ศึกตระกูลวินด์เซอร์ทวีความเข้มข้นซี้ดซ้าดไม่หยุด
เน็ตฟลิกซ์ ประกาศแล้วว่าซีรีส์สารคดีรักฟอร์มใหญ่ยักษ์ เรื่อง “แฮร์รี-เมแกน” จะเปิดให้ชาวโลกจ่ายเงินไปสตรีมมิ่งดูตอนแรกในวันที่ 8 ธันวาคม 2022 แน่นอน พร้อมกับยิงคลิปเทรลเลอร์โปรโมทหนังกันอย่างอภิมหากระหึ่มมาตรฐานขั้นสุดของเทคนิคฮอลลีวู้ดเมื่อวานนี้ (5 ธันวาคม) โดยเทรลเลอร์นี้เป็นช็อตที่สอง หลังจากกระหน่ำยิงทีเซอร์แรกออกมาด้วยลีลาการตัดต่อภาพฉูดฉาดเร้าใจสุดๆ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2022 หรือก็คือหนึ่งวันก่อนวันงานพิธีมอบรางวัลเอิร์ธช็อต ไพรส์ (2 ธันวาคม) ของเจ้าฟ้าชายวิลเลียมในบอสตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งนักวิเคราะห์ฟันธงว่าเป็นแผนการตลาดที่เล่นแรงมากนะ กะจะแซงหน้าบดบังคุณค่าของกิจกรรมเอิร์ธช็อต ไพรส์ให้จมดินกันเลยทีเดียว
ด้านพระราชตระกูลแห่งอังกฤษแสดงท่าทีเฉยๆ กับการเปิดตัวของซีรีส์แฉพระราชวงศ์ซึ่งมีแต่ประเด็นเดิมๆ ของพระราชบุตรแฮร์รี แบบว่าจัดชั้นเป็นเกมเก่าวนมาอีกรอบ
แต่ทว่า สื่อมวลชนและผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ลงมือดิสเครดิตเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาแบบรัวๆ ด้วยข่าวด้านดาร์กของเจ้าชายแฮร์รี เช่น การที่ทรงให้สัมภาษณ์รายการดังคับโลก “โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์” ด้วยความตั้งใจจะแก้แค้นพระราชตระกูล ข่าวนี้ถูกสื่อหัวสีค่ายใหญ่ยักษ์ทั้งปวงขยี้กันอย่างสนุก จรดไปจนถึงการชำแหละโฆษณาซีรีส์อันตราย ว่ามีการโฆษณาเกินจริงและโกหกท่านผู้ชมอย่างเหลือเชื่อ ด้วยการนำคลิปเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับสารคดีรัก แฮร์รี-เมแกน มาสอดไส้เพื่อให้ท่านผู้ชมเชื่อว่าดัชเชสเมแกนทรงถูกปาปารัสซีคุกคามตามถ่ายภาพ
ความเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนเป็นไปประหนึ่งการสวนหมัดกับการโฆษณาใหญ่โตของซีรีส์แห่งเน็ตฟลิกซ์ ราวกับจะมุ่งส่งผลให้เจ้าชายแฮร์รีต้องไปทำสงครามกับสาธารณชน ในฐานะ “ผู้ทรยศ” ที่บ่อนทำลายเกียรติภูมิของสถาบันกษัตริย์และเกียรติภูมิของประเทศอังกฤษ แลกกับการได้มาซึ่งดอลลาร์ก้อนหนึ่งจากบริษัทธุรกิจอเมริกันเพราะเจ้านายแห่งซัสเซกซ์ก็ทรงมีความต้องการเงินก้อนโตมิได้หยุดหย่อน
ปรินซ์แฮร์รีจงใจแก้แค้นพระราชวงศ์อังกฤษ ลั่นวาจาอาฆาตไว้ก่อนไปให้สัมภาษณ์ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์
เดอะซัน สื่อขาใหญ่รายงานว่าปรินซ์แฮร์รีได้กล่าวอวดโอ่ไว้กับพระสหายคนสนิท ก่อนไปนั่งประทานสัมภาษณ์แก่โอปราห์ วินด์ฟรีย์ โดยทรงกล่าวว่าพระราชตระกูลจะต้องช็อกหนักเมื่อได้ดูคลิปสัมภาษณ์นี้ พร้อมกับทรงพูดอาฆาตด้วยว่า
“คนอังกฤษพวกนั้นต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง”
เดอะซันรายงานว่าปรินซ์ทรงกล่าวอย่างนั้น และระบุว่าได้รับข้อมูลจากระดับผู้ใหญ่ในพระราชสำนักเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2022
