xs
xsm
sm
md
lg

ส่องรัก ‘เจ้าหญิงญาณทิพย์แห่งนอร์เวย์’ กับ ‘หมอผีจอมฤทธิ์จากแอลเอ’ พสกนิกรยี้ลั่นกดดันไม่ยอมจบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ พระราชธิดาแห่งกษัตริย์นอร์เวย์ ทรงฉายพระรูปร่วมกับพระคู่หมั้น ฉายาชาแมนดูเร็ก (ซ้าย) และอันโตนิโอ บันเดรัส ซุปตาร์ดาวดังแห่งฟากฟ้าฮอลลีวูด ผู้ซึ่งเอเอฟพีเอ่ยถึงในข่าวว่าเป็นหนึ่งในวีวีไอพีที่ศรัทธาในพลังเหนือธรรมชาติของชาแมนแห่งโลกสหัสวรรษที่ 3 ทั้งนี้ เจ้าหญิงทรงรักใคร่ชื่นชมในพลังเหนือธรรมชาติของหนุ่มรุ่นน้องชาวอเมริกัน-แอฟริกันจากแอลเอ โดยทั้งสองจดจำกันและกันได้ว่าต่างเป็นคู่รักของกันและกันมาหลายภพหลายชาติแล้ว ภาพนี้กดชัตเตอร์ที่เคหาสน์มาร์เบญ่า ของบันเดรัส ในสเปน เมื่อ ส.ค.2019
เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ รัชทายาทลำดับที่ 4 แห่งราชบัลลังก์นอร์เวย์ ทรงบอกว่าพระองค์มีญาณทิพย์ ทราบความคิดคนอื่น และสามารถสนทนากับเทวดา ตลอดจนสิงสาราสัตว์ ในเวลาเดียวกันเจ้าหญิงทรงดำเนินพระไลฟ์สไตล์เป็นปกติเฉกเช่นชาวโลกทั้งผอง อีกทั้งยังทรงบริหารธุรกิจญาณทิพย์ส่วนพระองค์ร่วมกับอดีตพระสวามี (ช่วงที่ยังมิได้หย่าร้างกัน) เจริญรุ่งเรืองได้ในท่ามกลางกระแสกดดันร้อนแรงจากสาธารณชนชาวคริสต์ ซึ่งรับไม่ได้กับเรื่องพลังเหนือธรรมชาติ

ล่าสุด ในรอบ 3-4 ปีมานี้ เจ้าหญิงมาร์ธาวัย 51 พรรษา แม่ม่ายหย่าร้างผู้มีพระธิดา 3 หญิง ทรงปลูกต้นรักหวานแหววกับหนุ่มอเมริกัน-แอฟริกัน ดูเร็ก แวร์เรตต์ ผู้ซึ่งประกาศตนเป็นหมอผีชาแมน ให้บริการบำบัดรักษาร่างกายและจิตใจของนานาเศรษฐีและคนดังด้วยพลังเหนือธรรมชาติ จนเป็นที่เลื่องลือนานปีอยู่ในถิ่นฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกา โดยมีเซเลบชื่อก้องโลกมากมาย (เช่น กวินเน็ธ พัลโทรว์, อันโตนิโอ แบนเดอรัส, เจมส์ แวน เดอร์บีก) แห่กันเข้าไปใช้บริการต่อคิวยาวเหยียด ณ สนนราคาค่ารักษาอันสูงลิ่วถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง (60 นาที ตามรายงานของอีฟนิงสแตนดาร์ดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยอัตราในปี 2020 ซึ่งแวนิตีแฟร์รายงานไว้อยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ต่อครั้ง)

ทุกวันนี้ คู่รักไม่ธรรมดาทั้งสองท่านยังรักษาความจี๊ดจ๊าดหวานหยดแบบไม่มีแผ่วเลย แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันหนักหนาจากปฏิกิริยาติดลบอื้ออึงของสาธารณชนนอร์วีเจียน ซึ่งไม่ยอมรับเรื่องพลังเหนือธรรมชาติของเจ้าหญิง เพราะมองเป็นเวทมนตร์ และขัดหลักการของคริสต์ศาสนา ยิ่งกว่านั้น คือรับไม่ได้เลยกับ “หมอผีพระคู่หมั้น” ซึ่งขายคอร์สบำบัดโรค ขายเหรียญพลังวิเศษรักษาโควิด-19 ตลอดจนขายไอเดียต่างๆ ที่ถูกสับเละว่าเหลวไหลไม่เป็นวิทยาศาสตร์

พร้อมกันนั้น มีการวิพากษ์อย่างดุเดือดว่าปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ และหมอผีผิวหมึกอดีตเกย์/ไบเซ็กชวล ซึ่งจะขึ้นเป็นเขยหลวงของสมเด็จพระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 ในภายภาคหน้า ได้ใช้สถานภาพเจ้าหญิงไปส่งเสริมการขาย และจึงกดดันให้พระองค์ลาออกจากพระยศเจ้าหญิง

กระแสต่อต้านเจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ กันอย่างล้นหลามไม่ใช่เรื่องใหม่ ทรงโดนกดดันเป็นระยะๆ ตลอดหลายทศวรรษของพระชนม์ชีพ โดยกระแสต่อต้านได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมา เจ้าหญิงทรงยอมถอยมา 3 รอบแล้ว ได้แก่ ยอมสละพระอิสริยยศเจ้าฟ้าหญิง - Her Royal Highness และเบี้ยหวัดปีละ 1 ล้านดอลลาร์ ในปี 2002 เพื่อยืนหยัดที่จะดำเนินธุรกิจการค้าส่วนพระองค์ และรอบที่สอง ทรงยอมที่จะไม่ใช้พระยศ “เจ้าหญิง” ในกิจกรรมทางธุรกิจส่วนพระองค์ หลังสาธารณชนกดดันมาราธอนกัดไม่ปล่อยเมื่อไตรมาส 3 ปี 2019

การถอยรอบที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อ 8 พ.ย.2022 โดยปรินเซสวัย 51 พรรษา ทรงยอมยุติการเป็นผู้แทนพระราชสำนักในการปฏิบัติพระราชกิจทุกรูปแบบของพระราชสำนัก ตลอดจนยุติการเป็นองค์อุปถัมภ์ขององค์การทั้งหลาย เช่น สถาบันลิวคีเมียแห่งชาติซึ่งอึดอัดมาแสนนานกับการที่หมอผีดูเร็กพระคู่หมั้นเผยแพร่แนวคิดการใช้พลังเหนือธรรมชาติบำบัดรักษาลิวคีเมีย

กระแสต่อต้านจากสาธารณชนในรอบที่ 3 ซึ่งกัดไม่ปล่อยเนิ่นนานเกือบครึ่งปี กว่าที่เจ้าหญิงจะทรงยอมถอยนั้น เปรี้ยงปร้างขึ้นหลังจากที่เจ้าหญิงทรงประกาศข่าวบนอินสตาแกรมว่า ทรงหมั้นกับชาแมนดูเร็ก หมอผีคนดังจากฮอลลีวูด เมื่อ 7 มิ.ย.2022 ทั้งนี้ ในหลายเดือนที่การต่อต้านยืดเยื้อและทวีความดุเดือดนั้น โพลที่จัดทำในเดือน ก.ย.พบว่า ชาวนอร์วีเจียน 17% มีทัศนคติที่แย่ลงต่อสถาบันกษัตริย์ โดยส่วนใหญ่ระบุสาเหตุว่ามาจากเรื่องความสัมพันธ์ที่เจ้าหญิงมาร์ธา ทรงมีกับหมอผีดูเร็ก เจ้าของฉายา “ชาแมนดูเร็ก” หมอผีอเมริกัน-แอฟริกันผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยคำรุนแรง เช่น คำที่เว็บไซต์ NewsinEnglish ของนอร์เวย์รายงานว่า นักต้มตุ๋นหลอกลวง

เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ รัชทายาทอันดับที่ 4 ของราชบัลลังก์นอร์เวย์ ทรงมีชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสัน ทรงกล่าวถึงพระองค์เองว่าทรงมีพระทัยขบถ และมีพลังแห่งจิตวิญญาณอันเป็นญาณทิพย์ ชีวิตของพระองค์เป็นดรามาที่สนุกและน่าติดตามอย่างยิ่ง ภาพนี้มาจากวิกิพีเดียที่นำขึ้นเผยแพร่โดยแฟรงกี เฟากันทิน

มกุฎราชกุมารโฮกุน พระอนุชาของเจ้าหญิงมาร์ธา ทรงเป็นบุคคลสำคัญในการแก้ปัญหาแรงกดดันที่สาธารณชนฝ่ายต่างๆ มีต่อพระเชษฐภคินี ซึ่งสร้างผลกระทบเชิงลบต่อพระราชสำนัก ภาพนี้บันทึกไว้ในวันอภิเษกสมรสเมื่อปี 2001
สัมพันธ์รักหวานแหววที่ยกระดับ “ชาแมนดูเร็ก” ขึ้นสู่สถานภาพ ‘ว่าที่พระราชบุตรเขย’ เป็นดรามาที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2018 ประมาณหนึ่งปีกว่านับจากที่กระบวนการหย่าร้างระหว่างเจ้าหญิงมาร์ธา กับอดีตพระสวามีสามัญชนผู้เป็นนักเขียนคนดังของนอร์เวย์ ได้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2017 ต้นรักของเจ้าหญิงญาณทิพย์กับผู้วิเศษดูเร็ก มีพัฒนาการสำคัญในวันคริสต์มาส 2019 โดยชาแมนแอนด์ปรินเซส ให้สัมภาษณ์แก่ แวนิตีแฟร์ ว่า ในวันนั้นเสด็จพ่อและเสด็จแม่ทรงเชิญพระคู่รักเข้าร่วมพิธีมิสซาฉลองคริสตสมภพพร้อมกันกับพระราชวงศ์ หลังจากที่ได้พระราชทานไฟเขียวแก่เจ้าหญิงมาร์ธาผู้เป็นแม่ม่ายหย่าร้างมาหลายปี ให้คบค้าศึกษาดูใจแฟนหนุ่มได้

กระนั้นก็ตาม เส้นทางรักเกิดจะต้องสะดุดอย่างแรง เพราะมีโศกนาฏกรรมใหญ่หลวงอุบัติขึ้นในวันสำคัญดังกล่าว นั่นคือ อดีตพระสวามีของเจ้าหญิง นามว่า อาริ เบห์น (Ari Behn) ปลิดชีพตนเอง

เนื่องจาก อาริ เบห์น เป็นนักเขียนยอดป็อปปูลาร์ที่ผู้คนในนอร์เวย์ชื่นชม และสงสาร ข่าวการทำอัตวินิบาตกรรมดังกล่าวจึงเป็นความสะเทือนใจอย่างยิ่งในหมู่ประชาชน ในการนี้ เจ้าหญิงมาร์ธาประทานสัมภาษณ์แก่นิตยสารแวนิตีแฟร์ว่า ทุกนิ้วพากันชี้มาที่พระองค์และพระคู่รักใหม่ว่าเป็นต้นเหตุกดดันให้อดีตพระสวามีตัดสินใจฆ่าตัวตาย


เจ้าหญิงทรงบอกว่า ไม่น่าจะนำพระองค์เข้าไปโยงกับเรื่องนี้เลย ในเมื่อก็ได้หย่าร้างกันไปตั้ง 3 ปีแล้ว และคุณอาริ เบห์น ได้มีคนรักใหม่แล้ว นอกจากนั้น การทำอัตวินิบาตกรรมนี้อาจเป็นผลจากปัญหาสุขภาพจิต ที่เขาที่เขาต่อสู้รักษาตัวอยู่อย่างเนิ่นนาน

ปมเรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยใหญ่ยักษ์ที่โหมกระพือความรู้สึกต่อต้านเจ้าหญิงมาร์ธา เพราะลำพังที่ทรงบอกว่าพระองค์สามารถสื่อสารกับสิงหาราสัตว์ เทวดาและผู้ตาย ประชาชนมากมายก็รับไม่ได้แล้ว ครั้นเจ้าหญิงทรงหมั้นหมายกับหมอผีจากอเมริกา ซึ่งเป็นการเปิดทางให้หมอผีได้เข้าเป็นสมาชิกแห่งพระราชวงศ์ พสกนิกรในนอร์เวย์พากันรู้สึกว่าเจ้าหญิงทรงเกินเลยไปสุดโต่ง

ดังนั้น พอมามีกรณีอดีตพระสวามีตัดสินใจฆ่าตัวตายจึงยิ่งทำให้ความรู้สึกต่อต้านถูกโหมกระพือ โดยบางรายถึงกับส่งจดหมายขู่ฆ่าไปยังชาแมน และมีบางกลุ่มเร่งให้พระศาสนจักรลงดาบ บัพพาชนียกรรมเสียที เพื่อขับเจ้าหญิงมาร์ธา พ้นจากความเป็นชาวคริสต์ ขณะที่เสียงเรียกร้องให้ทรงลาออกจากตำแหน่งเจ้าหญิงก็อื้ออึง

เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ ทรงเคยรักใคร่ปลาบปลื้มในหนุ่มนักประพันธ์สามัญชนคนดังของนอร์เวย์ นามว่า อาริ เบห์น ทั้งสองหลงใหลพลังเหนือธรรมชาติของกันและกัน หลังจากคบหาดูใจกันปีครึ่ง ก็เข้าสู่พระราชพิธีเสกสมรสในเดือน พ.ค. 2002

พระราชพิธีเสกสมรสผ่านไปเพียง 11 เดือน พระธิดาพระองค์แรกของเจ้าหญิงมาร์ธาได้ถือกำเนิดในเดือนเม.ย. 2003 นามว่า คุณม็อด อังเงลีกา เบห์น โดยนามของคุณม็อดเป็นพระนามของ “คุณยายเทียด” ได้แก่ สมเด็จพระราชินีม็อด (พระมเหสีแห่งพระเจ้าโฮกุนที่ 7) หรือก็คือ “คุณยายทวด” ของเจ้าหญิงมาร์ธานั่นเอง
ชีวิตเปี่ยมดรามา 51 พรรษา เริ่มจากเด็กแนวผู้อยากจะโบกมือลาราชบัลลังก์

ปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ ทรงประสูติในพระอิสริยยศ Her Royal Highness - เจ้าฟ้าหญิง เนื่องจากทรงเป็นพระราชธิดา (พระองค์โต) ของสมเด็จพระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ และสมเด็จพระราชินีซอนญา อดีตสตรีสามัญชนจากครอบคร้วฐานะดี เจ้าของปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์ศิลป์ มหาวิทยาลัยออสโล ทั้งนี้ นับจากการแก้กฎหมายในปี 1990 เจ้าหญิงมาร์ธาทรงได้อยู่ในคิวลำดับรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์นอร์เวย์ โดยที่พระอนุชา พระนามว่าเจ้าฟ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมาร ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1

ตั้งแต่ที่ยังเป็นพระองค์หญิงน้อย เจ้าฟ้าหญิงมาร์ธาทรงไม่แฮปปี้กับข้อกำหนดต่างๆ ที่ราชนิกุลต้องปฏิบัติตาม ทรงชมชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง และทรงไม่สนุกกับการแต่งพระองค์ในพระภูษาหรูหรา ทั้งนี้ ทรงเคยประทานสัมภาษณ์แก่แวนิตีแฟร์ว่า อยากให้พระราชบิดาและพระราชมารดาทรงเป็นหมอฟัน แทนที่จะเป็นกษัตริย์และพระราชินี

