เกาหลีเหนือเปิดตัวหัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่ซึ่งมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม โดยที่ผู้นำ คิม จองอึน สั่งเร่งกำลังการผลิตวัสดุนิวเคลียร์เกรดอาวุธเพื่อขยายคลังแสงของประเทศ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการรายงานในวันอังคาร (28 มี.ค.) ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ เดินทางถึงฐานทัพเกาหลีใต้ ภายหลังการซ้อมรบร่วม
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานข่าวผู้นำ คิม จองอึน เดินทางไปสถาบันอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง เพื่อเยี่ยมชมความก้าวหน้าของอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีรุ่นใหม่ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีการติดหัวรบบนขีปนาวุธ และแผนปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์ โดยในการนี้ยังมีเผยแพร่ภาพหัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า ฮวาซาน-31 (Hwasan-31) ด้วย
พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ภาพถ่ายชุดนี้อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าเกาหลีเหนือก้าวหน้าไปอีกขั้นในแง่ของการผลิต “หัวรบย่อส่วน” ที่มีพลังทำลายล้างสูง แต่ขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งบนขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งอาจเดินทางไปโจมตีถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ได้
“พวกเขาสร้างอาวุธที่ทรงพลังมากขึ้นในพื้นที่ซึ่งมีขนาดเล็กลง นั่นเป็นสิ่งที่น่ากังวล” คุน วาย.ซูห์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ให้ความเห็น โดยเปรียบเทียบหัวรบนิวเคลียร์ตัวใหม่นี้กับเวอร์ชันที่ถูกเปิดตัวเมื่อปี 2016
ขณะที่ จอร์จ วิลเลียม เฮอร์เบิร์ต อาจารย์จากศูนย์ไม่แพร่กระจายอาวุธศึกษาของ สถาบันการระหว่างประเทศศึกษา มิดเดิลบิวรี ในสหรัฐฯ เห็นตรงกันว่า ภาพชุดนี้ “บ่งบอกถึงพัฒนาการที่ก้าวหน้าไปกว่าอาวุธนิวเคลียร์รุ่นก่อนๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงในแง่การออกแบบด้วย”
สำหรับ คิม ดงยุป อดีตนายทหารเรือเกาหลีใต้ซึ่งเวลานี้สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยคยุงนัม ในเกาหลีใต้ บอกว่า หัวรบนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในแพลตฟอร์มการส่ง (delivery platform) รูปแบบต่างๆ กันอย่างน้อย 8 แพลตฟอร์ม อย่างที่ถูกระบุไว้บนแผ่นโปสเตอร์ซึ่งติดอยู่บนผนังห้อง ทั้งนี้ รวมถึงแพลตฟอร์มที่ติดตั้งในขีปนาวุธ และในเรือดำน้ำ
“หัวรบเหล่านี้ไม่ได้มุ่งจำกัดติดตั้งอยู่แต่เฉพาะในพวกขีปนาวุธทางยุทธวิธีเท่านั้น แต่ดูเหมือนกับเป็นหัวรบย่อส่วน น้ำหนักเบา และทำให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งสามารถติดตั้งบนยานส่งต่างๆ หลากหลาย” เขากล่าว
“เวลานี้ในเมื่อพวกยานส่งเกือบพรักพร้อมแล้วเช่นนี้ พวกเขาจะผลิตหัวรบออกมาเพื่อให้รับประกันได้ว่ามีสมรรถนะในการโจมตีตอบโต้เป็นครั้งที่สอง (second strike capabilities) –บางทีอาจจะเป็นร้อยๆ หัวรบทีเดียว ไม่ใช่แค่หลายๆ สิบ— เวลาเดียวกับที่เดินเครื่องเพิ่มสมรรถนะวัสดุนิวเคลียร์ให้เต็มที่ยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้วัสดุนิวเคลียร์เกรดทำผลิตเพิ่มขึ้นอีก” เขากล่าวต่อ
ทั้งนี้ เคซีเอ็นเอระบุว่า ผู้นำ คิม ยังมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลิตวัสดุนิวเคลียร์เกรดอาวุธ “อย่างมีสายตายาวไกล” เพื่อเพิ่มพูนคลังแสงนิวเคลียร์ของโสมแดงขึ้นมา “อย่างมีนัยสำคัญ” และผลิตอาวุธที่ทรงพลังต่างๆ ออกมา
