อีกสองสามวัน 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์สารคดี “แฮร์รีและเมแกน” ของเน็ตฟลิกซ์ก็จะพร้อมให้ท่านผู้ชมเสียเงินไปสตรีมมาดูมาชมกัน ณ วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2022
ของร้อนอย่างนี้ ต้องรีบยั่วน้ำลายท่านผู้ชม ดังนั้น เทรลเลอร์กระตุ้นต่อมอยากจึงถูกส่งออกมายั่วกิเลสด้วยธีมละครชีวิตครอบครัว ภายใต้เทคนิคคลาสสิก คือ ชงประเด็นขึ้นมาให้เจ้าชายแฮร์รีผู้เป็นพระอนุชาตั้งข้อกล่าวลอยๆ เล่นงานพระเชษฐาฟ้าชายวิลเลียมว่า “พวกเขาแฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อป้องป้องพี่ชายผม” เพื่อให้สาธารณชนสงสัยว่า ‘พวกนั้น’ คือใคร และเหนืออื่นใด ปรินซ์วิลเลียมทรงมีความลี้ความลับอันใดที่ ‘พวกนั้น’ ต้องช่วยโกหกปกป้องปกปิด
สื่อสารพัดค่ายทั้งใหญ่และน้อยจึงพากันวิเคราะห์ปริศนาว่า ‘พวกนั้น’ ที่เจ้าชาย Haz หรือก็คือเจ้าชายแฮร์รีเอ่ยถึงนั้น หมายถึงใคร
“พวกนั้นแฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อปกป้องพี่ชายผม แต่พวกเขาไม่เคยเต็มใจจะบอกความจริงเพื่อปกป้องพวกผมเลย” เจ้าชาย Haz ทรงตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาลอยๆ แต่เร้าใจน่าดู ภายในเทรลเลอร์ใหม่ที่เน็ตฟลิกซ์ปล่อยออกมาโฆษณาให้ติดตามชม 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์เรื่อง “แฮร์รีและเมแกน
เทรลเลอร์ดังกล่าวบอกว่า ในครึ่งหลังของซีรีส์นี้ ดัชเชสเมแกนแอนด์ปรินซ์แฮร์รีจะเฉลยว่าทำไมพระองค์จึงทรงลาออกจากการร่วมปฏิบัติพระราชกิจของสำนักพระราชวังอังกฤษ สื่อค่ายยักษ์อย่างบีบีซีนำเสนออย่างนั้น
ด้านดัชเชสเมแกนก็มีข้อกล่าวหาว่า “ดิฉันไม่ได้ถูกโยนให้พวกหมาป่า แต่ดิฉันถูกนำไปป้อนเป็นอาหารแก่พวกหมาป่า” ใครคือฝูงหมาป่า ใครคือผู้กระทำต่อดัชเชส ก็เป็นปริศนาให้ต้องตามไปดูเฉลยในวันพฤหัสบดีนี้ เช่นกัน
โทนของเทรลเลอร์ชิ้นใหม่นับว่าดุดัน เพราะมีการตั้งข้อกล่าวหาฟาดใส่อย่างหนักหน่วง ขณะที่ในครึ่งแรกของซีรีส์ แทบจะไม่มีระเบิดทำลายล้างใดๆ ตลอดจนแทบจะไม่มีการแฉเจาะจงไปที่พระราชนิกูลพระองค์ใด ดั่งที่ท่านผู้ชมคาดหวังกัน
ในการนี้ สื่อทั้งปวงวิเคราะห์ในแนวทางว่า “พวกนั้น” อาจจะหมายถึงพระราชวงศ์ หรืออาจจะหมายถึงสื่อมวลชนก็ได้ เว็บข่าวสกายนิวส์ชี้ว่า ในเทรลเลอร์บนเว็บไซต์ของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นอันเดียวกันกับเทรลเลอร์บนทวิตเตอร์ แต่มีตัวหนังสือเขียนบรรยายใต้ภาพไว้ชัดเจนว่า
“สื่ออังกฤษ” แฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อปกป้องพี่ชายของผม ขณะที่เสียงพูดของเจ้าชายแฮร์รีกล่าวไว้ลอยๆ แค่ว่า “พวกนั้น”
บีบีซีรายงานว่ามีการติดต่อไปยังเน็ตฟลิกซ์เพื่อขอทราบเหตุผลที่มีความแตกต่างในเทรลเลอร์อันเดียวกันแต่นำเสนอไม่เหมือนกัน
พร้อมนี้ เทรลเลอร์เสนอข้อกล่าวหาว่ามีการรณรงค์กลั่นแกล้งเจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ซึ่งทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยมีการฉายภาพเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า
