พรรคเดโมแครตในวันอาทิตย์(13พ.ย.) ฉลองชัยชนะอันน่าตื่นตะลึง ยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ปล่อยให้รีพับลิกันตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย มอบพื้นฐานแรงสนับสนุนอันสำคัญยิ่งทั้งทางการเมืองและกฎหมาย แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของวาระดำรงตำแหน่ง
แม้ชะตากรรมของสภาผู้แทนราษฏรยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่การสามารถยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเอาไว้ได้ในศึกเลือกตั้งกลางเทอม พรรคเดโมแครตสามารถตีความได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของพวกเขา หลังจากก่อนหน้านี้หลายคนคาดเดาว่าพรรคเดโมแครตจะประสบความพ่ายแพ้แบบโดนทิ้งห่าง "ผมรู้สึกดี และตั้งตาคอยสำหรับ 2 ปีข้างหน้า" ไบเดน กล่าวขณะร่วมประชุมซัมมิตกับพวกผู้นำอาเซียนในกัมพูชา
วุฒิสภาทำหน้าที่รับรองการแต่งตั้งคณะผู้พิพากษารัฐบาลกลางและคณะรัฐมนตรี และการมีสภา 100 ที่นั่งแห่งนี้อยู่ในมือ ถือเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงสำหรับประธานาธิบดีไบเดน ในขณะที่เขาต้องเสาะแสวงหาหนทางรักษาวาระนโยบายทางการเมืองของตนเองให้อยู่บนเส้นทาง
ปกติแล้วศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ประชาชนมักปฏิเสธพรรคที่อยู่ในทำเนียบขาว และท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานกับคะแนนนิยมระดับต่ำของไบเดน พรรครีพับลิกันจึงคาดหมายว่าจะเกิด "คลื่นสีแดง" และกุมเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภา ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน
การตัดสินชี้ขาดสำหรับการควบคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันเสาร์(12พ.ย.) หลังสำนักข่าวต่างๆของสหรัฐฯ ชี้ว่า แคเทอรีน คอร์เตซ มาสโต ผู้สมัครจากเดโมแครต คว้าชัยในรัฐเนวาดา ส่งผลให้ทางพรรคเดโมแครต ได้เก้าอี้ 50 เสียงที่จำเป็นสำหรับครองเสียงข้างมาก
ด้วยที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส สามารถใช้สิทธิ์ออกเสียงได้ในกรณีผลโหวตในวุฒิสภาออกมาเสมอกัน 50-50 และศึกชิงชัยเก้าอี้วุฒิสภายังไม่สามารถตัดสินได้อีก 1 ที่นั่งในจอร์เจีย ซึ่งมีกำหนดเลือกตั้งรอบชี้ชะตาในวันที่ 6 ธันวาคม ดังนั้นทางพรรคเดโมแครตก็อาจเพิ่มเติมเสียงข้างมากของพวกเขาได้อีก
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหนึ่งในสมาชิกรีพับลิกันชื่อดังที่สุดที่ร่วมวงศึกรณรงค์หาเสียงตั้งกลางเทอมครั้งนี้ แต่ผลงานของทางพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้สมัครหลายคนที่เขาให้การรับรองเป็นการส่วนตัว ประสบความพ่ายแพ้ มันกำลังก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่เขา
ในส่วนของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏร ในวันอาทิตย์(13พ.ย.) อวดอ้างว่าพรรคเดโมแครตของเธอทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมเย้ยหยันผ่านซีเอ็นเอ็น ว่า "คลื่นสีแดง" รีพับลิกัน ที่คาดหมายโดยพวกผู้สันทัดกรณีและรีพับลิกันเอง พังครืนลงเหลือแค่เศษเล็กๆน้อยๆ
ขณะเดียวกันทางรีพับลิกันต้องหันกลับมาพิจารณาความผิดพลาดต่างๆนานา ในความคาดหวังว่ากระแสลมทางการเมืองจะหวนคืนสู่พวกเขาอีกครั้งในศึกเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้า
ตามหลังการคาดการณ์ว่าเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทาง จอช ฮาวลีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน เรียกร้องทางพรรคให้สร้างบางอย่างที่เป็นสิ่งใหม่ขึ้นมา "พรรคแบบเดิมๆตายแล้ว ถึงเวลาที่ต้องฝังมัน" เขาทวีตข้อความ
ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการตอกย้ำคำกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐาน ว่ามีการโกงเลือกตั้ง โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์ม ทรัตช์ โซเชียล ว่าผลเลือกตั้งเป็นผลจากกลโกง และชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่ มิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำรีพับลิกันในวุฒิสภา
"มันเป็นความผิดพลาดของ มิตช์ แมคคอนเนลล์" เขาโพสต์ โดยอ้างว่าแกนนำจากเคนทักกีทำงานได้อย่างย่ำแย่ในการจัดสรรงบหาเสียงและเสาะหาข้อบกพร่องในวาระทางกฎหมาย "เขาทำลายศึกเลือกตั้งกลางเทอม ทุกๆคนดูถูกเขา" ทรัมป์กล่าว ทั้งนี้ ทรัมป์ มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับ แมคคอนเนลล์ มานานแล้ว
รีพับลิกันยังคงถูกยกว่าท้ายที่สุดแล้วจะกุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร แต่เสียงข้างมากดังกล่าวถือกว่าน้อยกว่าอย่างมาก จากที่พวกเขาคาดหวังไว้ก่อนถึงศึกเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร(8พ.ย.)
มันยังคงไม่ชัดเจนว่าผลงานที่ย่ำแย่ของรีพับลิกันในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสถานะของทรัมป์ในพรรค เช่นเดียวกับความทะเยอทะยานกลับสู่ทำเนียบขาวของเขา
แม้บรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรคหลายคน ส่งเสียงแนะนำว่าถึงเวลาแล้วที่จำเป็นต้องก้ามข้ามสไตล์ผู้นำที่เฉียบขาดและโหมกระพือทฤษฎีสมคบคิดแบบทรัมป์ แต่ขณะเดียวกันอดีตประธานาธิบดีรายนี้ยังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากพวกผู้สนับสนุนรากหญ้า และการแข่งขันกับเขาในศึกชิงตัวแทนพรรค จะเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวง
แลร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ จากรีพับลิกัน ที่กำลังพ้นตำแหน่ง คือหนึ่งในว่าที่ผู้ท้าชิงดังกล่าว และเขาบอกว่าทางพรรคจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทางแล้วเดินหน้าต่อไป
"มันเป็นศึกเลือกตั้งครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความเสียหายแก่เราในศึกชิงชัย" โฮแกนกล่าวกับซีเอ็นเอ็น "ชัดเจนว่า มันคงบ้ามาก หากทำเรื่องเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วหวังผลลัพธ์ที่ต่างออกไป"
(ที่มา:เอเอฟพี)