ทั้งนี้ เดอะซันตั้งข้อสังเกตด้วยว่าข้อมูลอื้อฉาวดังกล่าว มาในช่วงเพียงไม่กี่วันก่อนที่ซีรีส์สารคดีชีวิตรักเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนจะเปิดให้ท่านผู้ชมทั่วโลกจ่ายเงินให้ เน็ตฟลิกซ์ เพื่อเข้าไปสตรีมมิ่งดูจนจบครบทั้ง 6 ตอน
สำหรับในด็อกคิวซีรีส์นี้ จะมีประเด็นอย่างน้อย 3 เรื่องร้อนที่จะบ่อนทำลายพระเกียรติภูมิของสถาบันกษัตริย์อังกฤษ กล่าวคือ พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรจะทรงเล่าถึงสมัยที่เข้ารับการบำบัดจิตใจเนื่องจากการสูญเสียพระมารดา และการที่พระราชบิดาทรงมีสัมพันธ์ลับกับนางคามิลลา พาร์กเกอร์-โบลส์ (พระนามในขณะนั้นของควีนคามิลลา)
แหล่งข่าวระดับผู้ใหญ่ของเดอะซันหลายรายบอกว่า คำกล่าวของเจ้าชายแฮร์รีที่มีขึ้นก่อนที่จะเสด็จไปให้สัมภาษณ์แก่รายการโทรทัศน์ของ โอปราห์ วินฟรีย์ เดือนมีนาคม 2021 ว่า “คนอังกฤษพวกนั้นต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง” นั้น เปิดให้เห็นชัดเจนถึงความรู้สึกเป็นปรปักษ์ที่พระองค์ทรงมีต่อครอบครัวของพระองค์เอง
ปรินซ์แฮร์รีทรงทรยศต่อกษัตริย์และประเทศชาติ แลกกับเงินเน็ตฟลิกซ์หยิบมือเดียว: กูรูฟันธง
ในการประทานสัมภาษณ์ครั้งอื้อฉาวให้แก่โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ นั้น ปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกนกล่าวหาว่าพระราชวงศ์เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ ตลอดจนอ้างว่าพระราชวงศ์ไม่ใยดีกับความทุกข์ของพระชายาเมแกนที่รุนแรงขนาดที่คิดจะฆ่าตัวตาย นั้น ระเบิดที่ทรงขว้างใส่พระราชตระกูลนับว่ารุนแรงอย่างยิ่ง แต่สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษยังคงแข็งแกร่ง สิ่งที่ได้รับความเสียหายคือบรรยากาศที่ปรินซ์และดัชเชสมีอยู่กับพระราชวงศ์
บรรยากาศตึงเครียดไต่ระดับขึ้นมาอย่างไม่มีสิ้นสุด ยิ่งกว่านั้นบรรยากาศจะย่อยยับชนิดที่ว่าทั้งสองพระองค์ไม่ต้องคิดกลับไปยังพระตำหนักฟร็อกมอร์ในเขตพระราชฐานวินด์เซอร์อีกเลยเมื่อมีการฉายซีรีส์ของทั้งสองพระองค์ทางช่อง เน็ตฟลิกซ์ ซึ่งกล่าวกันว่าจะตั้งชื่อเรื่องว่า “แฮร์รีและเมแกน” โดยจะประเดิมฉายกันในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2022 แล้วยังจะมีการสมทบด้วยหนังสือแฉพระราชวงศ์ ซึ่งประกาศชื่อไว้แล้วว่า “Spare” และกำหนดวันวางแผงไว้ในเดือนหน้า มกราคม 2023
ข้อมูลที่แพลมออกมาแล้วระบุว่า ด็อกคิวซีรีส์เรื่องนี้สร้างรายได้แก่พระราชโอรสและพระสุณิสาของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ เป็นจำนวนเงิน 110 ล้านปอนด์ ซึ่ง เน็ตฟลิกซ์ บริษัทสตรีมมิ่งไซส์ยักษ์ของโลก พอใจกับการเดินเรื่องด้วยสร้างข้อกล่าวหาใหม่ๆ ภายใต้ธีมเดิมคือ การเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ
แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกเดอะซันว่า “คำพูดหลายๆ ตอนของเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนนั้น ดุเดือดร้ายกาจอย่างยิ่ง