“ตอนนั้นผมพูดว่าเราต้องออกจากที่นี่ได้แล้ว ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเราไม่ได้ก้าวออกมาจากประเทศอังกฤษ” โดยช็อตนี้จะอยู่ในครึ่งหลังของซีรีส์ที่จะมีให้ชมในวันพฤหัสบดี บีบีซีรายงานอย่างนั้น
แล้วดัชเชสเมแกนกล่าวถึงความกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย จากนั้นคลิปเผยให้เห็นว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงบอกว่าพระองค์และพระชายาอยู่บน “เที่ยวบินสู่อิสรภาพ” ซึ่งก็คือการเดินทางออกจากแรงกดดันในประเทศอังกฤษ
นอกจากนั้น ในเทรลเลอร์ยังนำเสนอคริสโตเฟอร์ บูซี ซึ่งตั้งบริษัทเทคโนโลยีเพื่อศึกษาการกลั่นแกล้งกันบนโซเชียลมีเดีย และมีบทพูดของบุรุษรายนี้ว่า “พวกเขาเร่งคัดเลือกคนเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง”
เทรลเลอร์ฉายภาพเจ้าชาย Haz และพระชายามีชีวิตใหม่อันเปี่ยมสุขภายใต้แสงตะวัน โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงพูดว่า “ในการขึ้นหน้าสู่บทใหม่ จำจะต้องเสร็จสิ้นบทแรกให้เรียบร้อยเสียก่อน”
ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังบัคกิงแฮมยังไม่มีความเห็นใดๆ ต่อสารคดีซีรีส์เรื่องนี้ของเน็ตฟลิกซ์ อีกทั้งยังมิได้โต้ตอบกับเทรลเลอร์ใหม่
ชมเทรลเลอร์แสนสนุกสุดเร้าใจที่เน็ตฟลิกซ์ยิงออกมาเมื่อวานนี้ (12 ธันวาคม 2022) เพื่อโฆษณาให้เตรียมชมครึ่งหลังของซีรีส์ “แฮรี่และเมแกน” ในอีกสองสามวันข้างหน้า ณ วันพฤหัสบดี 15 ธันวาคม 2022
‘เมแกน’ หิวเงิน ว้อนต์ชีวิต US & สวามีได้เลื่อนขั้น ผลคือซีรีส์แฉ-หนังสือแฉ-ทอล์กโชว์แฉ The Sun ฟันธง
“ความขัดแย้ง” ที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงมีกับพระราชวงศ์อังกฤษ ปะทุขึ้นและบานปลายเป็นภารกิจการแฉ-ใส่ร้ายพระราชนิกูล มีสาเหตุหลักจากการที่ดัชเชสเมแกนต้องการสร้างข้ออ้างที่จะย้ายถิ่นกลับสู่แวดวงเพื่อนรักเพื่อนเลิฟในฮอลลีวู้ด ต้องการเงินก้อนยักษ์ และต้องการกดดันให้มีการเลื่อนให้เจ้าชายแฮร์รีได้ลำดับรัชทายาทที่สูงขึ้นเสมอกับเจ้าชายวิลเลียมผู้เป็นพระเชษฐา เดอะซัน สื่อค่ายยักษ์แห่งอังกฤษฟันธง
ในอีก 3 เอพพิโซดของซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน” ที่จะปล่อยของให้ได้ดูกัน ณ วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2022 ดัชเชสเมแกนจะเล่าถึงความขัดแย้งภายในกิจการพระราชวงศ์ โดยเดอะซันคาดว่าจะเป็นเรื่องราวความบาดหมางใจที่ทั้งสองจะให้ข้อมูลข้างเดียวเพื่อสร้างความเสียหายแก่เจ้าหญิงเคทกับเจ้าฟ้าชายวิลเลียม
“สี่ดาวเด่นคนดัง” แห่งฟากฟ้าอังกฤษเริ่มมีเหตุแห่งความร้าวฉานบาดหมางและแตกหักเมื่อปี 2019 เมื่อเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนผละออกจากพระราชมูลนิธิ Royal Foundation และทรงตั้งสำนักงานของพระองค์เอง
ที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่เคยมีความสนพระทัยกับเรื่องการจัดสรรจัดการงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายของมูลนิธิ จนกระทั่งพระองค์ทรงมาคบหากับจอมวัตถุนิยม เมแกน มาร์เคิล ซึ่งหมกมุ่นกับ “การเปรียบเทียบคู่ของตน และคู่ของเจ้าชายวิลเลียมกับดัชเชสเคท” เดอะซันรายงานว่าสิ่งนี้เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป
