่า จะไม่เข้าร่วมข้อตกลงธัญพืชที่ดำเนินมาแล้ว 1 ปี ถ้าไม่มีการดำเนินการที่ดีขึ้นเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขในเรื่องการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซียด้วย ขณะที่สหประชาชาติ ที่เป็นตัวกลางการเจรจาร่วมกับตุรกี บอกว่า การตัดสินใจของรัสเซียคุกคามความมั่นคงด้านอาหารสำหรับประชากรโลกที่ยากจนที่สุด
ในวันพุธ (19 ก.ค.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวหาตะวันตกบิดเบือนข้อตกลงธัญพืช พร้อมย้ำข้อเสนอของรัสเซียในการกลับสู่การเจรจา หากเงื่อนไขที่ต้องการได้รับการตอบสนอง
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวประณามในวันเดียวกันว่า การโจมตีท่าเรือยูเครนพิสูจน์ว่า เป้าหมายของรัสเซียไม่ใช่แค่ยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตประชากรโลก และสำทับว่า ท่าเรือที่ถูกโจมตีในวันพุธจัดเก็บธัญพืชอยู่ถึงราว 1 ล้านตันที่ควรจัดส่งให้ประเทศต่างๆ ในแอฟริกาและเอเชีย ส่วนเทอร์มินัลที่เสียหายอีกแห่งมีสินค้าเกษตร 60,000 ตันที่เตรียมส่งให้จีน
ขณะเดียวกัน เคียฟซึ่งยังคงวาดหวังฟื้นการส่งออกธัญพืชของตน โดยที่ไม่ต้องให้รัสเซียมีส่วนร่วมด้วย อ้างว่า กำลังเตรียมเส้นทางใหม่ผ่านน่านน้ำของโรมาเนียซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
อย่างไรก็ดี ไม่มีเรือออกจากท่าเรือต่างๆ ของยูเครนเลย นับจากที่มอสโกถอนตัวจากข้อตกลงเมื่อต้นสัปดาห์ และพวกบริษัทประกันภัยก็แสดงความไม่แน่ใจว่า จะสามารถรับความเสี่ยงด้วยการรับประกันภัยสำหรับการค้าในเขตสงครามนี้ได้ต่อไปหรือไม่
นอกจากนั้น หลังจากถอนตัวจากข้อตกลง มอสโกยังระดมยิงขีปนาวุธถล่มใส่โอเดสซา และมิโคลาอีฟ ซึ่งเป็น 2 เมืองท่าใหญ่ที่สุดของยูเครนอย่างต่อเนื่อง 3 คืนติดกัน โดยที่ในการโจมตีวันพฤหัสฯ (20 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ยูเครนในมิโคลาอีฟระบุว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 19 คน ขณะที่ในเมืองโอเดสซามีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 8 คน
กองทัพรัสเซียยังประกาศว่า จะถือว่าเรือทุกลำที่มุ่งหน้าสู่น่านน้ำยูเครนนับตั้งแต่เช้าวันพฤหัสฯ เป็นต้นไป เข้าข่ายเป็นเรื่องซึ่งอาจมีอาวุธ และเรือที่ติดธงประเทศที่สนับสนุนยูเครนก็ถือเป็นเป้าหมายทางทหาร พร้อมสำทับว่า บางส่วนของทะเลดำเวลานี้ไม่ปลอดภัยสำหรับการเดินเรือ
ด้านวอชิงตันกล่าวอ้างว่า มอสโกอาจส่งสัญญาณที่จะดำเนินการโจมตีเรือขนส่งสินค้าของพลเรือน
แอดัม ฮอดจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุว่า อเมริกามีข้อมูลบ่งชี้ว่า รัสเซียวางทุ่นระเบิดในทะเลในเส้นทางใกล้ท่าเรือยูเครนเพิ่มขึ้น ซึ่งดูเหมือนเป็นความพยายามเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การโจมตีเรือของพลเรือนในทะเลดำและโยนความผิดให้ยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงกลาโหมของเบลารุสแถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ครูฝึกของวากเนอร์ กรุ๊ป เริ่มต้นการฝึกกองทหารปฏิบัติการพิเศษของเบลารุส ที่สนามฝึกเบรสต์สกี้ที่อยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์เพียง 5 กิโลเมตร
ทางด้านกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ซึ่งเป็นสมาชิกนาโต แถลงว่า พรมแดนของประเทศมั่นคงปลอดภัย และโปแลนด์ติดตามสถานการณ์แถบชายแดนด้านตะวันออกที่ติดกับเบลารุสอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ
ทั้งนี้ วากเนอร์เป็นบริษัททหารรับจ้างของรัสเซียที่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผู้ก่อตั้งคือ เยฟเกนี ปรีโกจิน ได้ก่อกบฏหวังล้มผู้นำกองทัพของรัสเซีย แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจบลงอย่างรวดเร็วภายใต้ข้อตกลงที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุสและเป็นพันธมิตรกับปูติน เป็นตัวกลางที่เสนอให้ปรีโกจิน และสมาชิกวากเนอร์ลี้ภัยไปอยู่เบลารุส
เมื่อค่ำวันพุธยังมีการเผยแพร่วิดีโอที่มีภาพปรีโกจินพูดคุยกับนักรบวากเนอร์ และระบุว่า นักรบเหล่านี้จะอยู่ในเบลารุส “ระยะหนึ่ง” เพื่อช่วยให้กองทัพเบลารุสเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับ 2 ของโลก
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
