xs
xsm
sm
md
lg

พวกนักรบยูเครนเรือนหมื่นที่สมรภูมิเมืองบัคมุต มีรายงานว่าเวลานี้ตกอยู่ในวงล้อมของฝ่ายรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน ***


ทีมทหารเสนารักษ์ของยูเครนรักษาพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลสนามที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเมืองบัคมุต ในแคว้นโดเนตสก์ เมื่อวันอาทิตย์ (26 ก.พ.)  ขณะที่มีรายงานข่าวว่าฝ่ายรัสเซียเข้าโอบล้อมทหารยูเครนเอาไว้จำนวนนับหมื่น
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Ukrainian fighters at Bakhmut reported encircled
By STEPHEN BRYEN
26/02/2023

ทหารยูเครน 1-2 หมื่นกำลังตกอยู่ในกับดักและถูกฝ่ายรัสเซียปิดล้อมที่เมืองบัคมุต โดยที่โอกาสในการหลบหนีและรุกตอบโต้กลับนั้นกำลังลดน้อยลงทุกที ขณะที่พวกนักรบรับจ้างกลุ่มวากเนอร์ สามารถเข้ายึด ยาฮิดเน ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญเอาไว้ได้แล้ว

ทหารราวๆ 10,000 ถึง 20,000 คนที่ประกอบกันขึ้นเป็นกองทัพของยูเครนในเมืองบัคมุต (Bakhmut) เวลานี้ตกอยู่ในกับดักเสียแล้ว รายงานหลายกระแสระบุว่า เมืองแห่งนี้กำลังถูกปิดล้อมในการปฏิบัติการ [1] โดยที่โอกาสในการแหวกวงล้อมออกมามีลดน้อยลงเรื่อยๆ

ถัดจากเมืองบัคมุต ออกไปทางตะวันตก เต็มไปด้วยภูมิประเทศเปิดโล่ง และไม่ค่อยมีอะไรที่สามารถขัดขวางการบุกต่อไปของรัสเซีย จนกระทั่งถึงฝั่งแม่น้ำดนิเปอร์ (Dnieper River) โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานหนักแน่นใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่ากองทัพยูเครนมีการตระเตรียมแนวป้องกันแนวที่ 2 เอาไว้

นี่หมายความว่าเส้นทางอาจจะเปิดกว้างแล้ว สำหรับการที่กองกำลังฝ่ายรัสเซียจะทำการรุกครั้งใหญ่ มันจะเกิดขึ้นหรือไม่ และรัสเซียมีเป้าหมายอย่างไรแน่ เหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป

การรุกคืบหน้าของฝ่ายรัสเซียในบัคมุต ส่วนใหญ่แล้วกระทำโดยกองกำลังวากเนอร์ (Wagner Forces) [2] ซึ่งมีลักษณะเป็น “กองทัพส่วนตัว” กองทหารวากเนอร์นั้นวางกำลังอยู่ทั้งทางด้านตะวันออกและด้านใต้ของบัคมุต รวมทั้งทางด้านเหนือด้วย ยาฮิดเน (Yahidne) ที่มั่นสำคัญแห่งหนึ่งของฝ่ายยูเครน เวลานี้แตกแล้ว

ยูเครนพยายามเปิดการโจมตีตอบโต้ ซึ่งก็สามารถช่วงชิงพื้นที่บางส่วนกลับคืนมาได้ชั่วคราว แต่เวลานี้มันถูกแย่งกลับไปอีกแล้ว แทบไม่มีช่องทางเลยที่ฝ่ายยูเครนจะมีโอกาสเพื่อพยายามอีกครั้ง

อากาศในตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงฝนตกและเมฆมืดครื้ม นี่ทำให้เป็นการยากลำบากที่กองกำลังฝ่ายยูเครนจะล่าถอยออกจากเมืองในลักษณะที่มีระเบียบ ถนนสายต่างๆ ทั้งหมดล้วนแต่ถูกปิดกั้น และการที่กองกำลังต้องอพยพออกมาโดยเคลื่อนตัวไปตามท้องทุ่งการเกษตรที่เป็นหลุมโคลน ย่อมทำได้ด้วยความลำบาก นำไปสู่อัตราการบาดเจ็บล้มตายสูง