ในที่สุด พระราชวังบัคกิงแฮมทรงอนุมัติให้ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์มีสำนักงานและคณะเจ้าหน้าที่เป็นของตนเอง รวมทั้งให้เลือกผู้ที่จะมาปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร
กระนั้นก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะทำให้ดัชเชสเมแกนรู้สึกพอ เดอะซันรายงานอย่างนั้น และระบุว่าในเวลาต่อมานักแสดงสาวดาวฮอลลีวู้ดก็เริ่มไม่แฮปปี้และตำหนิติเตียนพระตำหนักฟร็อกมอร์ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็ยพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเริ่มร้องขอเข้าไปพักอาศัยในปราสาทวินด์เซอร์
แหล่งข่าวของเดอะซันเล่าว่า “แฮร์รีทรงไม่เคยคิดบ่นหรือกังวลใจกับเรื่องเงินหรือเรื่องสถานภาพภายในพระราชวงศ์ จนกระทั่งมีเมแกน มาร์เคิล เข้ามาเป็นพระชายา
“ทุกเรื่องทุกสิ่งล้วนที่จะลงมาเป็นเรื่องเงิน สำหรับดัชเชสเมแกน
“ดัชเชสไม่สามารถเข้าใจได้กับเรื่องลำดับชั้นในสิทธิแห่งการสืบทอดพระราชบัลลังก์
“ดัชเชสต้องการให้ตนเองและเจ้าชายแฮร์รีได้รับทุกสิ่งทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคททรงได้รับ”
ดัชเชสเมแกนจงใจสร้างข้ออ้างเพื่อทำให้มีเหตุที่จะกลับสู่ชีวิตฮอลลีวู้ด โดยที่กรณีสื่อคุกคามคือไฮไลต์สำคัญ
เรื่องราวใน “แฮร์รีและเมแกน” ฟ้องออกมาจนเห็นชัดว่าแผนใหญ่ที่อยู่ในใจดัชเชสเมแกนเสมอคือ จะเทสหราชอาณาจักรทิ้ง และจะโยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตในสหรัฐฯ โดยน่าจะวางแผนกลับแคลิฟอร์เนียเร็วที่สุดนับจากเสร็จพระราชพิธีเสกสมรส ทอม บาวเออร์ นักข่าวคนดังและนักเขียนเรื่องราวพระราชวงศ์อังกฤษและบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นจำนวนมาก ให้สัมภาษณ์อย่างนั้นแก่เดอะซัน
“ผมไม่คิดว่าสองพระองค์นี้ทรงตั้งพระทัยที่จะปักหลักอยู่ในอังกฤษ และดัชเชสเมแกนกับทีมที่ปรึกษาต่างคิดสร้างหนทางจะตีจากลอนดอนและกลับไปแคลิฟอร์เนีย” ทอม บาวเออร์วิเคราะห์ พร้อมเสริมว่า
การลงนั่งสนทนาและแฉเรื่องราวของพระราชสำนักอังกฤษให้กับโอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเท็จจริงหรือไม่เพียงใด ตลอดจนแฉให้กับข้อตกลงธุรกิจหลายสิบล้านปอนด์ที่ทำกับเน็ตฟลิกซ์และสปอติฟายนั้น “ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนตีจาก”
เหนืออื่นใด ทั้งสองพระองค์ทรงอ้างว่าการถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวจากสื่อมวลชนทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัยในประเทศอังกฤษ และจึงต้องปกป้องครอบครัวด้วยสองมาตรการ คือ การลาออกจากการปฏิบัติพระราชภารกิจของพระราชสำนัก เพื่อจะไม่รับงบค่าใช้จ่ายจากเงินภาษี ดังนั้น สื่อมวลชนก็จะหมดข้ออ้างที่จะละลาบละล้วงขุดเจาะข้อมูลและภาพนำไปทำข่าวที่รบกวนพระทัย พร้อมกันนั้นก็ทำการโยกย้ายออกจากอังกฤษ ไปอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ให้ปลอดภัยจากสื่อมวลชน
