(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)
The coming spring offensives in Ukraine
By STEPHEN BRYEN
08/03/2023
ทั้งฝ่ายรัสเซีย และฝ่ายยูเครนที่มีสหรัฐฯ กับนาโต้คอยสนับสนุน ต่างเตรียมตัวพรักพร้อมแล้วสำหรับเปิดการรุกใหญ่ของพวกตนในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรเป็นสิ่งที่ยากลำบากแก่การคาดคะเน แต่ที่แน่นอนก็คือว่ามันกำลังทำให้ยุโรปอยู่ตรงปากขอบเหวแห่งมหาวิบัติหายนะ
จากที่มองเห็นได้ในขณะนี้ การรุกใหญ่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ในยูเครนมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมาใน 2 ลักษณะ 2 ทิศทาง แต่ไม่ว่าจะเป็นการรุกในทิศทางไหนก็ถือได้ว่ามีความเสี่ยงอย่างสำคัญสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนการทำนายว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรนั้นต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากมาก เพราะพวกเพลเยอร์ที่อยู่ภายนอกอาจจะเข้ามาแทรกแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังของสหรัฐฯ และกองกำลังของนาโต้
การรุกใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ในทิศทางแรก เป็นสิ่งซึ่งทราบกันดีอยู่แล้ว ได้แก่ การรุกใหญ่ฤดูใบไม้ผลิซึ่งกำลังเตรียมตัวกันอยู่ของกองทัพรัสเซีย โดยช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมา มีการจัดเตรียมด้านต่างๆ อย่างใหญ่โตคึกคัก ทั้งนี้ ฝ่ายรัสเซียมีการปรับปรุงยกระดับยุทธวิธีของพวกตน นำเอาอาวุธเพื่อการรุกชนิดใหม่ๆ เข้ามา และทดแทนยุทโธปกรณ์ซึ่งสูญเสียไปแล้วในสงครามครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรถถังและยานรบทหารราบ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ft.com/content/164360c3-1b37-46c9-b26a-4444d2045eef)
รายงานชิ้นหนึ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียกำลังเดินเครื่องดำเนินการผลิตรถถัง ซึ่งรวมถึงพวกรุ่นที-90 และที-14 อาร์มตัส (T-14 Armtas) ในระดับเต็มที่ การผลิตอาวุธประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะพวกเครื่องกระสุนสำหรับป้อนอาวุธทุกๆ แบบก็ดูเหมือนกำลังมีการเร่งตัวเช่นกัน
(เรื่องรัสเซียเดินเครื่องเร่งผลิตรถถัง ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://simplicius76.substack.com/p/sitrep-3623-bakhmut-noose-tightens )
(เรื่องรถถัง ที-90 ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.military-today.com/tanks/t90m.htm)
(เรื่องรถถัง ที-14 อาร์มตัส ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sandboxx.us/blog/russias-new-t-14-armata-tank-is-seen-in-ukraine-for-the-first-time/)
สิ่งซึ่งยังไม่ทราบกันคือ ฝ่ายรัสเซียจะใช้กองกำลังขนาดใหญ่จำนวนระหว่าง 200,000 -300,000 คนที่พวกเขากำลังชุมพลอยู่กันอย่างไร มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่าพวกเขาจะเคลื่อนพลบุกออกมาจากด้านใต้และด้านตะวันออก เพื่อสร้างวงล้อมขนาดใหญ่โตที่จะพยายามโอบล้อมนำเอากองกำลังฝ่ายยูเครนเข้ามาอยู่ภายในกับดัก
อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาจะใช้การโอบล้อมนี้เพื่อตรึงกำลังฝ่ายยูเครนเอาไว้ ขณะที่จะเปิดการบุกอย่างรวดเร็วเข้าตีกรุงเคียฟจาก 3 ด้าน (ด้านใต้ ตะวันออก และด้านเหนือ) นี่อาจจะเป็นวิธีเสี่ยงที่ดีที่สุดของพวกเขา ทว่ายังคงมีคำถามอยู่ตรงที่ว่าพวกเขามีกำลังพลเพียงพอที่จะทำงานเช่นนี้ได้หรือไม่ หรือมีความคล่องตัวเพียงพอที่จะหลบหลีกจากการรุกตอบโต้ของฝ่ายยูเครนหรือเปล่า