จวบจนถึงเวลานี้ อย่างน้อยที่สุด เคียฟแถลงยอมรับเพียงแค่ว่าสถานการณ์ที่บัคมุต “ยากลำบาก” [3] ยังไม่มีคำสั่งทั่วไปใดๆ ออกมาเพื่อให้ล่าถอย อันเป็นความเคลื่อนไหวที่ก่อนหน้านี้ยังน่าจะกระทำได้

เป็นการยากที่จะเข้าใจได้ว่า ยูเครนนั้นคิดว่าตนเองจะสามารถบรรลุอะไรได้ จากการยอมเสียสละกองกำลังในแนวหน้าส่วนสำคัญส่วนหนึ่งไปเช่นนี้

ทฤษฎีหนึ่งที่พูดกันคือ กองเสนาธิการใหญ่ (general staff) ของยูเครนคิดว่าพวกตนน่าจะสามารถตรึงกองทัพรัสเซียเอาไว้และขัดขวางไม่ให้มันรุกคืบหน้าได้ ทว่าฝ่ายรัสเซียไม่ได้นำเอากองกำลังประจำแนวหน้าตามปกติของตนมาที่บัคมุต ตรงกันข้ามพวกเขาใช้กองทหารวากเนอร์

อีกทฤษฎีหนึ่งที่พูดกันก็คือ การปิดล้อมที่ใช้เวลานานๆ อย่างแบบที่เกิดขึ้นในเมืองมาริอูโปล (Mariupol) [4] จะเรียกความเห็นอกเห็นใจได้มากจากฝ่ายตะวันตก โดยเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกนักรบผู้กล้าหาญชาวยูเครนกำลังยืนหยัดต้านทานอสูรร้ายผู้ป่าเถื่อนชาวรัสเซีย ในขณะที่บัคมุตกำลังสู้รบเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต ยูเครนก็สามารถเรียกร้องอาวุธจำนวนมากยิ่งขึ้นและดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาวุธยิงไกลอย่างปืนใหญ่ปืนครกและระบบจรวดหลายลำกล้อง ที่มีพิสัยทำการไกลยิ่งขึ้น ตลอดจนพวกเครื่องบินขับไล่สหรัฐฯ

แต่ขณะที่เหล่าผู้นำของฝ่ายตะวันตกกำลังสาละวนอยู่กับการให้คำมั่นสัญญาว่าพวกเขาจะให้ความสนับสนุนยูเครนอย่างชนิดไม่มีการถดถอยล้มเลิกอยู่นั้น การจัดส่งรถถังและยานสู้รบหุ้มเกราะมาให้เป็นจำนวนมาก ตามที่ได้เคยคาดการณ์กันไว้ เวลานี้ดูเหมือนกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาโดยจำนวนจะอยู่ที่หลายสิบคัน ไม่ใช่หลายร้อยคัน

กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยต้องการจัดส่งรถถังอะบรามส์ให้แก่ยูเครนเลย แต่ถูกเกลี้ยกล่อมยืนกรานจากฝ่ายเยอรมนีที่ดื้อรั้นหัวแข็ง จนกระทั่งต้องรับปากรับคำนั้น มาตอนนี้มีการพลิกพลิ้วถอยกลับอีก โดยกำลังพูดว่าการจัดส่งรถถังอะบรามส์สหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลา 1 ปี หรือนานกว่านั้น [5] จึงจะทำได้ครบถ้วน

ความต้องการของยูเครนในเรื่องเครื่องบินรบ ก็ไม่น่าที่จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวเอาไว้ในสัปดาห์นี้ว่า ยูเครนไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องได้ เอฟ-16 [6] ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ชนิดที่ยูเครนระบุเอาไว้ในบัญชีรายชื่ออาวุธที่ตนปรารถนา แล้วไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม นอกเหนือจากพวกเอฟ-16 รุ่นเก่าๆ ซึ่งใช้อยู่ในกองกำลังป้องกันชาติของสหรัฐฯ (US National Guard) แล้ว สหรัฐฯก็ไม่มี เอฟ-16 ใดๆ อีกที่จะสามารถจัดส่งให้ได้ แม้กระทั่งไต้หวัน ซึ่งสั่งซื้อ เอฟ-16 รุ่นใหม่ๆ เอาไว้ ยังได้รับแจ้งเลยว่าการจัดส่งจะต้องล่าช้าออกไป—บางทีอาจจะเป็นแรมปี