พร้อมนี้ ทรงเล่าว่าในวัยประมาณ 6-7 พรรษา เคยวางเม็ดถั่วไว้ใต้ที่นอนแบบที่ได้อ่านมาจากเทพนิยายแอนเดอร์สัน ซึ่งบอกว่าหากผู้ใดเป็นเจ้าหญิงแท้จริง หลังของผู้นั้นจะต้องชอกช้ำจ้ำเขียว ในเช้าวันรุ่งขึ้น พระองค์หญิงน้อยทรงรีบกระเด้งตื่น ไปเช็กสภาพการณ์ของแผ่นหลัง ด้วยทรงหวังจะได้เห็นรอยจ้ำช้ำแดงที่จะเป็นหลักฐานชี้บ่งถึงระดับของเลือดสีน้ำเงินแห่งขัตติยะราชสกุล ผลปรากฏว่าทรงเซ็งพระทัยอย่างยิ่ง แผ่นหลังของพระองค์เป็นปกติทุกสิ่งอย่าง

เจ้าฟ้าหญิงทรงกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าทรงตำหนิพระองค์เองไปใหญ่โต... กะไว้แล้วเชียว! กะไว้แล้ว... ว่าพระองค์ทรงดีไม่พอแก่การเป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ กะไว้แล้วว่าพระองค์ไม่คู่ควรกับความเป็นปรินเซส เพราะพระกายไม่มีสิ่งอันเป็นขัตติยะ ทุกอย่างที่ทรงรู้สึกเกี่ยวกับพระองค์เองในตลอด 6-7 ปี คือเรื่องจริง ส่วนสิ่งที่ทรงถูกบอกเกี่ยวกับพระองค์นั้นล้วนแต่ไม่ถูกต้อง

ด้าน เอมิลี ฟอกซ์ นักข่าวค่ายแวนิตีแฟร์ซึ่งได้พบปะสัมภาษณ์ปริสเซสมาร์ธา และหมอผีดูเร็ก แวร์เรตต์ หลายกรรมหลายวาระในปี 2018-2019 เล่าไว้ในสกู๊ปว่า พระองค์ทรงรักความเป็นราชนิกุล ทรงรักพระราชตระกูล ทรงรักพสกนิกร แต่การเป็นปรินเซสนั้นมันหนักหนาเหลือเกิน ชีวิตวัยดรุณของพระองค์มีสิ่งต่างๆ เต็มที่ แต่ก็มีความว่างเปล่ามากมายโดยทรงเจริญพระชันษาขึ้นมากับพระพี่เลี้ยงและข้าราชบริพารในคอกม้าอันเป็นสถานที่บ่มเพาะให้ทรงเป็นนักขี่ม้าแข่ง

ยิ่งกว่านั้นพระองค์มีเรื่องของพลังเหนือธรรมชาติ จึงทรงเว้นระยะห่างจากสังคม เพราะทรงถูกมองว่าเป็นมนุษย์ประหลาด และทรงถูกช่างภาพและสื่อมวลชนจับจ้องหาเรื่องไปนำเสนอให้ประชาชนรับทราบ ขณะเดียวกัน ทรงหวังว่าจะได้พบชายที่พระองค์รัก ผู้ซึ่งมองเห็นตัวตนแท้จริงของพระองค์ แต่ทว่า บุรุษดังกล่าวไม่มีอยู่ในโลกของพระองค์ ดังนั้น เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้ 15 พรรษา เจ้าฟ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ ทรงปิดตัวแปลกแยกจากสังคม เอมิลี ฟอกซ์ เล่าไว้อย่างนั้น

หลังจากที่กระบวนการหย่าร้างแยกขาดจากอดีตพระสวามี อาริ เบห์น เสร็จสิ้นในปี 2017 พระหทัยของเจ้าหญิงมาร์ธาทรงว่างจากความรักสองปีกว่า โดยได้รับกำลังพระทัยมากล้นจากพระราชวงศ์ ในภาพครอบครัวอบอุ่นนี้ที่บันทึกไว้เมื่อฤดูร้อนของปี 2018 มีเสด็จพ่อและเสด็จแม่ พระธิดาพระองค์โต ตลอดจนครอบครัว 4 พระองค์ของพระอนุชา
พบรักกับนักเขียนคนดัง หนุ่มสามัญชนรูปงาม ผู้ฉลาดและขบถพอๆ กับพระองค์

เจ้าฟ้าหญิงมาร์ธา ทรงสำเร็จการศึกษาด้านกายภาพบำบัด แต่ทรงเบนเข็มไปเอาดีทางศิลปะในหลายสาขา รวมทั้งการเขียนหนังสือ ในช่วงหนึ่งของชีวิต ทรงดำเนินโครงการเดินทางไปทั่วประเทศ ไปอ่านเทพนิยายคลาสสิกของนอร์เวย์ให้เหล่าพสกนิกรได้ซาบซึ้งกับมรดกวัฒนธรรมนอร์วีเจียน (ทรงไม่อ่านงานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน หรอก เพราะฮันส์เป็นชาวเดนมาร์ก) โดยทรงโปรดปรานที่จะเลือกอ่านเทพนิยายเกี่ยวกับเจ้าหญิงผู้แสนเศร้าและถูกพันธนาการ

ในที่สุด ปรินเซสก็ทรงพบบุรุษในฝัน ผู้ซึ่งสามารถมองทะลุเข้าไปเห็นพลังทางจิตวิญญาณของพระองค์ เขาคนนั้นคือ อาริ เบห์น นักเขียนสามัญชนคนดังทะลุฟ้านอร์เวย์ผู้เป็นชื่นชมของชาวนอร์วีเจียน เจ้าฟ้าหญิงมาร์ธาทรงเปี่ยมสุขนักหนาเมื่อได้จับมือพระคู่รัก และแต่ละคราที่เฝ้ามองเขา ดวงพระเนตรทั้งคู่ก็ส่งประกายความปลาบปลื้มหลงใหล

ที่สำคัญคือ ทรงชื่นชมพลังเหนือธรรมชาติของเขา

ในบทสัมภาษณ์กับแวนิตีแฟร์ หลังจากทรงรักกับชาแมนดูเร็กแล้ว เจ้าหญิงทรงเล่าถึงคำพูดของอาริ เบห์น ว่า เขาแสดงความยินดีกับพระองค์ที่ได้พบผู้ซึ่งมีพลังทางจิตวิญญาณมากกว่าตัวเขา

อาริ เบห์น (เป็นนามสกุลเดิมของคุณยาย เพราะอาริเลิกใช้นามสกุลของคุณพ่อตั้งแต่ปี 1996) หนุ่มนักเขียนซึ่งได้ก้าวเข้าเป็นเขยหลวงแห่งราชวงศ์กลุคเบิร์ก เป็นสามัญชนที่ถือกำเนิดในเดนมาร์ก แต่เติบโตในนอร์เวย์ และมีชีวิตอันฉูดฉาดไปด้วยสีสันและความซับซ้อน

เช่น กรณีที่คุณปู่ซึ่งเป็นนักกฎหมาย ได้ปริปากเฉลยในภายหลังว่าคุณพ่อของอาริ เป็นลูกติดมาจากคนอื่นแต่ท่านเลี้ยงดูขึ้นมาด้วยความรัก หรือกรณีที่คุณพ่อคุณแม่เป็นฮิปปี้โบราณ ใช้ชีวิตด้วยกันนานหลายปี ในวันหนึ่งคุณแม่ขอหย่าแล้วไปแต่งงานใหม่กับเพื่อนชายที่เพิ่งหย่ากับภรรยา ด้านคุณพ่อก็โอเคและแต่งงานใหม่ภรรยาของเพื่อนคนนั้น แล้วภายหลังต่อไป ก็กลับมาแต่งงานอยู่กันด้วยกันอีกรอบหนึ่ง นอกจากนั้น ทั้งสองเคยเป็นอาจารย์ในโรงเรียนที่เชื่อในเรื่องพลังพิเศษของมนุษย์ โดยโรงเรียนนี้ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศจะ “คัดเลือก” อาจารย์เป็นอย่างดีโดยให้อำนาจการสอนแก่อาจารย์อย่างเต็มที่