“เมื่อออกอากาศขึ้นมา ซีรีส์นี้ระเบิดระเบ้อขั้นสุดแน่นอน ประเด็นเหยียดผิวจะถูกถกแบบถลกเปลือกกันเลยทีเดียว – แถมด้วยประเด็นราชนิกูลบางพระองค์ทรงคัดค้านการแต่งงาน บอกได้เลยว่าโครงการทีวีทั้งหมดนี้มีดัชเชสเมแกนเป็นผู้ขับเคลื่อนโดยแท้
“ท้องเรื่องจะเดินในแนวว่าเจ้าชายแฮร์รีถูกบีบให้ต้องหลุดออกจากพระราชตระกูลอันเป็นครอบครัวซึ่งทำให้พระองค์รู้สึกถูกทอดทิ้งและถูกมองข้าม; เรื่องสุขภาพจิตของดัชเชสเมแกนก็เป็นประเด็นเด่น คู่กันกับการถกลึกถึงสาเหตุที่เจ้าชายแฮร์รีต้องรับการบำบัดเพราะสูญเสียพระมารดาและเพราะพระบิดามีความสัมพันธ์กับนางคามิลลา” แหล่งข่าวของเดอะซันให้ข้อมูลไว้อย่างนั้น
เมื่อซีรีส์พร้อมให้ชาวโลกได้รับดูรับชมในวันพฤหัสบดีนี้ ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าโลกทั้งผองจะได้เห็นเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนเชือดเฉือนพระเกียรติภูมิแห่งพระราชวงศ์อังกฤษอย่างเมามันด้วยข้อมูลที่ตีความตามใจตัวและผ่านสายตาสวมแว่นดำของพระองค์
ด้านทอม บาวเออร์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติชำแหละดัชเชสเมแกน เรื่อง Revenge: Meghan, Harry, and the War Between the Windsors ได้เขียนไว้บนเว็บข่าวของเดอะซันชิ้นหนึ่งว่า การเล่าเรื่องผ่านซีรีส์ของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ จะสร้างความมัวหมองต่อพระเกียรติภูมิของพระราชวงศ์อังกฤษและของประเทศชาติ ขณะที่ดยุกและดัชเชสได้อิ่มเอมกับเงินทองก้อนโต
พร้อมนี้ ทอม บาวเออร์ทำนายว่าพิษร้ายที่เจ้านายแห่งซัสเซกซ์จะพ่นออกไปทั่วโลก มิได้ทำลายเฉพาะพระราชตระกูล หากยังทำลายเกียรติยศและชื่อเสียงของประเทศอังกฤษด้วย
และนั่นจะทำให้ทั้งสองกลายเป็นปรปักษ์กับสาธารณชนแห่งเมืองผู้ดีโดยรวม
ปรินซ์น่าจะเรียกร้องเงินจากเสด็จพ่อเกินเหตุ จึงเกิดวิกฤติงดรับรับโทรศัพท์ ตามด้วยคำเฉลยว่า “ผมไม่ใช่ธนาคาร”
หนึ่งในข้อกล่าวหาที่เจ้าชายแฮร์รีทรงปล่อยผ่านรายการสัมภาษณ์ของโอปราห์ วินฟรีย์ โดยหมายใจที่จะให้บทเรียนอย่างสาสมแก่พระราชตระกูล คือ ทรงบอกว่ารู้สึกผิดหวังในตัวพระบิดาอย่างเหลือเกิน เพราะตลอดหนึ่งปีกว่านับจากกรณี Megxit ปี 2020 ซึ่งพระองค์และพระชายาลาออกจากพระราชสำนักและย้ายไปประทับในสหรัฐฯ นั้น เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงปฏิเสธไม่รับสายเมื่อปรินซ์ทรงโทรศัพท์ไปหา
ประเด็นนี้กลับมาเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ในระยะนี้ ซึ่งน่าจะเป็นข้าราชบริพารที่ได้ยินสิ่งที่เจ้านายสนทนากัน และพิจารณาว่าสาธารณชนควรได้ทราบ “เรื่องส่วนตัว” ที่เจ้านายทรงไม่ปรารถนาจะให้นำไปลือกันเสียๆ หายๆ
แหล่งข่าววงในพระราชวงศ์เปิดเผยว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงระดมกดโทรศัพท์หาพระอัยยิกาเจ้าตลอดสองสามเดือนสุดท้ายก่อนการสวรรคต เดลิเมลออนไลน์รายงาน
“สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีความสุขที่จะได้คุยโทรศัพท์กับเจ้าชายแฮร์รี พระราชนัดดาของพระองค์ แต่เมื่อเจ้าชายเอ่ยปากขอเงิน พระองค์ทรงตรัสว่า ทำไมหนูไม่บอกกับคุณพ่อล่ะ