คิม กล่าวย้ำว่า ศัตรูของกองกำลังนิวเคลียร์โสมแดงไม่ใช่รัฐใดรัฐหนึ่งหรือกลุ่มประเทศใด ทว่าคือ “ความหายนะจากสงครามและอาวุธนิวเคลียร์เอง” พร้อมยืนยันว่านโยบายขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีวัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียวคือเพื่อป้องกันประเทศ และธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ผู้นำโสมแดงยังได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์บริหารจัดการอาวุธนิวเคลียร์แบบบูรณาการที่เรียกว่า ‘Haekbangashoe’ ซึ่งหมายถึง “ตัวลั่นไกนิวเคลียร์” (nuclear trigger) ซึ่งความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วระหว่างที่กองทัพจำลองปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือเวลานี้กำลังทดสอบอาวุธถี่ขึ้น โดยมีการยิงขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missiles) พิสัยใกล้ไปตกในทะเลเมื่อวันจันทร์ (27) และสัปดาห์ที่แล้วได้จำลองการใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งเปียงยางกล่าวหาว่าเปิดปฏิบัติการซ้อมรบใหญ่เพื่อ “เตรียมรุกราน” โสมแดง
เคซีเอ็นเอ ยังระบุในรายงานข่าวที่แยกต่างหากออกไปว่า กองทัพโสมแดงได้จำลองการระเบิดกลางอากาศของอาวุธนิวเคลียร์โดยใช้ขีปนาวุธแบบทิ้งตัวทางยุทธวิธี จำนวน 2 ลูกซึ่งติดตั้งหัวรบหลอกๆ ระหว่างการฝึกซ้อมในวันจันทร์ (27) พร้อมกันนั้น ยังได้ทำการทดสอบโดรนโจมตีใต้น้ำที่มีศักยภาพติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคมที่ผ่านมา
โดรนใต้น้ำนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า แฮอิล-1 (Haeil-1) สามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายๆ หนึ่ง ในน่านน้ำที่อยู่นอกชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ภายหลังเคลื่อนที่ไปตามเส้นทาง “คดเคี้ยวไปมาและอ้อมเป็นวง” ระยะทางรวม 600 กิโลเมตรเป็นเวลากว่า 41 ชั่วโมง
ทางด้านโฆษกทางทหารผู้หนึ่งของเกาหลีใต้ แถลงว่า จำเป็นต้องมีการทดสอบและวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าหัวรบแบบใหม่ของโสมแดงนี้สามารถติดตั้งใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่สำหรับรายงานเรื่องโดรนใต้น้ำนั้นมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่า “อวดอ้างเกินจริงและเสกสรรขึ้นมา”
ในวันอังคาร (28) เช่นกัน หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ ที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส นิมิตซ์ เข้าจอดเทียบท่าที่ฐานทัพนาวีปูซาน ในเกาหลีใต้ หลังจากดำเนินการซ้อมรบทางทะเลกับนาวีโสมขาวแล้ว ครั้งนี้ถือเป็นการไปเยือนครั้งแรกในรอบๆ เกือบ 6 ปีของเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกัน และเกิดขึ้นในวาระครบรอบ 70 ปีของความเป็นพันธมิตรกันระหว่างประเทศทั้งสอง
พลเรือตรี คิม จีฮุน แห่งกองทัพเรือเกาหลีใต้ แถลงว่า การซ้อมรบร่วมคราวนี้มุ่งหมายที่จะปรับปรุงยกระดับการป้องปรามของสหรัฐฯ นั่นก็คือ สมรรถนะทางทหารที่ขยายตัวกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกองกำลังนิวเคลียร์ในการป้องปรามการโจมตีที่จะกระทำต่อพวกพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามที่กำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ
ด้านพลเรือตรีคริสโตเฟอร์ สวีนีย์ ผู้บังคับการหมู่เรือโจมตีนี้ กล่าวว่า เรือรบในหมู่เรือของเขามีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้น
โสมแดงนั้นกล่าวหาสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ว่ากำลังสร้างความตึงเครียดและใช้การฝึกร่วมเป็นการซักซ้อมการรุกรานเกาหลีเหนือ
ในบทวิจารณ์ชิ้นหนึ่งซึ่งเผยแพร่ทาง โรดงซินมุน สื่อทางการของพรรคผู้ปกครองเกาหลีใต้ ระบุว่า การฝึกซ้อมโดยเฉพาะส่วนที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินเกี่ยวข้องอยู่ด้วย มีความหมายเท่ากับเป็น “การประกาศสงครามอย่างเปิดเผย” และเป็นการเตรียมตัวเพื่อ “การเข้าโจมตีก่อน” มุ่งเล่นงานเกาหลีเหนือ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)