ในปี 1972 ที่อาริ ถือกำเนิดนั้นเขายังเป็นบุตรนอกสมรส ในปีต่อมา จึงมีการสมรสอย่างเรียบร้อย และย้ายครอบครัวไปปักหลักในประเทศอังกฤษ และอีก 5 ปีให้หลังก็อพยพมาตั้งรกรากในนอร์เวย์ โดยสนับสนุนให้เขาได้รับการศึกษาที่ดี เขาจบปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์และศาสนาจากมหาวิทยาลัยออสโล

หลังจากนั้น อาริออกตระเวนไปตามดินแดนต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในแอฟริกา เอเชีย และสหรัฐอเมริกา แต่เขาเล่าถึงชีวิตในช่วงทั้งหมดนี้ว่า เต็มไปด้วยความอ้างว้างโดดเดี่ยว ซึ่งเขานำมาใช้เป็นวัตถุดิบประพันธ์ชุดเรื่องสั้นชื่อว่า “Sad as Hell” (โศกเศร้าดั่งนรก) เรื่องสั้นชุดนี้วางตลาดในปี 1999 และประสบความสำเร็จอย่างครึกโครมด้วยยอดขาย 100,000 เล่ม พร้อมกับพาให้เขาแจ้งเกิดในโลกวรรณกรรม

แม้ผลงานประพันธ์ของอาริ เบห์น เป็นที่ชื่นชอบของนักอ่าน มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ ในยุโรป 6 ภาษา (ฝรั่งเศส เยอรมัน สวีดิช เดนนิช ไอสแลนดิก และฮังกาเรียน) แต่เขาถูกบรรดานักวิจารณ์เล่นงานหนักหนา ยิ่งเมื่อมาสร้างผลงานศิลปะในด้านจิตรกรรม บทละคร การสร้างภาพยนตร์ และการออกแบบเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เสียงวิจารณ์ก็ยิ่งดุดันระดับที่เรียกเขาเป็นศิลปินจอมปลอม จนเป็นที่โมโหโกรธาระดับที่เขาประกาศท้าดวลปืนกับนักวิจารณ์ปากกล้ารายหนึ่ง กะจะเอาเลือดมาล้างแค้นกันเลยทีเดียว

ปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ กับพระคู่หมั้น อาริ เบห์น ใน ธ.ค. 2001 ภาพลักษณ์ของหนุ่มนักเขียนคนดังแห่งนอร์เวย์ ไม่ใช่ลักษณะปกติของเขา เพราะตัวตนแท้จริงของบุตรชายแห่งฮิปปี้โบราณนาม อาริ ต้องไว้ผมยาว ปลูกหนวดไว้เครา มีต่างหูข้างซ้ายแบบหนุ่มวิญญาณขบถ สวมกางเกงยีนส์กับรองเท้าบูตแบบสิงห์มอเตอร์ไซค์

อาริ เบห์น สร้างภาพลักษณะและออร่าอันสะอาดสะอ้าน เฉลียวฉลาด สงบนิ่งมั่นคงในอารมณ์ เป็นที่ชื่นชมของชาวนอร์เวย์ ในภาพนี้ เป็นพระโมเมนต์สนุกๆ ของเจ้าหญิงมาร์ธาในวันแห่งพระราชพิธีเสกสมรส 24 พ.ค. 2002

ตัวตนแท้จริง อาริ เบห์น สะท้อนชัดเจนในสองภาพนี้ โดยภาพซ้ายซึ่งสวมกางเกงยีนส์และรองเท้าบูตแบบสิงห์นักบิดนั้น อาริอยู่ที่กรุงลอนดอนในปี 2013 และในภาพขวาจะเห็นต่างหู ณ หูข้างซ้ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งไปกันได้อย่างเท่กับชุดเครื่องแต่งกายสำหรับพิธีการ ที่สวมไปเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงแมเดลีนแห่งสวีเดนกับคุณคริสโตเฟอร์ โอนีล เมื่อ มิ.ย. 2013
ปีที่ทรงชื่นมื่นกับ อาริ พสกนิกรเพิ่งโอเคกับที่พระอนุชาเสกสมรสกับสตรีแสนแซ่บ เส้นทางวิวาห์จึงฉลุย

อาริ เบห์น ผู้รูปงาม ออร่าฉลาดคมคาย พร้อมต่างหูข้างซ้ายสไตล์ขบถสังคม ได้เข้าสู่สายพระเนตรของปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ ในปี 2001 ขณะที่เขาไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านในกรุงออสโล และไปพบดอกฟ้าราชนิกุลในห้องรับแขก ทั้งนี้ คุณแม่ของอาริเป็นติวเตอร์ด้านกายภาพบำบัดของพระองค์ แต่ถูกขอให้ปกปิดเรื่องนี้ไว้ให้สนิท อาริเล่าไว้กับแวนิตีแฟร์ที่กรุงลอนดอนเมื่อปี 2013

เขารู้สึกได้ทันทีว่าปรินเซสคือคนรักในอุดมคติที่ค้นหามาแสนนาน เขาหลงรักความร่าเริงชาญฉลาดของพระองค์ ยิ่งกว่านั้น พลังเหนือธรรมชาติของพระองค์ตรึงใจเขาให้ลุ่มหลง อยากค้นคว้าความทำความรู้จักให้มากขึ้น ซึ่งหากมิได้ทรงเป็นราชนิกุล เขาจะขอพระองค์แต่งงานภายใน 1-2 สัปดาห์ที่ได้รู้จักกัน

ด้านนิตยสารพีเพิลเล่าว่า ตอนที่หนุ่มนักเขียนขอแต่งงานและเจ้าฟ้าหญิงทรงตอบรับเมื่อปลายปี 2001 นั้น นับเป็นห้วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะในระยะ 3-4 ไตรมาสของห้วงดังกล่าว เจ้าฟ้าชายโฮกุน ผู้เป็นพระอนุชาได้กรุยทางไว้ให้โดยมิได้ทรงตั้งพระทัย

กล่าวคือ เจ้าฟ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ ทรงพบเนื้อคู่ของพระองค์ แต่นางเป็นสตรีสามัญชนที่มีภูมิหลังดุเดือดโลดโผน ทั้งนี้ ทั้งสองศึกษาดูใจกันอย่างจริงจังในปี 1999 และใช้ชีวิตด้วยกันตลอดปี 2000

หลังการประกาศข่าวเมื่อต้นเดือน ธ.ค.2000 ว่ามกุฎราชกุมารทรงหมั้นหมายกับพระคู่รักแล้ว เสียงยี้สนั่นจากพสกนิกรนอร์วีเจียนก็ดังอื้ออึง โดยมีสาเหตุสำคัญจากการที่พระคู่หมั้น นามว่า น ส.เม็ตเตอ มาริต เช็สเซิม เฮออิบิ สามัญชนวัย 27 ปี มีภูมิหลังที่แซ่บเหลือเกิน แม้เธอจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง โดยมารดาของเธอเป็นนักข่าวและบิดาทำงานธนาคาร

แต่เธอมีประวัติการติดยา เคยเข้ารับการบำบัดยาเสพติด เธอยุติการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ไปใช้ชีวิตกับแฟนหนุ่มซึ่งเสพโคเคน ในเวลาต่อมาเธอให้กำเนิดแก่บุตรชายนอกสมรสในเดือน ม.ค.1997 และเลี้ยงลูกด้วยอาชีพพนักงานเสิร์ฟ แต่จุดที่ทำให้สาธารณชนคัดค้านกันหนักหนาคือ แฟนหนุ่มผู้เป็นบิดาของลูกชายเธอนั้น อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกคดีทำร้ายผู้อื่นโดยขาดสติเพราะฤทธิ์ยาเสพติด และคดีการมีโคเคนอยู่ในครอบครอง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรักของมกุฎราชกุมารกระเตื้องดีขึ้นมากในช่วงกลางเดือน ส.ค.2001 เมื่อมีการเคลียร์กันอย่างชัดเจนว่าบุตรชายลูกติดของพระคู่หมั้นจะไม่ได้รับพระอิสริยยศ อีกทั้งไม่มีสิทธิใดๆ ในความเป็นรัชทายาท แต่ส่วนที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ ได้มีการจัดแถลงข่าวครั้งสำคัญ