“เจ้าชายแฮร์รีทรงกราบทูลว่าเสด็จพ่อทรงไม่รับโทรศัพท์ของผมแล้วครับ”
ในการนี้ แหล่งข่าวอธิบายว่าควีนทรงไม่สะดวกและไม่เต็มใจที่จะรับมือกับคำร้องขอจากเจ้าชายแฮร์รี แหล่งข่าวให้ข้อมูลอย่างนั้นแก่เดอะซัน และเนื่องจากควีนทรงมีเวลาส่วนพระองค์มากขึ้นหลังจากที่คณะแพทย์กราบทูลให้ทรงลดการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ พระองค์จึงจะทรงคอยช่วยส่งเสริมความสมานฉันท์ ดังนั้น ในคราวหนึ่งที่มีจังหวะสนทนากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระองค์ทรงตรัสถามสาเหตุแห่งการไม่รับสายโทรศัพท์ที่ปรินซ์แฮร์รีติดต่อมา
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงกราบทูลพระราชมารดาว่า “เป็นเพราะผมไม่ใช่ธนาคารครับ”
หรือก็คือการบอกว่าพระโอรสโทรศัพท์มาคราใดก็เป็นไปแต่ด้วยเรื่องเรียกร้องเงินทองซึ่งอาจจะเกินเลยความเหมาะสมในเชิงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งพระบิดาเป็นบุคลสำคัญที่ต้องรับมือปัญหาอันอ่อนไหวเหล่านี้ด้วยวินัยและความรอบคอบ
ทั้งนี้ ภายในปี 2022 สื่อผู้เชี่ยวชาญการพระราชวังเคยเสนอข่าวว่า คำกล่าวของเจ้าชายแฮร์รีที่ทรงบอกว่าทรงถูกตัดความช่วยเหลือทางการเงินจากเสด็จพ่อนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะตลอดปีที่ทรงโยกย้ายออกจากอังกฤษ พระบิดาทรงช่วยเหลือสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้พระองค์ เฉกเช่นที่เคยเป็นมาในห้วงที่พระองค์ประทับอยู่ในอังกฤษ แม้แต่ค่าใช้จ่ายด้านทีมอารักขาความปลอดภัยก็ได้รับจากพระบิดา
ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับฐานะการเงินของเจ้าชายแฮร์รี มีอยู่ว่า “ปรินซ์แฮร์รีไม่ได้มีความคล่องตัวด้านเงินทองดั่งที่ผู้คนมักจะคิดกัน พระองค์ทรงต้องการเงินก้อนโต”
เดลิเมลออนไลน์รายงานไว้อย่างนั้น ซึ่งสิ่งนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอยากให้สาธารณชนทราบ
เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์คือหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ที่จะถูกบอมบ์ในซีรีส์สุดแซ่บของ เน็ตฟลิกซ์
การวิเคราะห์เจาะลึกโดยแหล่งข่าวหลายรายของเดอะซันฟันธงตรงกันว่าการปล่อยคลิปทีเซอร์โฆษณาซีรีส์แห่งปีเรื่อง “แฮร์รี-เมแกน” ออกมาในวันพฤหัสบดีที่แล้ว มิใช่แค่เรื่องของแผนการตลาด เพราะแท้ที่จริงนั้น มีความประสงค์ร้ายอยู่เบื้องหลังโดยตั้งอกตั้งใจจะบ่อนทำลายเจ้าฟ้าชายวิลเลียม-เจ้าหญิงเคทกับพระกรณียกิจ ณ นครบอสตัน สหรัฐฯ ที่ทรงมุ่งส่งเสริมการดำเนินงานกอบกู้สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม
พระเชษฐาและพระอนุชาคู่นี้ทรงบาดหมางกันหนักหนา แทบจะไม่พูดจากันอีกเลย นับแต่ที่เจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนปล่อยข้อมูลเล่นงานพระราชตระกูลแบบออกอากาศออนแอร์ไปทั่วโลกชนิดที่ว่าเทหมดกระเป๋า ในรายการโอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ทั้งนี้ ในห้วงเวลานั้น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงปฏิเสธคำกล่าวอ้างต่างๆ ของพระราชนัดดา โดยทรงตรัสว่า “ความทรงจำอาจจะผิดเพี้ยนแตกต่างกันได้” เดอะซันรายงานอย่างนั้น