แต่ทอม บาวเออร์ มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น โดยเล่าว่า
“ขณะอยู่ในลอนดอน ทั้งสองเสด็จไปโรงละคร ทรงเดินเล่นในสวนสวยของพระราชวังเคนซิงตัน ทรงไปช็อปปิ้งและเสวยตามภัตตาคารทั่วไป ไม่มีใครเข้าไปรบกวนรังควาญพระองค์ สองพระองค์ทรงบอกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยพวกช่างภาพแอบถ่าย แต่ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงชีวิตของพระองค์
“ดัชเชสเมแกนอ้างว่าความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รีในช่วงต้นกลายเป็นข่าวเพราะสื่อแท็บลอยด์เข้าไปล่วงละเมิด แต่กระนั้นก็ตาม ดัชเชสและเจ้าชายก็ไปเตร็ดเตร่ที่โซโหเฮาส์ ด้วยความตั้งใจจะให้ผู้คนทราบว่าทรงคบหาดูใจกันอยู่ เพราะตอนนั้นทรงเตรียมจะหมั้นหมายกันแล้ว” ทอม บาวเออร์ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซัน
ทอม บาวเออร์วิจารณ์ถึงด้านของพระโอรสและพระธิดาด้วย โดยชี้ว่าสองพระองค์ทรงอ้างไว้ในสารคดีซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน” ว่าทรงไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของพระหน่อนาถได้ และจึงส่งผลให้ต้องตัดสินพระทัยโยกย้ายออกจากอังกฤษ
“ทั้งสองทรงร้องทุกข์ว่าทรงไม่ต้องการให้พระหน่อนาถปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน แต่กระนั้น ก็มีการนำภาพของคุณอาร์ชีขึ้นไปอวดแก่สาธารณชนไม่ได้หยุดหย่อน รวมทั้งภาพมากมายในซีรีส์”
ราชนิกูลอังกฤษจะไม่ได้รับค่าตัวจากสื่อ แต่ดัชเชสเมแกนไม่ยอมเข้าใจในเรื่องนี้เลย
“ทั้งสองพระองค์ทรงเฝ้าแต่ตัดพ้อชีวิตว่าถูกสื่อมวลชนรุกรานความเป็นส่วนพระองค์ กระนั้นก็ตาม ทั้งสองก็ทรงหมั่นที่จะเปิดตัวเพื่อให้ได้เป็นข่าวตลอดเวลา” ทอม บาวเออร์ นักข่าวคนดังและนักเขียนเรื่องราวพระราชวงศ์อังกฤษและบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นจำนวนมาก ให้สัมภาษณ์อย่างนั้นแก่เดอะซัน พร้อมกับบอกด้วยว่า
“ทั้งสองทรงคอยแต่จะตำหนิติเตียนสื่อมวลชน แต่ก็เป็นสื่อมวลชนที่พระองค์ตำหนิติเตียนนี่แหละที่พระองค์คู่นี้วิ่งเข้าไปใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะสื่อในสายทอล์กโชว์อย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ และบรรดาสื่อสายแมกาซีนทั้งหลาย แล้วตอนนี้ก็เป็นเน็ตฟลิกซ์
“ผมคิดว่านี่เป็นไปเพื่อเงินน่ะครับ ประเด็นทั้งหมดทั้งปวงคือ สองพระองค์คิดว่าทรงควรจะได้รับค่าตอบแทนจากสื่อที่มารายงานข่าวของพระองค์ พระองค์ต้องการเงินสำหรับที่ทรงปรากฏตัวและเงินค่าให้สัมภาษณ์
“ดัชเชสต้องการกำรี้กำไรจากการเป็นเซเลบ แบบที่ดัชเชสถูกเลี้ยงดูขึ้นมา ดัชเชสไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเซเลบที่เป็นพระราชนิกูลอังกฤษจะไม่ได้รับค่าตัว
“ทั้งสองพระองค์รู้สึกว่าทรงควรจะมีรายได้จากสถานภาพเซเลบ และก่อนที่จะลาออกจากพระราชกิจแห่งสำนักพระราชวังทรงไม่เคยได้ค่าตัว” ทอม บาวเออร์ เสนอการวิเคราะห์ไว้กับเดอะซัน