โดย ‘ว่าที่’ เจ้าสาวได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ขออภัยประชาชนสำหรับอดีตของเธอ ตลอดจนกล่าวต่อต้านการใช้ยาเสพติด พร้อมกับเปิดใจว่าประสบการณ์แย่ๆ จากยาเสพติดทำให้เธอเข็ดขยาด และเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้น ปฏิกิริยาจากสาธารณชนจึงออกมาในทางบวก มีการแสดงเห็นใจ เข้าใจ และชื่นชมใน ‘ว่าที่’ มกุฎราชกุมารีกันทั่วแผ่นดิน บีบีซีรายงานไว้เมื่อ 25 ส.ค.2001

พระรูปครอบครัวของมกุฎราชกุมารโฮกุนกับเสด็จพ่อเสด็จแม่และเสด็จป้า ดังนี้ (แถวหน้าจากซ้าย) สมเด็จพระเจ้าฮารัลด์ที่ 5; เจ้าหญิงอิงกริด พระธิดา; สมเด็จพระราชินีซอนญา; (แถวหลังจากซ้าย) เจ้าหญิงอัสทริด เสด็จป้า; มกุฎราชกุมารีเม็ตเตอ-มาริต เฮออิบิ; มกุฎราชกุมารโฮกุน; เจ้าชายสแวร์เรอ พระโอรส; และคุณมาริอุส เฮออิบิ เรือพ่วงจากความสัมพันธ์เดิมของมกุฎราชกุมารี
ไม่ใหม่เลยที่มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์จะอภิเษกสมรสกับสตรีสามัญชน ควีนซอนญาก็มาจากสามัญชน

อันที่จริงแล้ว การที่มกุฎราชกุมารตัดสินใจแต่งงานกับสตรีสามัญชน ไม่ใช่เรื่องใหม่ในราชอาณาจักรนอร์เวย์ เพราะเมื่อช่วงที่สมเด็จพระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 ยังมิได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ทรงอยู่กินกับพระคู่รักผู้ทรงพระสิริโฉม (ต่อมาวาสนานำส่งให้เป็นสมเด็จพระราชินีซอนญา โดยมีความงามไม่ด้อยกว่าเจ้าหญิงเกรซ เคลลี แห่งโมนาโก) นานหลายปี

ทั้งนี้ หากไม่นับความเป็นสามัญชน ภูมิหลังของพระคู่รักนั้นเลิศทีเดียว โดยเป็นบุตรีของครอบครัวฐานะดีในตระกูลพ่อค้าผ้า และมีการศึกษาครบเครื่องด้วยประกาศนียบัตรด้านออกแบบแฟชั่นและการตัดเย็บจากสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยออสโล แต่สื่อบางรายประชดไว้ว่าพระคู่รักทรงเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างตัดเสื้อเพื่อให้เป็นระนาบเดียวกับว่าที่พระสุนิสาซึ่งเป็นสาวเสิร์ฟ

ด้านมกุฎราชกุมารฮารัลด์ตรัสยืนยันต่อพระราชบิดา (สมเด็จพระเจ้าโอลาฟที่ 5) ว่าจะไม่ยอมเข้าสู่พระราชพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงใดนอกจากพระคู่รักซอนญาเท่านั้น และในที่สุด พระราชบิดาก็ทรงจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสให้

ในบรรยากาศดั่งฟ้าหลังฝน มกุฎราชกุมารและพระคู่หมั้นเข้าสู่พระราชพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 24 สิงหคม 2001 และพระราชพิธีนี้จึงแผ้วถางทางให้แก่ความรักชุบน้ำเชื่อมระหว่างปรินเซสมาร์ธา กับหนุ่มสามัญชนนักเขียนคนดังของประเทศ

พระรูปของสมเด็จพระราชินีซอนญาในห้วงแห่งการอภิเษกสมรสและเข้าสู่พระราชตระกูลในพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารีแห่งนอร์เวย์ ทรงมีพระรูปพระโฉมงดงาม ทั้งนี้ด้วยฐานะทางสังคม-เศรษฐกิจของครอบครัว พระองค์จึงได้รับการศึกษาสูงทีเดียวสำหรับสุภาพสตรีที่เกิดในทศวรรษ 1930 นอกจากนั้น เนื่องจากทรงมีภูมิหลังทางการศึกษาใกล้เคียงกับ อาริ เบห์น อดีตพระราชบุตรเขย ทั้งสองจึงสนิทกัน โดย อาริ เบห์น มักที่จะทำให้พระองค์เคือง และครั้งหนึ่ง อาริ เบห์น เอ่ยถึงพระองค์ในระหว่างให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวแวนิตีแฟร์อย่างขำๆ ว่า ‘หากพระองค์สังหารผมได้ ทรงทำไปแล้วล่ะครับ’
ปรินเซสทรงถอยหนแรก ก่อนเสกสมรสหนุ่มนักเขียน ทรงให้ถอดยศ HRH แล้วสนุกกับธุรกิจส่วนพระองค์

สัมพันธ์รักระหว่างปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ กับ อาริ เบห์น ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า กว่าจะได้หมั้นหมายกันก็ล่วงเลยหลายไตรมาสจดจนถึงเดือน ธ.ค.2001 โดยในระหว่างนั้น ปรินเซสทรงเตรียมจัดตั้งธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ส่วนพระองค์แล้ว

โดยในวันที่ 1 ม.ค.2002 เจ้าฟ้าหญิงมาร์ธาทรงเปิดตัวธุรกิจบันเทิงออกทีวีโดยให้มีการออกมาเล่าเทพนิยายพื้นบ้านและร้องเพลงกับนานาคณะนักร้องประสานเสียงชื่อดังของนอร์เวย์ ซึ่งสิ่งนี้ถูกสังคมแห่กันวิจารณ์คัดค้านว่าไม่เหมาะสมเลยที่ทรงนำสถานภาพปรินเซสไปเป็นจุดขายโปรโมตธุรกิจ

ในการนี้ เสด็จพ่อทรงหารือกับพระราชธิดาและทรงมีความเห็นตรงกัน โดยปรินเซสทรงยอมถอย ด้วยการยอมรับที่จะถูกถอนออกจากพระอิสริยยศเจ้าฟ้า Her Royal Highness แต่ยังคงฐานันดรศักดิ์ปรินเซสและสิทธิการสืบทอดพระราชบัลลังก์ไว้ดังเดิม รอยัลตี้กรุ๊ปดอทแฟนด้อมรายงาน

ดังนั้นใน ก.พ.2002 สมเด็จพระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 ทรงลงพระนามในพระราชกฤษฎีกาคำสั่งถอดถอนไปตามนั้น


พร้อมนี้ รอยัลตี้กรุ๊ปฯ ได้ให้ข้อมูลในด้านของเจ้าหญิงมาร์ธาด้วยว่า พระองค์ทรงอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในฐานะปัจจัยบวก เพราะเอื้อให้ขยายธุรกิจส่วนพระองค์ โดยมีเสรีภาพมากขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะต้องถูกจำกัดตามเงื่อนไขต่างๆ ของรัฐธรรมนูญ

4 เดือนกว่าต่อมา พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ กับ อาริ เบห์น นักประพันธ์คนดัง มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และงดงามในวันที่ 24 พ.ค.2002 โดยเจ้าหญิงทรงแย้มพระสรวลเปี่ยมสุขตลอดพระราชพิธีมิสซา สายพระเนตรมองพระคู่หมั้นอย่างหวานชื่นรื้นน้ำตาแห่งปีติสุข ทรงเกาะกุมมือของอาริ เบห์น แทบจะตลอดเวลา ขณะที่พระเอกของพระราชพิธีมีอาการอึดอัดขัดเขินบ่อยครั้งที่กล้องถ่ายทอดสดแพนเข้าไปจดจ่อเนิ่นนาน ด้านคิงฮารัลด์ที่ 5 ผู้เป็นพระราชบิดา ทรงมีสีพระพักตร์แจ่มใสแช่มชื่นพระราชหฤทัย