ในห้วงดังกล่าว ได้มีความพยายามที่ดำเนินการกันแบบเงียบๆ โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม ในอันที่จะฟื้นคืนความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าชายแฮร์รีซึ่งทรงประทับอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
แต่ทั้งสองพระองค์ก็ต้องประสบกับเรื่องชวนอึ้ง
กล่าวคือ เจ้าชายแฮร์รีทรงปล่อยข่าวเรื่องนี้ไปถึงหูของ เกล คิง นักข่าวสาวคนดังของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ซึ่งมีความสนิทสนมกับดัชเชสเมแกน แต่สิ่งนี้เป็นอะไรที่ลูกผู้ชายชาติอังกฤษถือสาอย่างยิ่ง มันคือการละเมิดความไว้วางใจในกันและกันอย่างรุนแรง เดอะซันเล่าไว้
ยิ่งเมื่อสำนักพิมพ์เพนกวินประกาศข้อตกลงจัดพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเจ้าชายทรงให้ข่าวเป็นนัยถึงการแฉระลอกใหญ่ละม้ายเมื่อคราวการประทานสัมภาษณ์แก่โอปราห์ วินฟรีย์ ดังนั้น แหล่งข่าววงในเล่าว่า พระราชนิกูลทั้งหลาย รวมถึงเจ้าชายวิลเลียม จึงทรงหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเจ้าชายแฮร์รี ด้วยหวั่นว่าสิ่งที่พูดออกไปจะลงเอยด้วยการถูกตีพิมพ์อยู่ในหนังสือเล่มอันตรายนี้ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ด้วยเหตุนี้ เรื่องการปรองดองสมานฉันท์จึงต้องแผ่วๆ ไว้ก่อน
ในด้านของเจ้าหญิงเคทก็น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะถูกรังแกเพียงใดในซีรีส์สุดแซ่บซึ่งกล่าวกันว่าดัชเชสเมแกนเป็นตัวจริงที่คุมโปรเจ็กต์นี้
ณ วินาทีที่ 23 ของคลิปทีเซอร์หนึ่งนาทีที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2022 มีเสียงของปรินซ์แฮร์รีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่มีใครได้เห็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นหลังประตูที่ถูกปิด” แล้วตามด้วยภาพขาวดำของพระชายาเมแกนนั่งบนเก้าอี้นวม มือปิดหน้า ท่าทางว่ากำลังร่ำไห้
แล้วทีเด็ดก็คือ..
ภาพถูกตัดฉับจากฉากดัชเชสเมแกนร่ำไห้ ไปสู่ภาพซึ่งมีดัชเชสเคทกับเจ้าชายวิลเลียมเป็นศูนย์กลางของภาพ โดยทั้งสองพระองค์มีสีหน้าเคร่งขรึม (เพราะอยู่ในพิธีมิสซาคอมมอนเวลธ์ ปี 2019) ขณะที่ดัชเชสเมแกนกับเจ้าชายแฮร์รีทรงประทับนั่งอยู่ด้านหลัง
นัยของการเดินภาพเยี่ยงนี้ชัดเจนว่าเป็นการเชื่อมโยงการร้องไห้ของดัชเชสเมแกนไว้กับดัชเชสเคทและเจ้าชายวิลเลียมนั่นเอง
เดลิเมลออนไลน์ได้ทำการขมวดปมไว้ให้ด้วยการรายงานคำกล่าวของแหล่งข่าวพระราชวงศ์ซึ่งชี้ว่าภาพนี้มองเห็นได้ถึงการประกาศสงครามโดยดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
กลยุทธ์เยี่ยงนี้น่าจะส่งผลให้ประชาชนในอังกฤษเสียความรู้สึกต่อทั้งสองพระองค์นี้หนักหนากว่าที่เคยเป็นมา ความรุนแรงที่กำลังจะเปิดเผยให้เห็นกันชัดๆ อาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นของการคว่ำบาตรเป็นระลอกใหญ่หรือไม่ ต้องจับตาดูกัน
