ชาวยูเครนพากันละทิ้งบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม ขณะที่กระแสน้ำไหลบ่าครอบคลุมทั่วพื้นที่ผืนใหญ่ทางภาคใต้ในวันพุธ (7 มิ.ย.) ภายหลังเขื่อนใหญ่ตรงบริเวณแนวหน้าระหว่างกองทหารรัสเซียกับยูเครนถูกทำลายเสียหาย โดยที่แต่ละฝ่ายต่างประณามกันและกันว่าเป็นตัวการ ขณะที่อเมริกายังไม่ฟันธงฝีมือใคร แต่คาดว่าจะมีผู้สังเวยชีวิตในเหตุการณ์นี้จำนวนมาก และยูเอ็นระบุว่า ผลกระทบเลวร้ายที่สุดจะปรากฏชัดเจนในไม่กี่วันนี้
ชาวเมืองเคียร์ซอน พากันอุ้มลูกหลาน นำสัตว์เลี้ยงตลอดจนข้าวของที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ลุยผ่านถนนสายต่างๆ ที่น้ำท่วมท้น ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เรือยางเข้าไปค้นหาพื้นที่ต่างๆ ซึ่งระดับน้ำท่วมเลยความสูงของศีรษะไปแล้ว
ยูเครนบอกว่า น้ำท่วมหนักเช่นนี้จะทำให้ผู้คนเป็นแสนๆ ไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด ขณะที่มวลน้ำไหลปกคลุมพื้นที่เกษตรกรรมเป็นหมื่นๆ เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับประมาณ 6 ไร่ 1 งาน) และเปลี่ยนให้มันกลายเป็นทะเลทราย
ทั้งยูเครนและรัสเซียกล่าวหากันว่า เป็นตัวการทำลายเขื่อนโนวาคาคอฟกา จนแตกยับเยินเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) โดยเคียฟกล่าวหาว่า รัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามด้วยการระเบิดเขื่อนใหญ่แห่งนี้เพื่อขัดขวางปฏิบัติการตอบโต้ครั้งใหญ่ของฝ่ายตน ขณะที่มอสโกบอกว่า เขื่อนถูกทำลายจนพังไปบางส่วนเช่นนี้เนื่องจากการโจมตีหลายระลอกของกองทัพยูเครนที่ต้องการหันเหความสนใจไปจากความล้มเหลวในการเริ่มปฏิบัติการตอบโต้ดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติประณาม “การก่ออาชญากรรม” ของเคียฟ
สำหรับท่าทีของอเมริกา จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว แถลงว่า ตอนนี้สหรัฐฯ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กระนั้น โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวแบบเข้าข้างยูเครนเต็มที่ ด้วยการตั้งคำถามว่า ทำไมยูเครนต้องทำเรื่องแบบนี้กับดินแดนและประชาชนของตนเอง ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ และบังคับให้ผู้คนเป็นหมื่นๆ ต้องอพยพออกจากบ้าน มันไม่มีเหตุผลเอาเลย
ด้านนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ระบุว่า หน่วยงานทางทหารและข่าวกรองของอังกฤษกำลังตรวจสอบว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการระเบิดเขื่อนหรือไม่ แต่สำทับว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุป
ส่วน อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ประกาศว่า การโจมตีเขื่อนโนวาคาคอฟกา เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ผู้นำในยุโรปหลายคนแสดงปฏิกิริยาด้วยการประณามรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อย่างฉับพลันทันที โดยไม่ต้องรอพิจารณาหาหลักฐานข้อพิสูจน์ เป็นต้นว่า โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวในวันอังคารว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับอาชญากรรมจำนวนมากที่ได้เห็นพวกทหารรัสเซียประพฤติในยูเครน และการโจมตีเขื่อนใหญ่เช่นนี้ จึงเป็นเครื่องหมายของ “มิติใหม่” ในสงครามที่กระทำโดยทหารรัสเซีย แต่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำสงครามที่ปูตินใช้อยู่
ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ก็กล่าวว่า รู้สึกช็อกที่มีการโจมตีเขื่อนใหญ่ในยูเครน พร้อมกับให้สัญญาว่าจะต้องไล่เรียงเอาผิดกับรัสเซียสำหรับ “อาชญากรรมสงคราม” คราวนี้
ทางด้าน มาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติ ฝ่ายการบรรเทาทุกข์ แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นว่า เหตุการณ์เขื่อนแตกจะส่งผลร้ายแรงและกว้างขวางต่อประชาชนเป็นแสนๆ คนทางใต้ของยูเครน ในทั้งสองด้านของแนวรบ จากการที่ประชาชนต้องสูญเสียบ้าน อาหาร น้ำสะอาด และชีวิตความเป็นอยู่ที่ปลอดภัย โดยผลกระทบรุนแรงที่สุดจะปรากฏขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้
ขณะเดียวกัน แม้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่า อาจมีผู้เสียชีวิต “จำนวนมาก” จากมวลน้ำทะลัก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนประเมินว่า ประชาชนราว 42,000 คนเสี่ยงประสบภัยน้ำท่วมโดยคาดว่าระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดในวันพุธ
นอกจากนั้น ขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายยังมีการปะทะกัน โดยที่ฝ่ายยูเครนบอกว่ารัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่ ขณะที่ฝ่ายรัสเซียกล่าวว่าเคียฟส่งโดรนมาโจมตี
โอเลคซานดร์ โครันซยี โฆษกบริการฉุกเฉินของยูเครนแถลงทางทีวีว่า ประชาชนกว่า 1,450 คนอพยพออกมาแล้ว และยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก่อนสำทับว่า ระดับน้ำในเมืองเคียร์ซอนสูง 5 เมตรแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งจากมอสโกในแคว้นเคียร์ซอนเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้อพยพประชาชนแล้วกว่า 1,200 คน
โอเลคซานดร์ โปรคูดิน หัวหน้าคณะบริหารด้านการทหารของแคว้นเคียร์ซอน แถลงว่า บ้านเรือน 1,852 หลังถูกน้ำท่วมเมื่อเช้าวันพุธ และเตือนว่า ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1 เมตรภายใน 20 ชั่วโมงข้างหน้า
เขื่อนคาคอฟกา เป็นทั้งเขื่อนผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ และทำหน้าที่ป้อนน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรมกว้างขวางทางใต้ของยูเครน และตอนเหนือของคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกตั้งแต่ปี 2014 อีกทั้งยังจัดส่งน้ำสำหรับใช้ระบายความร้อนให้แก่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย
ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัท แมกซาร์ เทคโนโลยีส์ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารเผยให้เห็นบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ มากมายจมน้ำ หลายแห่งเหลือเพียงหลังคาให้เห็นเท่านั้น
แมกซาร์ระบุว่า ภาพที่ครอบคลุมอาณาบริเวณกว่า 2,500 ตารางกิโลเมตรระหว่างเขื่อนโนวาคาคอฟกา กับอ่าวดนิโปรฟสกา ซึ่งอยู่ริมทะเลดำทางตอนใต้ของเมืองเคียร์ซอนริมทะเลดำ เผยให้เห็นเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำท่วม
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)