ฝ่ายอิตาลี ที่เคยเสนอจัดส่งเครื่องบินให้แก่ยูเครน มาถึงตอนนี้ได้ถอนข้อเสนอของตนแล้วไม่ว่าเครื่องบินแบบใดๆ [7] ทางฝ่ายเยอรมนีก็ไม่ได้มีเครื่องบินอะไหล่ใดๆ เหลืออยู่ (และถึงมี มันก็จะไม่ใช่เอฟ-16) และถ้าหากสหราชอาณาจักรดำเนินการจัดส่งเครื่องบินใดๆ ไปให้แก่ยูเครนจริงๆ การป้องกันบ้านของสหราชอาณาจักรเอง [8] ก็จะต้องอ่อนปวกลงไปอย่างสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้มีการโฆษณาชวนเชื่อประโคมดังสนั่น รวมทั้งเสียงเรียกร้องจากพวกนักการเมืองและสื่อมวลชนรายใหญ่ๆ ทั้งหลายให้รีบเร่งจัดหาอาวุธแก่ยูเครนมากขึ้นอีก แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยมีอะไรนักหรอกที่จะจัดหาจัดส่งให้ได้

ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัสเซียบอกว่ายูเครนกำลังวางแผนการเข้าโจมตีแคว้นทรานสนิสเตรีย (Transnistria) [9] ซึ่งเป็นดินแดนของชาวรัสเซียที่ประกาศแยกตัวไม่ยอมขึ้นกับมอลโดวา ทรานสนิสเตรียนั้นมีพวกโกดังขนาดใหญ่มหึมาจัดเก็บเครื่องกระสุนของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกปืนใหญ่ขนาด 152 มม. นี่เป็นเครื่องกระสุนเก่าเก็บมากๆ บางส่วนสามารถย้อนหลังไปถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติใหม่ๆ มันจะใช้ประโยชน์อะไรได้หรือไม่ ยังไม่เป็นที่ทราบกัน

เซเลนสกี ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับทรานสนิสเตรีย แต่เขาบอกว่าเขากำลังจะติดอาวุธยูเครนให้พรักพร้อมอีกครั้งเพื่อเข้าช่วงชิงแหลมไครเมียกลับคืน [10] อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ดูไม่น่าเป็นไปได้อย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง เมื่อพิจารณาถึงสภาวการณ์อันวิกฤตของกองทัพยูเครน ที่กำลังยืดขยายเส้นแนวปะทะซึ่งประจันหน้ากับฝ่ายรัสเซียออกไปอย่างยาวเหยียด จนกระทั่งอยู่ในอาการสุดเหยียดอยู่แล้ว

ถึงแม้มีถ้อยแถลงอย่างกล้าหาญทุกๆ ชนิดออกมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ทั้งของฝ่ายตะวันตกและของฝ่ายยูเครน แต่กองทัพยูเครนก็ยังอาจจะเผชิญกับการถูกโอบล้อม ถ้าหากฝ่ายรัสเซียเปิดฉากการรุกขึ้นมาจริงๆ

มีความเป็นไปได้อย่างมากที่วัตถุประสงค์ของรัสเซียในสงครามยูเครน เวลานี้อาจจะกำลังมีการเปลี่ยนแปลง

วัตถุประสงค์ที่ประกาศเอาไว้ของการปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียคราวนี้ คือการรักษาความมั่นคงให้แก่ดินแดนของ 2 สาธารณรัฐที่ประกาศแยกตัวออกจากยูเครน นั่นคือ โดเนตสก์ และลูฮันสก์ ซึ่งเวลานี้ถูกประกาศผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ฝ่ายรัสเซียดูเหมือนเพิ่งเรียนรู้ก็คือว่า การมุ่งรักษาเส้นแนวรบให้มีเสถียรภาพนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งและสิ้นเปลืองอย่างยิ่ง ขณะที่สิ่งซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่สามารถยอมรับได้นั้นก็ไม่มีความแน่นอนอะไรเอาเลย