เดลิเมลออนไลน์ฟันธงว่า เจ้าหญิงเคททรงตกเป็นเป้าหมายที่ซีรีส์ของเน็ตฟลิกซ์จะถล่มอย่างแน่นอน แต่เจ้าหญิงเคทไม่ควรจะต้องถูกสองพระองค์แห่งซัสเซกซ์เล่นงานเลย ปีแล้วปีเล่าที่เจ้าหญิงทรงเกื้อกูลสนับสนุนเจ้าชายแฮร์รี แต่มิตรภาพของทั้งสองพระองค์ถูกทำลายหลังจากที่แม่ม่ายหย่าร้างนามเมแกน มาร์เคิล ก้าวเข้าสู่พระราชตระกูล เดลิเมลออนไลน์นำเสนออย่างนั้น
แต่เหนืออื่นใด สื่อมวลชนและผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์มีความเคลื่อนไหวมากมายในการเปิดเนื้อแท้ของเจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลในทางบั่นทอนความน่าเชื่อถือของทั้งสองพระองค์
ดังนั้น ก็ต้องรอดูว่าสองพระองค์นี้มีเบอร์กระดูกแกร่งเพียงไร จะมีจิตแข็งแค่ไหน ในอันที่จะรับกระแสที่แรง ยิงตรง และไม่มีการไว้หน้าให้แก่ “ผู้ทรยศ” ที่ทำลายประเทศอังกฤษเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินไม่กี่ร้อยล้านปอนด์ ที่สามารถจะปลาสนาการหมดสิ้นภายในเวลาหนึ่งปี
จับโกหก เน็ตฟลิกซ์ สอดไส้คลิปที่ไม่เกี่ยวข้องเลย เช่น กองทัพช่างภาพรุมถ่ายรูปทนายฉาวของปธน.ทรัมป์เดินทางไปเข้าคุก
คลิปโฆษณาด็อกคิวซีรีส์เรื่อง “แฮร์รี&เมแกน” นัวไปด้วยความมั่วและการหลอกลวงชวนให้เข้าใจผิด สื่อมวลชนและผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์พากันชำแหละการสอดไส้คลิปและภาพที่ไม่เกี่ยวข้องเลย
ในคลิปทีเซอร์แรกซึ่งออกมาสัปดาห์ที่แล้ว เน็ตฟลิกซ์สอดไส้ใส่รูปกองทัพช่างภาพที่รอบันทึกเหตุการณ์วันเปิดฉายภาพยนตร์แฮร์รี พอตเตอร์ รอบปฐมทัศน์ เพื่อให้ท่านผู้ชมเข้าใจว่าเป็นปาปารัสซีที่ดักถ่ายภาพดัชเชสเมแกน แล้วยังมีอีกภาพหนึ่งที่นัวๆ มั่วๆ พอกันคือ ภาพเก่าปี 2006 ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีไปรับแฟนสาวนาม เชลซี เดวี ณ สนามบิน ซึ่งไม่มีอะไรมาก โดยเจ้าชายแฮร์รียกมือห้าม แต่ในคลิปโฆษณานี้ตัดภาพสาวเชลซีออกไป และดึงภาพให้ใกล้และมัวขึ้นมา ซึ่งทำให้เข้าใจว่าเป็นการบุกเข้าไปล่วงละเมิดถ่ายภาพเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน
แล้วในคลิปเทรลเลอร์ซึ่งออกมาเมื่อวานนี้ (5 ธันวาคม) มีการสอดไส้วิดีโอสั้นที่ว่ากลุ่มช่างภาพกรูเข้าไปยังอาคารคอนกรีต ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นอาคารของศาลเมืองครอว์ลีย์ ซึ่งนางแบบสาวคนดังนามว่าเคที ไพรซ์ เดินทางไปรับทราบคำพิพากษาคดีเมาแล้วขับ ทั้งนี้ ขณะฉายคลิปนี้ ก็มีเสียงของเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า “ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมา” ประมาณว่าประวัติศาสตร์ที่เจ้าหญิงไดอานาจะมาเกิดขึ้นกับพระชายาเมแกนนั่นเอง
ในอีกหนึ่งวิดีโอสั้นที่ถูกสอดไส้เข้าไป เป็นกลุ่มช่างภาพรุมล้อมรถยนต์ ขณะที่ดัชเชสเมแกนพูดพาดพิงไปถึงพระราชสำนักว่า “หม่อมฉันรู้เลยว่าพวกนั้นจะไม่มีวันมาปกป้องพระองค์” ต่อมา ภาพถูกตัดไปเป็นภาพดัชเชสเมแกนปาดน้ำตา
