ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีและซีเรีย ยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุดในวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.) ทะลุหลัก 21,000 รายแล้ว ในขณะที่ความช่วยเหลือชุดแรกจากสหประชาชาติเดินทางถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏในซีเรียแล้ว แต่ความหวังพบผู้รอดชีวิตเลือนรางลงทุกขณะ
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าเขาอยู่ระหว่างเดินทางไปซีเรีย ในขณะที่ความหนาวเหน็บเป็นอุปสรรคสำคัญต่อปฏิบัติการค้นหาตามอาคารที่พังราบเป็นหน้ากลองหลายพันหลัง และคุกคามชีวิตของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวจำนวนมาก ซึ่งต้องอยู่โดยปราศจากสถานที่พักพิงชั่วคราว และน้ำอุปโภคบริโภค
โอกาสพบผู้รอดชีวิตดูจะมืดมนลงแล้วในเวลานี้ หลังจากช่วงเวลา 72 ชั่วโมง ที่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นไปได้ในการช่วยชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 เกิดขึ้นในตอนเช้ามืดวันจันทร์ (6 ก.พ.) ยามที่ผู้คนกำลังหลับใหล ในภูมิภาคที่หลายพื้นที่ผู้คนประสบความสูญเสียและไร้ถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว สืบเนื่องจากสงครามกลางเมืองซีเรีย
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.) ว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปซีเรีย "ผมอยู่ระหว่างเดินทางไปซีเรีย ประเทศที่องค์การอนามัยโลกกำลังให้การสนับสนุนด้านสาธารณสุขที่จำเป็นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อเร็วๆ นี้"
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากประจำอยู่ที่จุดผ่านแดนบับ อัล-ฮาวา (Bab al-Hawa) เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ขบวนบรรเทาทุกข์ได้เดินทางถึงพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ความคืบหน้าที่ก่อความหวังว่าจะสามารถช่วยปกป้องชีวิตผู้ประสบภัย
จุดผ่านแดนนี้เป็นหนทางเดียวที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ สามารถเข้าถึงพลเรือนโดยไม่จำเป็นต้องผ่านพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัฐบาลซีเรีย
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อนุมัติเปิดจุดช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ระหว่างตุรกีและซีเรีย เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือ
ที่ผ่านมา ประชาชน 4 ล้านคนในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย จำเป็นต้องพึ่งพิงจุดผ่านแดนบับ อัล-ฮาวา ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการความช่วยเหลือข้ามพรมแดนที่ได้รับการอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อเกือบ 1 ทศวรรษก่อน
อุณหภูมิในเมืองกาเซียนเท็ปของตุรกี ดำดิ่งแตะระดับ -5 องศาเซลเซียส ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.) แต่หลายพันครอบครัวตัดสินใจนอนค้างคืนในรถยนต์และเต็นท์ชั่วคราว ด้วยยังคงหวาดกลัวแผ่นดินไหวหรือไม่ก็ถูกห้ามกลับเข้าที่พักอาศัย
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนพากันอุ้มลูกที่ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม เดินไปตามท้องถนนภายในเมือง ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) เพราะว่ามันอุ่นกว่าการที่จะนอนหรือนั่งเฉยๆ อยู่ภายในเต็นท์
โรงยิมเนเซียม มัสยิด อาคารโรงเรียนและห้างร้างบางแห่งเปิดในยามค่ำคืน แต่ที่นอนแน่นขนัด ทำให้หลายพันคนต้องใช้ชีวิตตอนกลางคืนในรถยนต์ โดยสตาร์ทเครื่องไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น
ทีมค้นหานานาชาติเผยว่าด้วยอากาศหนาวเหน็บ ทำให้พวกเขาต้องชั่งใจว่าจะใช้อุปทานเชื้อเพลิงที่มีอย่างจำกัดเพื่อสร้างความอบอุ่น หรือใช้มันเดินหน้าปฏิบัติการกู้ภัยต่อไป
ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ของตุรกี ในวันพุธ (8 ก.พ.) ยอมรับมีข้อบกพร่องต่างๆ ในแนวทางของรัฐบาลในการบริหารจัดการภัยพิบัติครั้งนี้
แผ่นดินไหวในวันจันทร์ (6 ก.พ.) ถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของตุรกี นับตั้งแต่ปี 1939 โดยคราวนั้นมีผู้เสียชีวิตมากถึง 33,000 คนในจังหวัดเอร์ซินจาน ทางภาคตะวันออกของประเทศ
เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์เผยว่าจนถึงตอนนี้พบผู้เสียชีวิตในตุรกีแล้ว 17,674 ราย และ 3,377 รายในซีเรีย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 21,051 คน อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
มีความโกรธแค้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ต่อแนวทางบริหารจัดการภัยพิบัติของทางรัฐบาล "ผู้คนที่ไม่ได้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหว กำลังถูกปล่อยทิ้งให้ตายท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ" ฮาคาน ทาริเวอร์ดี บอกกับเอเอฟพีจากจังหวัดอาดิยามาน หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด
แม้เผชิญความยากลำบาก แต่ทีมกู้กัยท้องถิ่นและต่างชาติหลายพันคน ยังคงไม่ยอมแพ้ในปฏิบัติการตามหาผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม
ชาวไซปรัสเชื้อสายตุรกี 39 คน เป็นเด็กมากกว่า 20 คน และผู้ปกครองบางส่วนจากทางเหนือของไซปรัส เป็นตัวแทนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลทัวร์นาเมนต์หนึ่งในตุรกี และอยู่ระหว่างนอนหลับพักผ่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองอาดิยามานของตุรกี ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว
รัฐบาลท้องถิ่นในบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ได้ประกาศระดมพลระดับชาติ ลงทุนจ้างเครื่องบินเอกชน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้
ในขณะที่หลายสิบประเทศ ในนั้นรวมถึงจีนและสหรัฐฯ สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือ ทางธนาคารโลกเผยว่าจะมอบเงินช่วยเหลือแก่ตุรกี 1,780 ล้านดอลลาร์ เพื่อความพยายามบรรเทาทุกข์และฟื้นฟู
ฟิทช์ เรตติ้ง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระบุว่านอกเหนือจากความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์แล้ว แผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจเกินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ และบางทีอาจทะลุ 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น
(ที่มา : เอเอฟพี)