สำหรับการรุกใหญ่ช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกทิศทางหนึ่ง คือการรุกที่ยูเครนกำลังตระเตรียมอยู่อย่างขะมักเขม้น ทั้งนี้ การรุกในทิศทางนี้บางทีอาจจะถูกวางแผนขึ้นในเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มากกว่าจะเกิดขึ้นในกรุงเคียฟ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.voanews.com/a/us-ukraine-preparing-a-spring-offensive-against-russia/6963179.html)
ทางนาโต้เองก็กำลังเร่งรัดเสริมกำลังของพวกตนให้เข้มแข็งขึ้นอีกเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันเสาร์ (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา “ลิเบอร์ตี ไพรด์” (Liberty Pride) เรือบรรทุกยานพาหนะ (vehicle carrier ) ชักธงสหรัฐฯ ได้แล่นเข้าสู่เมืองท่าอเล็กซานดรูโปลิส (Alexandroupolis) ประเทศกรีซ ขณะบรรทุกพวกยุทโธปกรณ์ทางการทหารซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่กองกำลังต่างๆ ของนาโต้
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://greekreporter.com/2023/03/05/us-vessel-transporting-military-equipment-docks-at-alexandroupolis/)
(ติดตามความเคลื่อนไหวของเรือลิเบอร์ตี ไพรด์ ได้ที่ https://www.myshiptracking.com/vessels/liberty-pride-mmsi-368473000-imo-9448114)
มีเรือสหรัฐฯ ลำอื่นๆ อีกกี่ลำที่กำลังแล่นอยู่ในมหาสมุทร หรือที่กำลังไปถึงเมืองท่าแห่งอื่นๆ ในขณะนี้ เป็นข้อมูลที่ยังไม่ทราบกัน แต่สิ่งที่ทราบกันแล้วก็คือว่า นาโต้กำลังตระเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับรับมือผลกระทบต่อเนื่องต่างๆ ที่อาจติดตามมา ในทันทีที่ฝ่ายยูเครนดำเนินการรุกใหญ่
จุดโฟกัสสำคัญที่สุดของการรุกใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิของฝ่ายยูเครนคราวนี้ น่าจะเป็นการเข้าโจมตีแหลมไครเมีย และการเข้าตีกองกำลังฝ่ายรัสเซียในภาคใต้ของยูเครน วัตถุประสงค์คือการตัดขาดพื้นที่เหล่านี้ (ตั้งแต่พื้นที่แคว้นเคียร์ซอน Kherson ไปจนถึงแคว้นซาโปริเซีย Zaphorizia) จัดการทำลายกองกำลังรัสเซียซึ่งอยู่ที่นั่นอย่างเป็นระบบ จากนั้นก็ติดตามมาด้วยการบุกใหญ่เข้าไปในแหลมไครเมีย
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nytimes.com/2023/01/18/us/politics/ukraine-crimea-military.html)
สหรัฐฯ กำลังจัดส่งวัสดุอุปกรณ์เพื่อการทำสงครามเป็นจำนวนใหญ่โตมหึมาสำหรับการโจมตีคราวนี้ โดยรวมถึงพวกอุปกรณ์ทำสะพานชั่วคราวซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักของรถถังลีโอพาร์ด 2 (Leopard 2) ที่มีต้นแหล่งดั้งเดิมจากเยอรมนี ทั้งนี้รถถังเหล่านี้แต่ละคันหนักเกิน 62 ตัน (คิดคร่าวๆ ก็อยู่ในระดับเดียวกับรถถังเอ็ม1 อะบรามส์ M1 Abram -ของสหรัฐฯ ซึ่งจะยังไม่มีการส่งไปจนกว่าจะถึงปีหน้า ถ้าหากจะมีการจัดส่งไปจริงๆ)
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.forbes.com/sites/craighooper/2023/03/03/armored-bridges-to-ukraine-last-pieces-for-a-counter-attack-coming-into-place/?sh=2b4311322efe)
(เรื่องรถถังเอ็ม1 อะบรามส์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.military.com/equipment/m1a2-abrams-main-battle-tank)