แต่ในความเป็นจริง วิดีโอสั้นนั้นมิใช่เหตุการณ์ที่สองพระองค์แห่งซัสเซกซ์ถูกช่างภาพรุมล้อมรถ หากแต่เป็นคลิปที่ทนายความส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางจากอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวในปี 2019 เพื่อไปรับโทษจำคุกในความผิดเรื่องอาชญากรรมทางการเงิน เหตุการณ์ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
นอกจากนั้น ยังมีการโกหกบิดเบือนกันดื้อๆ อีกจุดหนึ่งในเทรลเลอร์นี้ โดยการใส่ภาพถ่ายจากมุมสูงให้เห็นเสมือนการแอบถ่ายเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนขณะทรงอุ้มพระโอรส ซึ่งภาพนี้ติดตามด้วยคลิปที่ทนายของทั้งสองพระองค์กล่าวถึง “สงครามเล่นงานเมแกน” ซึ่งมีสื่อมวลชนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
มุขนี้ถูกชำแหละการโกหกหลอกลวงโดย โรเบิร์ต จอบสัน นักข่าวสายข่าวในพระราชสำนักออกมายืนยันว่าภาพดังกล่าวบันทึกไว้อย่างถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติของพระราชสำนัก โดยเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์เยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ
และช่างภาพรายนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปบันทึกบรรยากาศโดยที่ทั้งสองพระองค์ทรงรับทราบและอนุญาตมุมกล้องสวยๆ นี้เป็นที่เรียบร้อย เดลิเมลออนไลน์นำเสนอไว้
การจับโกหกในโฆษณาซีรีส์ ซึ่งมีดัชเชสเมแกนเป็นผู้กำกับควบคุมการผลิตทั้งหมด ส่งผลเป็นการตอกย้ำถึงความไม่น่าเชื่อถือของสิ่งที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเล่าไว้ในภาพยนตร์ซึ่งเน้นการโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษ นอกจากนั้น ผลกระทบที่สืบเนื่องไปอีกคือ การสร้างความโกรธเคืองในหมู่ประชาชนเมืองผู้ดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดรายได้สำหรับบริษัทเน็ตฟลิกซ์
ไม่ทราบว่าจริงเพียงใด ปีหน้า 2023 ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์วางพล็อตงานให้เป็นปีแห่งสมานฉันท์ เดอะซันรายงาน
สำหรับปีหน้า 2023 ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์วางพล็อตงานประชาสัมพันธ์ของพระองค์ให้เป็น “ปีแห่งการสมานฉันท์” เดอะซันรายงานอย่างนั้น พร้อมวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ส่อแววว่า การจะผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งปวงนั้น น่าจะห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกิน แต่หากข้อมูลนี้ถูกต้อง ก็คงจะประมาณว่าทั้งสองพระองค์หลุดจากการที่ทรงถูกล็อกไว้ในข้อตกลงธุรกิจแล้ว เคลียร์ออกมาได้แล้ว ขอให้ปี 2022 เป็นอดีตไปนะ เราเริ่มกันใหม่เถอะ
ทว่า การจะทำได้สำเร็จคงเป็นไปไม่ได้ เดอะซันฟันธงว่า หลังจากทั้งสองพระองค์ทรงย่ำยีประเทศอังกฤษด้วยซีรีส์ 6 ตอน กับหนังสือบันทึกความทรงจำแล้ว ทั้งสองได้ก้าวข้ามจุดที่จะทรงไม่สามารถย้อนกลับมาได้
ทั้งนี้ เจ้าหญิงยูเชนี (ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับเจ้าชายแฮร์รี โดยทรงเป็นพระธิดาของเจ้าชายแอนดรูว์ พระอนุชาของคิงชาร์ลส์) ทรงไปเยี่ยมเจ้าชายแฮร์รีที่พระตำหนักในแคลิฟอร์เนียเมื่อไม่นานมานี้ และเจ้าชายทรงขอให้พระองค์ช่วยให้สัมภาษณ์ที่จะนำไปใส่ในหนังสือความทรงจำของพระองค์เรื่อง “Spare” แต่เดอะซันไม่มีข้อมูลว่าเจ้าหญิงยูเชนีทรงโอเคที่จะมีส่วนร่วมในหนังสือร้อนไฟลุกเล่มนี้หรือไม่