ความรักหวานแหววส่งผลให้เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ กับ อาริ เบห์น ได้พยานรักองค์แรกภายในเวลาเพียง 11 เดือนกว่านับจากพระราชพิธีเสกสมรส ได้แก่ คุณม็อด อังเงลีกา เบห์น ซึ่งประสูติเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2003 หลังนั้นเพียง 2 ปี ก็ได้พยานรักมาอีกหนึ่ง คือ คุณลีอาห์ อิซาดอรา เบห์น เมื่อ 8 เม.ย.2005

ในพระราชพิธีเสกสมรส อาริ เบห์น บรรจงสวมแหวนแต่งงานแก่เจ้าหญิงมาร์ธา ทั้งนี้ อาริ เบห์น บอกว่าตกหลุมรักพระองค์ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน ณ ห้องรับแขกในบ้านคุณแม่

เป็นพระคู่รักที่น่าปลาบปลื้ม ทั้งสองรักกันอย่างลึกซึ้ง ใน 2 ภาพล่างที่มาจากวิดีโอพระราชพิธีเสกสมรส เจ้าหญิงมาร์ธาทรงแสดงออกถึงความรักอย่างที่สุดในพระสวามี

เจ้าหญิงมาร์ธาและ อาริ เบห์น ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวอบอุ่นยาวนาน 14-15 ปี ก่อนจะแยกทางและหย่าร้างกัน
หลายปีก่อนจะถึงศักราช 2007 ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ ทรงเริ่มสร้างธุรกิจญาณทิพย์อย่างเป็นจริงเป็นจัง พระองค์ทรงผลิตงานวรรณกรรม ได้แก่ หนังสือแห่งความรักของพระองค์กับหนุ่มนักเขียน ชื่อเรื่องว่า From Heart to Heart (จากดวงใจสู่ดวงใจ - วางตลาดปี 2002) และเทพนิยายสำหรับเด็ก ชื่อเรื่องว่า Why Kings and Queens Don’t Wear Crowns (ทำไมเหล่ากษัตริย์และราชินีไม่ทรงสวมมงกุฎ - วางตลาดปี 2004) หลังจากนั้นพระองค์และพระสวามีโยกย้ายไปใช้ชีวิตในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยทรงตระเวนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายไปตามรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ด้วย

เมื่อถึงปี 2007 ซึ่งตอนนั้นคุณเอ็มมา ตัลลูลาห์ เบห์น ธิดาคนสุดท้องยังไม่เกิด และสมาชิกครอบครัวทั้งสี่ได้ปักหลักพำนักในนอร์เวย์แล้ว เจ้าหญิงมาร์ธาทรงสร้างธุรกิจญาณทิพย์อย่างคึกคัก ได้แก่ ศูนย์บำบัดทางเลือก ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “โรงเรียนเทวดา” หรือ Astarte Education (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Soul Spring) ซึ่งฝึกฝนให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาญาณทิพย์ติดต่อกับเทวดาและจักรวาลแห่งพระเจ้า พร้อมกับฝึกสอนการรักษาโรคด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ตลอดจนฝึกสอนวิธีสื่อสารกับเทวดา

ปรากฏว่าธุรกิจญาณทิพย์ของพระองค์ถูกวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านอย่างอื้ออึงจากรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน ซึ่งเรียกร้องให้พระองค์สละฐานันดรศักดิ์แห่งเจ้าหญิงเพื่อไม่ให้พระราชวงศ์มัวหมอง และสื่อบางค่ายเรียกร้องให้พระศาสนจักรขับพระองค์ออกจากศาสนาคริสต์

ขณะที่หลากหลายผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ การศาสนาและเทววิทยาพากันแสดงความคลางแคลงถึงความเหมาะสมและความน่าเชื่อถือของธุรกิจจิตวิญญาณนี้ นอกจากนั้น นักเขียนแนวประวัติศาสตร์คนดังของนอร์เวย์ออกโรงเรียกร้องให้มีการตรวจเช็กสุขภาพจิตของพระองค์ เว็บไซต์รอยัลตี้กรุ๊ปดอทแฟนดอมรายงาน

ข้อวิพากษ์ที่เหนืออื่นใด คือ ปรินเซสมาร์ธา ลุยเซอ ทรงถูกโจมตีว่าทรงนำฐานันดรศักดิ์แห่งเจ้าหญิงไปใช้ประโยชน์ด้านธุรกิจการค้าส่วนพระองค์

ในท่ามกลางกระแสคัดค้านต่อต้านอันร้อนแรง มีการจัดทำโพลในปี 2012 ผลออกมาว่าแม้จะมีประชาชนในนอร์เวย์ 15% เชื่อว่าเจ้าหญิงมาร์ธาทรงมีพลังจิตวิญญาณจริง แต่ประชาชนอีก 47% มองว่าเจ้าหญิงทรงสร้างผลกระทบเชิงลบต่อพระราชวงศ์ราชวงศ์กลุคเบิร์ก นิวยอร์กไทมส์รายงาน

สายพระเนตรที่เจ้าหญิงมาร์ธามีให้แก่พระสวามี เต็มไปด้วยความหวานซึ้ง ในภาพนี้เป็นวันที่คุณม็อด เบห์น พระธิดาพระองค์โตเข้าพิธีรับศีลล้างบาปในปี 2003

พระรูปครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้า พระมารดามาร์ธากับคุณเอ็มมา ตัลลูลาห์ เบห์น ทารกน้อย และคุณพ่ออาริ เบห์น กับคุณลีอาห์ อิซาดอรา เบห์นหัวเราะร่าเริงบนตักซีกขวา ตลอดจนคุณม็อด ยิ้มนุ่มๆ บนตักซีกซ้าย
กระแสเชี่ยวกรากในนอร์เวย์ได้เว้นวรรคพักตัวในช่วงปี 2013-2014 เมื่อ อาริ เบห์น นักเขียนและศิลปิน พาครอบครัวไปใช้ชีวิตในกรุงลอนดอนเพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจ และเจ้าหญิงมาร์ธาได้รู้จักสนิทสนมกับสตรีอังกฤษที่มีญาณทิพย์ นามว่า ลิซ่า วิลเลียมส์ ซึ่งประกาศว่าตนสามารถติดต่อกับผู้ตายได้ และเมื่อครอบครัวกลับสู่นอร์เวย์ ทรงเชิญพระสหายมาเป็นวิทยากรสอนเรื่องนี้ในโรงเรียนเทวดา (ซึ่งตอนนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Soulspring) ใน ก.ย.2014

สังคมนอร์วีเจียนจึงมีเหตุให้ต้องปั่นป่วนอีกรอบใหญ่ ส่งผลให้บิชอปแห่งสังฆมลฑลทางนอร์เวย์ตะวันตกออกโรงติเตียนว่ากิจกรรมที่เจ้าหญิงเป็นคนทรงติดต่อกับผู้ตาย เป็นสิ่งที่ต้องคัดค้านอย่างยิ่ง และยังมีบิชอปอีกสังฆมณฑลหนึ่งประกาศว่า การสนทนากับเทวดาไม่เหมือนกับการสื่อสารกับผู้ตาย พร้อมเตือนไม่ให้เจ้าหญิงก้าวข้ามเส้นแบ่งนี้ นิวยอร์กไทมส์รายงาน

ปมขัดแย้งนี้ยุติได้ โดยเว็บไซต์ของ Soulspring ออกคำแถลงตัดขาดจากพระสหาย มีการระบุชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการติดต่อกับผู้ตาย และประกาศว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ภารกิจของ Soulspring รอยัลตี้กรุ๊ปฯ รายงานไว้อย่างละเอียด