ยูเครนมีอะไรที่จะต้องทำมากมายจนเต็มไม้เต็มมือทีเดียวในการปฏิบัติการเช่นนี้ และต้องพึ่งพาอาศัยการข่าวกรองสหรัฐฯ รวมทั้งมีความเป็นไปได้มากๆ ว่าต้องพึ่งพาอาศัยกำลังทางอากาศของสหรัฐฯ ด้วย มาถึงตอนนี้มันไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการฝึกนักบินชาวยูเครนให้สามารถบินเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ได้ รวมทั้งไม่มีเอฟ-16 ที่เหลือใช้ใดๆ สำหรับการส่งเข้าสู่สมรภูมิคราวนี้ได้ –แน่นอนล่ะ ยกเว้นแต่จะนำเอาฝูงบินขับไล่สหรัฐฯ เข้ามาอยู่ในการคิดคำนวณด้วย
เราสามารถคาดหมายได้ว่า เครื่องบินสหรัฐฯ จะถูกพ่นสีทับด้วยเครื่องหมายสัญลักษณ์ของยูเครน และบินโดยนักบินสหรัฐฯ หรือนักบินนาโต้ เครื่องบินเหล่านี้จะปฏิบัติการในฐานะที่เป็นทรัพย์สินซึ่งใช้เพื่อการคุมเชิง คอยยิงอาวุธจากอากาศสู่อากาศ และจากอากาศสู่พื้นดิน พวกที่มีพิสัยทำการไกลๆ
ด้วยการอยู่ห่างออกมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย แต่ได้รับความคุ้มครองจากสิ่งที่ยังเหลืออยู่ของการป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน เอฟ-16 เหล่านี้สามารถเล็งเป้าหมายเล่นงานพวกยานเกราะ ศูนย์สั่งการ จุดชุมพลทหาร กองคาราวาน ของฝ่ายรัสเซีย รวมทั้งทำหน้าที่ส่งสัญญาณรบกวนฝ่ายรัสเซีย และเป็นเรดาร์เพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม การรุกของฝ่ายยูเครนครั้งนี้ น่าที่จะปรากฏแก่ฝ่ายรัสเซีย ในฐานะที่เป็นสาเหตุซึ่งสามารถอ้างเพื่อการประกาศสงครามได้ (casus belli) จากการที่นาโต้กำลังเข้ามีส่วนร่วมโดยตรงเช่นนี้ รัสเซียอาจจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อการท้าทายโดยตรงนี้เช่นไรได้บ้าง นับเป็นเรื่องยากลำบากที่จะคาดหมาย การตอบโต้ของรัสเซียซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดอาจจะเป็นการเข้าโจมตีพวกคลังเสบียงอาวุธและพื้นที่ชุมพลในโปแลนด์และโรมาเนีย – และแทบจะแน่นอนทีเดียวว่า รวมไปถึงพวกสนามบินที่ให้ความสนับสนุนสงครามคราวนี้ด้วย
พวกนักยุทธศาสตร์ของรัสเซียมีความคิดเห็นกันว่า กองกำลังของโปแลนด์อาจจะเคลื่อนเข้าไปในยูเครนด้วยเช่นกัน บางทีอาจจะเข้าไปยึดเมืองลวิฟ (Lviv หรือบางทีเรียกกันว่า Lvov เมืองใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกของยูเครน) หรือไม่ก็รางวัลใหญ่อื่นๆ โดยวางเดิมพันว่าการรุกใหญ่ของฝ่ายยูเครนอาจจะประสบความล้มเหลว หรือฝ่ายรัสเซียจะประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลที่กรุงเคียฟ
(ดินแดนภาคตะวันตกของยูเครน เคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของโปแลนด์มาอย่างยาวนานในอดีต ทำให้มีการตั้งคำถามอยู่เรื่อยๆ ว่า โปแลนด์ยังวาดหวังที่จะตัดเฉือนเอายูเครนตะวันตกกลับมาเป็นของตนหรือไม่ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Poland%E2%80%93Ukraine_relations -ผู้แปล)
ถ้าหากการทำนายว่าด้วยการรุกใหญ่ฤดูใบไม้ผลิ 2 ทิศทางนี้จะมีอะไรใกล้เคียงความถูกต้อง – โดยที่มีหลักฐานมากมายซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่ากำลังมีการตระเตรียมเพื่อทำการรุกใหญ่เช่นนี้กันอยู่ในทั้ง 2 ทิศทาง – นั่นย่อมหมายความว่า ยุโรปกำลังอยู่ตรงปากขอบเหวใกล้จะร่วงลงสู่มหาวิบัติหายนะ
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ ศูนย์เพื่อนโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) และที่สถาบันยอร์กทาวน์ (Yorktown Institute)