เขื่อนโนวาคาคอฟกา ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ในแคว้นเคียร์ซอนทางภาคใต้ยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ส่งไปยังคาบสมุทรไครเมียและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ถูกระเบิดเสียหายยับเยินในวันอังคาร (6 มิ.ย.) ทำให้มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วมเมืองที่อยู่ใกล้เคียง ตลอดจนพื้นที่ซึ่งอยู่ตอนล่างลงมา ประชาชนจำนวนมากต้องเร่งอพยพหลบภัย ทางด้านประมุขยูเครนกล่าวหารัสเซียเป็นผู้ระเบิดเขื่อนจากด้านใน ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมหมีขาวตอบโต้ว่าเคียฟคือตัวการก่อเหตุ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเคลื่อนย้ายกำลังทหารเพื่อปฏิบัติการเล่นงานกองกำลังรัสเซีย
เขื่อนโนวาคาคอฟกา มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซีย โดยเป็นแหล่งน้ำหลักซึ่งจัดส่งน้ำให้แก่คาบสมุทรไครเมีย ตลอดจนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ที่เวลานี้ต่างอยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เหนือเขื่อนนี้ก็เป็นหนึ่งในลักษณะหลักทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ภาคใต้ของยูเครน โดยมีความยาว 240 กิโลเมตร และกว้าง 23 กิโลเมตร
การระเบิดเขื่อนแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำดนิโปร ที่ปัจจุบันกลายเป็นเส้นแบ่งพื้นที่ยึดครองของกองกำลังมอสโกกับของฝ่ายเคียฟ ในบริเวณภาคใต้ของยูเครน ทำให้เกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมครั้งใหม่ในจุดศูนย์กลางของเขตสงคราม และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่แนวรบ ขณะที่ยูเครนกำลังเตรียมพร้อมเปิดปฏิบัติการตอบโต้ครั้งใหญ่ที่รอคอยมานานเพื่อชิงดินแดนที่ถูกยึดไปคืนจากรัสเซีย
เขื่อนโนวาคาคอฟกาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียตั้งแต่ช่วงต้นของสงคราม แม้กองทัพยูเครนชิงดินแดนด้านเหนือของแม่น้ำดนิโปรได้ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ตาม และต่างฝ่ายกล่าวหากันมาตลอดว่า อีกฝ่ายวางแผนทำลายเขื่อน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน เพื่อหารือเกี่ยวกับ “อาชญากรรมสงคราม” ของรัสเซียครั้งนี้ โพสต์บนแอปเทเลแกรมเมื่อวันอังคารว่า การทำลายเขื่อนโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกาของผู้ก่อการร้ายรัสเซีย ตอกย้ำว่า รัสเซียจำเป็นต้องถูกขับไล่พ้นจากดินแดนยูเครน
ผู้นำเคียฟอ้างว่า รัสเซียระเบิดโครงสร้างภายในเขื่อน ส่งผลให้เขตที่พักอาศัยราว 80 แห่งอยู่ในบริเวณที่ถูกน้ำท่วม
ขณะที่ มิไคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน สำทับว่า เป้าหมายของผู้ก่อการร้ายชัดเจนมากคือ ขัดขวางการตอบโต้ของกองทัพยูเครน
ทางการยูเครนเผยว่า หมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำท่วมทั้งหมดหรือบางส่วน และเจ้าหน้าที่ได้เริ่มอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว
ส่วนทางด้านผู้ว่าการแคว้นเคียร์ซอนที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซีย ได้ออกมากล่าวหาเคียฟโจมตีเขื่อนด้วยขีปนาวุธเพื่อหันเหความสนใจจากความล้มเหลวของปฏิบัติการตอบโต้ใหญ่ของตัวเองในภาคตะวันออกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
เวลาต่อมา รัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู ของรัสเซีย ได้แถลงกล่าวหาว่ายูเครนเป็นผู้ระเบิดเขื่อนโนวาคาคอฟกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะจัดกำลังทหารจากพื้นที่อื่นๆ ของแคว้นเคียร์ซอนเสียใหม่ สำหรับการปฏิบัติการเล่นงานกองกำลังฝ่ายรัสเซีย
ทั้งนี้ ไม่ว่าฝ่ายเคียฟหรือฝ่ายมอสโก ต่างไม่ได้มีการแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างของตัวเอง
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เหนือเขื่อนโนวาคาคอฟกาจัดสรรน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงบนคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกในปี 2014 รวมทั้งยังจัดสรรน้ำให้ระบบหล่อเย็นในโรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ในดินแดนยึดครองของรัสเซีย
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ทวีตว่า กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเสี่ยงเฉพาะหน้าเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ในโรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย
โรซาตอม บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาลรัสเซีย ยืนยันเช่นเดียวกันว่า เหตุการณ์เขื่อนแตกไม่ได้ทำให้เกิดภัยคุกคามต่อโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียในขณะนี้ และกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน วลาดิมีร์ ลีออนทิฟ นายกเทศมนตรีเมืองโนวาคาคอฟกาที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า ระดับน้ำในเมืองที่อยู่ติดกับเขื่อนที่แตกแห่งนี้ อาจสูงถึง 12 เมตร และล่าสุดระบุว่า น้ำทะลักท่วมเมืองแล้ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนในเมืองโนวาคาคอฟกาที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียเผยว่า ประชาชนราว 300 ครัวเรือนอพยพออกจากพื้นที่แล้ว และสำทับว่า เขื่อนได้รับความเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้
ภาพจากคลิปที่มีการเผยแพร่เผยให้เห็นน้ำทะลักออกจากเขื่อนที่มีความสูง 30 เมตร และยาว 32 กิโลเมตร
สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของผู้นำในแคว้นเคียร์ซอนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียว่า ประชาชน 22,000 คนใน 14 เขตที่พักอาศัยในภูมิภาคนี้เสี่ยงเผชิญน้ำท่วม
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)