ในท่ามกลางแรงกดดันทั้งปวงตั้งแต่ปี 2001-2018 ธุรกิจของเจ้าหญิงดำเนินไปเรื่อยๆ และพระองค์ผลิตงานเขียนอีกหลายเรื่อง เช่น หนังสือรวมเทพนิยายพื้นบ้าน 67 เรื่องจาก 50 ประเทศ ซึ่งออกมาในปี 2007 ต่อมาในปี 2009 ทรงออกหนังสืออีก 2 เรื่อง ได้แก่ พบกับเทวดาผู้พิทักษ์ของคุณ กับ ความลับเกี่ยวกับเทวดา: ธรรมชาติและภาษาของเทวดา และวิธีเปิดตัวคุณไปสู่เทวดา

อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ ทรงต้องปิดกิจการศูนย์บำบัดทางเลือก โรงเรียนเทวดา หลังจากที่กระบวนการหย่าร้าง อาริ เบห์น เสร็จสิ้นในปี 2017 ทั้งนี้ เดลิเมลออนไลน์แตะถึงเรื่องนี้ในสกู๊ปเดือน พ.ค. 2019 ว่ากิจการนี้ถูกปิดเพราะไม่สามารถทำเงินอย่างแต่เดิม

ขณะใช้ชีวิตในสหรัฐฯ เจ้าหญิงทรงตระเวนไปตามรัฐต่างๆ เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเทพนิยายสำหรับเด็กเรื่อง Why Kings and Queens Don’t Wear Crowns ในภาพนี้ของอลิเซีย วิลเลียมส์ ถ่ายไว้ในปี 2006 ทรงแจกลายเซ็นแก่คุณหนูคุณน้องแฟนหนังสือที่รัฐมินเนโซตา

เจ้าหญิงมาร์ธากับพระสวามีอยู่ในงานพระราชพิธีที่สวีเดนในปี 2013 อาริ เบห์น เริ่มติดเหล้าและหมกมุ่นอยู่ในความทุกข์ส่วนตัวแล้ว ขณะที่ความรักยังอบอุ่นทรงพลัง
ความรักมีอายุ 16-17 ปี อาริ ทำงานหนัก ดื่มหนัก หมกมุ่นในความทุกข์ ด้านเจ้าหญิงตรัสว่าเราห่างเหินกัน

รักไม่ใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง

รักที่เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ มีต่อ อาริ เบห์น ก็ไม่ได้อายุยืนยาวหลายร้อยล้านปีเฉกเช่นดาวฤกษ์ดวงใด

หลังพระราชพิธีเสกสมรสเมื่อ 2002 ผ่านไปหนึ่งทศวรรษครึ่งโดยมีธิดาด้วยกันสามหญิง ก็มีการประกาศในเดือน ส.ค.2016 ว่าทั้งสองได้เข้าสู่กระบวนการหย่าร้าง โดยเจ้าหญิงทรงบอกว่าพระองค์และพระสวามีห่างเหินและแปลกแยกจากกัน เดลิเมลออนไลน์รายงาน ทั้งนี้ การหย่าร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2017

การมีญาณทิพย์ของเจ้าหญิงมาร์ธามิอาจเยียวยาปัญหาในชีวิตสมรสของพระองค์เอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในเมื่อ อาริ เบห์น เป็นคนบ้างาน ดื่มหนัก หมกมุ่นกับการผลิตงานศิลปะและงานวรรณกรรม หนำซ้ำยังต้องถูกบรรดานักวิจารณ์เชือดเฉือนดวงใจด้วยถ้อยคำร้ายกาจ เช่น คำโจมตีว่าเขาเป็นศิลปินจอมปลอม

อาริ เบห์น กล่าวออกสื่อแบบแพลมๆ ถึงปัญหาชีวิตสมรสตั้งแต่ปี 2009 ในระหว่างการให้สัมภาษณ์เปิดใจแก่นิตยสารแมสซิฟ โดยเล่าถึงการต่อสู้กับปัญหาทางจิตทั้งความรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ และโดดเดี่ยว ตลอดจนการต่อสู้กับการดื่มเหล้าหนักหน่วง

“ผมทำงานต่อเนื่องจนถึงเที่ยง แล้วบางวันผมเริ่มดื่มเหล้าแก้วแรกตั้งแต่บ่ายครึ่ง ต่อมา เรื่องแบบนี้เกิดบ่อยขึ้น และน่าเสียใจมากครับมันกลายเป็นความเคยชินไม่ดีที่ผมสร้างด้วยตนเอง” นักเขียนคนดังเล่าแก่นักข่าวของแมสซิฟ

เขาเล่าด้วยว่ารู้สึกหวั่นว่าการต่อสู้กับโรคพิษสุราเรื้อรังจะส่งผลเสียหายต่อความเป็นพ่อของลูกสาวน่ารักทั้งสาม

อาริ เบห์น ไม่ประสบความสำเร็จมากนักในด้านจิตรกรรม ในเดือน มี.ค.2019 เขาและเพื่อนศิลปินอีกสองคนนำผลงานไปจัดนิทรรศการภาพเขียนในลอสแองเจลิส

เจ้าหญิงมาร์ธาทรงเลือกภาพนี้ของอดีตพระสวามีเป็นภาพประกอบการเขียนไว้อาลัย หลังการอัตวินิบาตกรรม
นอกจากนั้น เขาเปิดใจว่าชีวิตของเขานับวันมีแต่จะ “โดดเดี่ยวมากขึ้นและมากขึ้น” พร้อมกับทำนายชะตากรรมตนเองไว้อย่างแม่นยำน่าขนลุก ... เขาคงจะต้องตายตามลำพัง

“ผมจะต้องตายโดยไม่มีใครอยู่เคียงข้าง แต่ในตอนนั้น ความว้าเหว่และความทุกข์ตรมจะเกาะอยู่กับผมอย่างพร้อมหน้า” อาริกล่าวและบอกด้วยว่า “มันเหมือนกับว่าผมไม่เคยจะสามารถต่อติดกับผู้ใดได้จริงๆ” นิวซีแลนด์ เฮอรัลด์นำเสนออย่างนั้น

ขณะที่การเลิกราหย่าร้างส่งผลเจ้าหญิงมาร์ธาต้องทรงเลิกกิจการโรงเรียนเทวดานั้น การหย่าร้างได้ทำให้ชีวิตของ อาริ ผู้หดหู่และอ้างว้างถึงกับล่มสลาย เขาหลบหนีชีวิตจริงไปหมกมุ่นกับการเขียนภาพและการผลิตนวนิยายเรื่องสุดท้าย คือ Inferno (ไฟนรก) หนังสือเล่มนี้ที่วางตลาดในปี 2018 และได้รับความนิยมสูงยิ่ง เป็นงานเขียนที่เปิดเผยถึงการต่อสู้กับปัญหาทางจิตของตัวเขาไว้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งรวมถึงอาการจากความเครียดรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการประสาทหลอนเห็นภาพที่ไม่มีอยู่จริง ปวดศีรษะรุนแรง หายใจไม่ได้ นอกจากนั้น ยังสะท้อนถึงความเจ็บปวดที่ถูกสะสมจากคำวิจารณ์เชิงลบต่างๆ นานา ซึ่งเย้ยหยันว่าเขาไม่เก่งจริง เดลิเมลออนไลน์ และเอลมอนโดของสเปนรายงาน

เดลิเมลออนไลน์นำเสนอบทสัมภาษณ์ที่ อาริ เบห์น ให้กับหนังสือพิมพ์ แวร์เดนส์ กาง (วีจี) สื่อแท็บลอยด์ยักษ์ของนอร์เวย์ ในช่วงโปรโมตหนังสือ Inferno ปี 2018 ราวกับจะฝากไปถึงอดีตภริยา ว่า “ผมเป็นอดีตไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครบอกให้โลกทราบ ในยามที่ย่ำแย่ที่สุดผมคือไอ้ตัวตลก ในยามที่รุ่งเรืองที่สุดผมเป็นนักเล่าเรื่อง แต่สำหรับหลายๆ คน ผมเป็นไอ้งั่ง”

อาริ เบห์น อยู่ในภาวะเครียดและเศร้าขณะให้สัมภาษณ์แก่เอพี เมื่อปี 2016 อันเป็นห้วงที่เขาและเจ้าหญิงมาร์ธาแยกทางกัน และกระบวนการหย่าร้างได้เสร็จสิ้นในปีถัดมา

อาริ เบห์น ก้าวออกจากความทุกข์ทรมานอันเรื้อรังด้วยการจบชีวิตตนเองในวันคริสต์มาส ปี 2019 เจ้าหญิงทรงสะเทือนพระทัยอย่างที่สุด ในสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งทรงบอกว่า เราทั้งสองได้พยายามในทุกวิถีทาง แต่เราไม่สามารถฟื้นความสัมพันธ์กลับไปยังจุดที่เราเคยเป็น
อาริ เบห์น ยอมรับว่าเขาทนทุกข์จากความรู้สึกหดหู่อ้างว้างที่เล่นงานเขาอย่างหนักหลังการหย่าร้าง เอลมอนโดเล่าโดยอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ที่ อาริ ให้ไว้กับสื่อค่ายหนึ่งของนอร์เวย์ ดังนี้

“หลังจากผมกับเจ้าหญิงหย่ากัน ผมถูกความหวั่นกลัวเล่นงาน การหย่าร้างทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังตายลงอย่างช้าๆ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมตายทีละน้อยทุกวัน”

นี่คือผู้ชายสามัญชนคนไม่ธรรมดา ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ดึงดูดให้เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์นอร์เวย์ รู้สึกปลาบปลื้มว่า “พบแล้ว” บุรุษที่มองเห็นตัวตนแท้จริงของพระองค์

“พบแล้ว ... แต่ไม่ใช่” ความสัมพันธ์ที่แท้จริงคงจะเป็นอะไรประมาณนี้ เพราะพระเอกของเจ้าหญิงช่างมากมายด้วยปมซับซ้อน ซ้ำยังเขายังมีช่องกลวงและเวิ้งว้างภายในใจกลางวิญญาณ ซึ่งอาจจะต้องคำสาปที่กีดกันไม่ให้ผู้ใดสามารถอัดฉีดเติมเต็มให้เขาได้ แม้เขาจะมีสาวสวยนักกฎหมายมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย มาคอยช่วยดูแลตั้งแต่ปี 2018 ก็ตาม

และในปลายปี 2018 เดียวกันนั้นเอง เจ้าหญิงมาร์ธา ลุยเซอ อดีตภรรยาของเขา ได้ปลูกต้นรักใหม่ โดยทรงพบชายในฝัน คนที่ใช่ คนที่มองเห็นตัวตนแท้จริงของพระองค์ได้ลึกซึ้งกว่าคนแรก

ผู้ชายคนนั้นคือ ดูเร็ก แวร์เรตต์ หนุ่มอเมริกัน-แอฟริกันที่เป็นไบเซ็กชวลผิวดำสนิท และเป็นผู้วิเศษ-หมอผีชาแมนยุคใหม่ไฮเทค ซึ่งให้บริการบำบัดรักษาสุขภาพกายและจิตใจของเซเลบจำนวนมากในวงการฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกา

ทั้งสองควงคู่กันอย่างแนบแน่น และต่อมา ในต้นเดือน พ.ค.2019 เจ้าหญิงมาร์ธาประกาศผ่านอินสตาแกรมแบบไม่แคร์สื่อว่า ทรงรักใคร่และคบหาดูใจกับชาแมนดูเร็กเป็นที่แน่นอนแล้ว ในการนี้ ท่านผู้ชมในนอร์เวย์พากันสงสารเห็นใจ อาริ เบห์น ว่าหมดโอกาสแน่นอนที่นักเขียนหัวใจบอบช้ำจะกลับไปกอบกู้สัมพันธ์กลับคืนมาได้

และแล้ว ชาวนอร์วีเจียนต้องปิดศักราช 2019 ด้วยข่าวอันน่าตระหนกว่า อาริ เบห์น ที่พวกเขาติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดละม้ายเรียลิตีโชว์ ได้ปลิดชีวิตตนเอง ก้าวออกจากความทุกข์กายทุกข์ใจและความป่วยไข้ ขณะอยู่ในบ้านตามลำพังในคืนคริสต์มาส ปี 2019 อันเป็นวันซึ่งพระคู่รักของเจ้าหญิง ได้ร่วมพิธีมิสซาฉลองคริสตสมภพด้วยกันกับพระราชวงศ์

พิธีมิสซาอุทิศแก่ดวงวิญญาณของอาริ เบห์น ถูกจัดอย่างสมเกียรติของอดีตพระราชบุตรเขย คิงฮารัลด์ ควีนซอนญา ตลอดจนเจ้าฟ้าชายโฮกุนและครอบครัว ทรงเข้าร่วมพิธี โดยมีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์สองช่อง ในภาพนี้ คุณพ่อคุณแม่ของอาริ เบห์น ขึ้นกล่าวไว้อาลัยอย่างทุกข์ตรม

เจ้าหญิงมาร์ธาทรงนำพระธิดาองค์โตเป็นตัวแทนครอบครัวกล่าวคำไว้อาลัยคุณพ่ออาริ เบห์น คำกล่าวนี้ที่คุณม็อดเขียนจากดวงใจ ได้รับคำนิยมยกย่องว่าซาบซึ้งและน่าประทับใจ
หมอผีฮอลลีวูดเดินทางกลับสู่ชีวิตและธุรกิจชาแมนในสหรัฐฯ ขณะที่ดอกฟ้าราชนิกุลของเขาแบกรับเสียงติเตียนจากสังคมว่าพระองค์และพระคู่รักคือปัจจัยกดดันนักเขียนแสนที่จะเก่งแสนที่จะน่าสงสารของประชาชน ให้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ในเวลาเดียวกัน พระราชวงศ์รับผิดชอบการจัดพิธีศพ โดยกษัตริย์เฮรัลด์ที่ 5 ควีนซอนญา และมกุฎราชกุมารโฮกุนทรงให้เกียรติอย่างสูงแก่ อาริ เบห์น ผู้เป็นอดีตสมาชิกพระราชตระกูลยาวนาน 15 ปี

ทั้งนี้ แผนลั้นลาของพระคู่รักที่วางไว้สำหรับไตรมาส 1/2020 ต้องระงับทั้งหมดเพื่อเห็นแก่พระธิดาทั้งสามหญิงซึ่งยังสะเทือนใจกับการสูญเสียบิดาไปอย่างปุบปับ ยิ่งกว่านั้น การอาละวาดของโรคโควิด-19 ก็มีผลกระทบมหาศาล ทั้งการปิดประเทศและการบังคับใช้มาตรการอันเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดอกฟ้าราชนิกุลกับหมอผีอเมริกันต้องพรากจากกัน โดยมีโซเชียลมีเดีย กับแอป FaceTime ช่วยบรรเทาความรวดร้าว

ในเวลาเดียวกัน นั่นคือการเว้นวรรคให้แก่ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหญิงมาร์ธาและสาธารณชน โดยไม่มีใครคาดเลยว่าบรรยากาศทางสังคมในนอร์เวย์ ณ ปี 2022 จะปั่นป่วนฉกรรจ์กว่าที่เคยประสบกันในศักราชใดๆ

(โปรดติดตามอ่านตอนจบ --เบื้องลึกชีวิตรัก เจ้าหญิงกับหมอผีชาแมน https://mgronline.com/around/detail/9650000113215 )

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา : อีฟนิงสแตนดาร์ด แวนิตีแฟร์ NewsinEnglish ของนอร์เวย์ พีเพิล บีบีซี รอยัลตี้กรุ๊ปดอทแฟนด้อม นิวยอร์กไทมส์ เดลิเมลออนไลน์ นิตยสารแมสซีฟ นิวซีแลนด์เฮอรัลด์ เอลมอนโด เอพี รอยเตอร์ เอเอฟพี)



กำลังโหลดความคิดเห็น