ตราบเท่าที่ยูเครนยังประกาศว่าจะช่วงชิงเอาดินแดนเหล่านี้ทุกๆ ตารางนิ้วกลับคืนไป ไม่ว่าจะเป็นการชิงคืนในตอนนี้หรือรอไว้วันพรุ่งนี้ มันก็ยังคงมีความหมายว่าพวกเขาจะไม่ยอมยุติการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ –โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากสหรัฐฯ และนาโต้ยังคงอัดฉีดอาวุธให้แก่ฝ่ายยูเครนต่อไปไม่เลิกรา

กล่าวโดยสรุป ในฉากทัศน์เช่นนี้ ฝ่ายรัสเซียจะต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถ้าหากไม่มีการทำข้อตกลงสันติภาพ (ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้ ตราบใดที่วอชิงตันยังคงคัดค้านอยู่)

เนื่องจากเวลานี้รัสเซียเข้าใจแล้วว่าตนกำลังสู้รบอยู่กับยูเครนและกับนาโต้ รัสเซียจึงจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในวิธีการขบคิดคาดคำนวณที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของตน ถ้าหากต้องการได้ผลลัพธ์ในทางบวก ยิ่งกว่านั้น รัสเซียต้องกระทำเรื่องนี้ขณะเดียวกับที่ยังคงต้องใช้ความบันยะบันยัง เพื่อไม่ให้กลายเป็นการจุดชนวนสงครามในยุโรปที่มีขนาดขอบเขตใหญ่โตกว้างขวางยิ่งขึ้นไปกว่านี้

นี่ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ในยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เรากำลังเริ่มต้นจะได้เห็นกัน ขณะรัสเซียยิ่งขยับใกล้ที่จะสามารถจัดระเบียบเพื่อเปิดการรุกครั้งใหญ่ในยูเครน ทั้งนี้เป้าหมายของฝ่ายรัสเซียอาจจะรวมไปถึงการทำให้กำลังสู้รบของยูเครนแทบทั้งหมดเข้ามาติดอยู่ในวงล้อม (หลังจากที่ได้พร่ากำลังด้านการป้องกันทางอากาศและด้านอาวุธยิงไกลของฝ่ายยูเครนลงไปอย่างสำคัญแล้ว) หรือมันอาจจะเป็นการกระโดดข้ามกองทัพของยูเครน และมุ่งดำเนินปฏิบัติการโดยตรงในกรุงเคียฟ ซึ่งส่งผลเป็นความพยายามที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นมา

ทั้งนี้ การรุกของรัสเซียอาจจะได้รับการเกื้อหนุนจากความหายนะที่บัคมุตของกองทัพยูเครนก็เป็นได้ การตัดสินใจให้คงกองกำลังของพวกตนเอาไว้ในพื้นที่บัคมุตต่อไป อาจได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดทางด้านสงครามครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่พวกผู้นำยูเครนเคยกระทำมา โดยที่มันกำลังบ่อนทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพ และเร่งให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถาโถมใส่ทั้งคณะผู้นำทางการเมืองและคณะผู้นำทางการทหาร

สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ ศูนย์เพื่อนโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) และที่สถาบันยอร์กทาวน์ (Yorktown Institute)

เชิงอรรถ
[1] https://www.youtube.com/watch?v=msCdfk2JZFM
[2] https://www.usnews.com/news/world/articles/2023-02-25/russias-prigozhin-says-wagner-fighters-capture-ukrainian-village-near-bakhmut
[3]https://censor.net/en/news/3399996/zelensky_on_situation_in_bakhmut_its_difficult_theyre_holding_on
[4] https://www.washingtonpost.com/world/2022/05/21/ukraine-mariupol-azovstal-siege-timeline/
[5] https://www.foxnews.com/world/m1-abrams-tanks-biden-promised-ukraine-may-not-sent-year-defense-official
[6] https://www.politico.com/news/2023/01/30/biden-f-16s-ukraine-00080276
[7] https://www.reuters.com/world/europe/italy-pm-meloni-arrives-kyiv-ahead-zelenskiy-talks-2023-02-21/
[8] https://www.reuters.com/world/europe/britain-says-its-not-practical-send-ukraine-fighter-jets-2023-01-31/
[9] https://www.thedailybeast.com/russia-claims-ukraine-plans-false-flag-fake-attack-on-moldova
[10] https://www.hindustantimes.com/videos/world-news/catastrophe-coming-putin-enraged-after-zelensky-s-crimea-dare-preparing-to-seize-peninsula-101677324886539.html


กำลังโหลดความคิดเห็น