ทั้งนี้ ทอม บาวเออร์ เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการพระราชสำนักอังกฤษระดับแถวหน้าของสหราชอาณาจักร โดยตลอดที่ผ่านมา ได้ทำการศึกษาเจาะลึกชีวิตของดัชเชสเมแกน พร้อมกับเขียนเป็นหนังสือขายดี ได้แก่ Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors (ศึกแก้แค้น: เมแกน แฮร์รี และสงครามระหว่างราชนิกูลวินเซอร์ส)
นอกจากนั้น การที่ดัชเชสเมแกนไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแห่งพระราชสำนักอังกฤษ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นคับข้องใจของดัชเชสคนดัง ผู้ซึ่งมักจะตีความเข้าข้างตนเองว่าสมาชิกสตรีทุกท่านแห่งพระราชวงศ์อังกฤษนั้น เป็นเจ้าหญิง ดัชเชสเมแกนจึงให้ข้อมูลไม่ถูกต้องแก่สื่ออเมริกันบ่อยครั้งว่า เธอเป็น “เจ้าหญิงอเมริกัน”
ทั้งนี้ ในเอพพิโซดที่ 3 ของซีรีสารคดี “แฮร์รีแอนด์เมแกน” ดัชเชสบอกท่านผู้ชมว่า ตอนที่เสกสมรสเข้ามาในพระราชตระกูลอังกฤษ นั้น เคยคิดว่าชีวิตจะเป็นแบบภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง The Princess Diaries (ภาพยนตร์น่ารักปี 2001 นำแสดงโดยแอนน์ แฮททาเวย์ ซึ่งทำรายได้ล้นหลามทะลุเป้าหมายของดิสนีย์ คือ 165 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก)
ไม่ปังใน US: ‘แฮร์รีและเมแกน’ ซีรีส์แห่งปีของเน็ตฟลิกซ์ มียอดรับชมไม่มาก หลุดเป้าสุดๆ แถมถูกวิจารณ์เละสนิท
ในประเทศอังกฤษ เอพพิโซดแรกของสารคดีซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน” มียอดผู้เข้าชมทางโทรทัศน์อยู่ที่ 2.4 ล้าน (ตัวเลขของกรรมการวิจัยผู้รับชมผ่านการออกอากาศ หรือ BARB) ซึ่งถือว่าหรูมาก คือสูงกว่าสองเท่าของยอดที่ซีรีส์ละคร The Crown ทำได้ ณ เอพพิโซดแรก ที่ 1.1 ล้าน เดอะซันรายงาน
แต่ยอดสวยๆ นั้นกลับลดวูบลงในเอพพิโซดที่ 2 โดยตัวเลขผู้ชมอยู่ที่ 1.5 ล้าน ยิ่งมาถึงเอพพิโซดที่ 3 ตัวเลขดิ่งเหลือ 1 ใน 3 คือ 800,000 วิวเท่านั้น
ส่วนสำหรับผลประกอบการของ “แฮร์รีและเมแกน” ในตลาดสหรัฐอเมริกายิ่งแย่หนักกว่า
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีประชากร 332 ล้านราย หรือประมาณห้าเท่าตัวของประชากรอังกฤษซึ่งอยู่ที่ 67 ล้านรายนั้น แต่กลับมียอดผู้ชมไม่ถึง 1 ล้าน ณ วันแรกของการเปิดตัวซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน”
ยิ่งกว่านั้น คำวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านพระราชวงศ์และด้านธุรกิจทีวีประสานเสียงว่า เป็นโชว์ที่ “น่าผิดหวัง” เดอะซันรายงาน
ทั้งนี้ วี่แววของภาวะอับจนข้อมูลแฉที่เด็ดดวง ปรากฏให้สังเกตได้ตลอดทั้งปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเดินทางเข้าอังกฤษเพื่อร่วมพระราชพิธีฉลองการครองราชย์ครบรอบ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ของดีติดมือกลับสหรัฐฯ ไม่ว่าจะภาพถ่ายกับควีนผู้เป็นพระอัยยิกาเจ้า หรือกับมกุฎราชกุมารชาร์ลส์ผู้เป็นพระบิดา และไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สนทนากับพระเชษฐาวิลเลียม ซึ่งทรงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาว่าสิ่งที่ทรงสนทนากันลำพังสองต่อสองกับพระอนุชา จะไปปรากฏในภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์ หรือไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือบันทึกความทรงจำของพระอนุชา