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า เจ้าชายแอนดรูว์ พระบิดาของเจ้าหญิงยูเชนี ทรงมากล้นด้วยเรื่องอื้อฉาวคาวอาชญากรรม ซึ่งทำให้สาธารณชนไม่แฮปปี้ขั้นสุด พร้อมกับส่งผลในทางกดดันภาพลักษณ์ของพระราชสำนัก ดังนั้น พระธิดาของเจ้าชายยี้ อย่างเจ้าหญิงยูเชนี ย่อมจะต้องรักษาความโลว์โปรไฟล์ไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหางเลขจากปัญหาของเสด็จพ่อ
ตามข้อมูลของบริษัทยักษ์สตรีมมิ่ง นาม เน็ตฟลิกซ์ เรื่องราวในด็อกคิวซีรีส์จะล้นหลามด้วย “คอมเมนต์จากเหล่าพระสหายและพระราชนิกูล ซึ่งที่ผ่านมามิเคยกล่าวออกสื่อเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวงที่ได้รู้ได้เห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่
ในคลิปทีเซอร์โฆษณายั่วน้ำลายท่านผู้ชมทั่วโลก ปรากฏภาพสวยๆ สุดแสนจะสะดุดสายตามหาชนชาวโลก คือ ดัชเชสเมแกนผู้แสนจะเปราะบาง ทรงก้มหน้าไว้ในฝ่ามือ ประมาณว่าทรงสะอื้นอยู่ในภาพขาวดำเศร้าๆ ขณะนั่งติดกับผืนพรมงดงามยี่ห้อแอร์เมส สนนราคา 1,260 ปอนด์ (ราว 54,000 บาท) เดอะซันรายงานอย่างนั้น พร้อมกับให้ข้อมูลสำทับว่า “เมแกนผู้ทรงรักในความเป็นส่วนตัว ได้ให้สัมภาษณ์แก่แมกกาซีนอเมริกัน 2 ฉบับซ้อนในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา”
แต่สำหรับสัมภาษณ์ที่ให้กับรายการ The Tonight Show โดยจิมมี ฟอลลอน ซึ่งเคยมีกำหนดออนแอร์ในวันที่ 7 ธันวาคม นั้น ถูกประกาศยกเลิกเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ประมาณว่าเป็นกลยุทธ์ที่จะหลบให้แก่กิจกรรมที่ใหญ่กว่า คือ การเปิดฉายซีรีส์ร้อน “แฮร์รี-เมแกน” ในวันที่ 8 ธันวาคม นั่นเอง
ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์พูดถึงชีวิตในวังอังกฤษไว้เยอะบนช่องพอดแคสต์ ขณะที่ดยุกฯ ก็ทรงบอกว่าหนังสือความทรงจำของพระองค์จะเป็นอะไรที่ “ดิบและตรงไปตรงมาอย่างไม่เห็นแก่หน้าค่าชื่อใดๆ” เดอะซันจึงเข้าใจว่าประเด็น “การเหยียดผิวและอคติต่อเชื้อชาติ” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนที่ปรากฏในข่าวของสื่อทั้งปวง จะถูกนำเสนอในสัดส่วนที่สูงอย่างยิ่งภายในซีรีส์นี้ของ เน็ตฟลิกซ์
โดยประเด็นนี้มีความประจวบเหมาะเหลือเกินกับการที่ เลดี้ซูซาน ฮัสซีย์ คุณแม่ทูนหัวของเจ้าฟ้าชายวิลเลียม หลุดออกจากตำแหน่งเลดี้แห่งพระราชสำนักซึ่งมีบทบาทสูงส่งต่อพระราชกรณียกิจต่างๆ ของวังหลวง สืบเนื่องจากเลดี้ วัย 83 ปีปรากฏเป็นข่าวที่มีข้อมูลแจ่มชัดว่าเธอเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติและได้ทำการเหยียดผิวทำร้ายจิตใจของแขกรับเชิญชาวอังกฤษเชื้อสายแอฟริกัน ที่เข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ของพระราชวังบัคกิ้งแฮมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ เอพี รอยเตอร์)