นักวิจารณ์มากมายฟันธง เจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน “ปล่อยของ” ดีที่สุดเทให้แก่ทอล์กโชว์ของ โอปราห์ วินฟรีย์ ไปหมดสิ้นแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 เดอะซันให้ข้อมูลอย่างนั้น
หนำซ้ำ เสียงวิจารณ์บางค่ายประเมินว่าข้อมูลดีและมุขเด็ดถูกเจ้าชายแฮร์รีเก็บไปปล่อยของในหนังสือบันทึกความทรงจำ เรื่อง Spare / ตัวสำรอง ที่มีกำหนดวางแผงในเดือนมกราคม ศกหน้า
แครอล มิดกลีย์ นักวิจารณ์ขวัญใจประชาชนจากสื่อค่ายเดอะไทมส์ให้ความเห็นอย่างเชือดเฉือนเนื้อหัวใจว่า
“หากดิฉันเป็นเน็ตฟลิกซ์ ดิฉันต้องการเงินที่ลงทุนไป กลับคืนมาค่ะ เพราะไม่มีอะไรเป็นระเบิดถล่มทลายดั่งที่สัญญาไว้ หรือกระทั่งจะเปิดความลับใหม่ๆ ก็ไม่มี”
ด้านเดอะซันออนซันเดย์ได้ข้อมูลมาว่า เน็ตฟลิกซ์ไม่มีแผนจะเซ็นสัญญาข้อตกลงต่อเนื่องกับเจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ในอันที่จะผลิตโครงการทีวีใดๆ มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อันได้แก่ ซีรีส์สารคดีชุดนี้ กับรายการอินวิกตัส เกมส์ ของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งถ่ายทำไปบ้างแล้วและตั้งชื่อรอไว้แล้วว่า Heart of Invictus หรือ ดวงใจแห่งอินวิกตัส ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาสำหรับทหารผ่านศึกผู้แข็งแกร่งและกล้าหาญ ผู้ที่สูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกายเนื่องจากการปฏิบัติงานรับใช้ประเทศ
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา รายการโชว์สำหรับเด็กที่ดัชเชสเมแกนดำริขึ้นนั้น ถูกระงับไปตั้งแต่เมื่อต้นปี
ยิ่งกว่านั้นท่านผู้ชมเยอะเลยมีดวงตาแหลมคมและทักท้วงเนื้อหาของซีรีส์ว่า ไม่มีสิ่งใดๆ ออกจากสองเรียวปากของหนุ่มเทรเวอร์ แองเกลซัน อดีตสามีดัชเชสเมแกน ใน 3 เอพพิโซดแรกเลย
เมแกน มาร์เคิล จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับผู้ผลิตภาพยนตร์วัย 43 ปีนายนี้ ตั้งแต่ปี 2011-2014 หลังจากเริ่มคบหาดูใจกันเมื่อปี 2004
หนุ่มแองเกลซันซึ่งเป็นชาวนิวยอร์กโดยกำเนิด ไม่เคยปริปากถึงความสัมพันธ์ที่มีกับเมแกน มาร์เคิล หรือกระทั่งชีวิตสมรสกับอดีตภรรยารายนี้แม้แต่สักครา ทั้งสองหย่าร้างกันด้วยเหตุผลว่ามีความแตกต่างที่มิอาจสมานฉันท์ได้
แอนดรูว์ มอร์ตัน นักเขียนชีวประวัติพระราชนิกูลอังกฤษเล่มซูเปอร์เบสต์เซลเลอร์อย่างชีวประวัติของเจ้าหญิงไดอานา ได้ลงมือเขียนเรื่องราวของดัชเชสเมแกน เรื่องว่า Meghan: A Hollywood Princess และเล่าไว้ว่า เมแกน นักแสดงสาวซึ่งต่อสู้อย่างทรหดเพื่อให้สามารถแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ได้นำแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานส่งไปรษณีย์คืนให้แก่เทรเวอร์ เมื่ออาชีพนักแสดงของเธอเริ่มเฟื่องฟูและทะยานสู่ความสำเร็จ
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ เน็ตฟลิกซ์ เอพี รอยเตอร์ หนังสือเรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors)