ความหวังของชาวรีพับลิกันที่จะได้เห็น “คลื่นสีแดง” กวาดชัยชนะ ทำให้พรรคสามารถเข้าครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทำท่าว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อผลการนับคะแนนจนถึงเช้าวันพุธ (9 พ.ย.) แสดงว่าพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงได้รับความสนับสนุนอย่างแข็งแรงกว่าที่คาดหมายกันไว้
ขณะที่การนับคะแนนผลการเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอังคาร (8) ผ่านพ้นไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว พรรครีพับลิกัน ซึ่งมีสีแดงเป็นสีสัญลักษณ์ ดูเหมือนยังอยู่ในเส้นทางที่จะยึดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรกลับคืนมาอย่างที่คาดหมายกันทั่วไป ทว่าสำหรับวุฒิสภาแล้ว การแข่งขันยังคู่คี่เกินกว่าจะตัดสินชี้ขาดกันได้ และต้องลุ้นดูผลคะแนนที่ยังเหลืออยู่ต่อไปอีก โดยมีความโน้มเอียงว่าเดโมแครต หรือพรรคสีน้ำเงิน จะเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ถึงแม้รีพับลิกันต้องการที่นั่งเพิ่มสุทธิขึ้นมาเพียง 1 ที่นั่งเท่านั้นก็จะสามารถควบคุมสภาสูงได้แล้ว แต่ผลการนับคะแนนจนถึงเช้าวันพุธ (9) พบการเปลี่ยนแปลงเดียวคือ จอห์น เฟตเตอร์แมน ผู้สนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจก้าวหน้าของเดโมแครต คว้าชัยชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย เหนือผู้สมัครของรีพับลิกัน คือ เมห์เม็ต ออซ คุณหมอคนดังที่ได้รับการรับรองจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ส่วนสภาผู้แทนราษฎรนั้น ผลการนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่า รีพับลิกันกำลังจะแย่งชิงอำนาจควบคุมมาจากเดโมแครต แต่ไม่ได้ชนะถล่มทลายอย่างที่คาดหวังไว้
เควิน แมคคาร์ธี ผู้นำของรีพับลิกันในสภาล่าง ซึ่งเป็นตัวเก็งที่จะได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนต่อไป ถ้าพรรคของเขาครองเสียงข้างมากสำเร็จ ประกาศกับผู้สนับสนุนในคืนวันอังคารว่า เห็นได้ชัดว่า รีพับลิกันกำลังจะได้สภาผู้แทนฯ คืน
ทว่า วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม ส.ว.ทรงอิทิพลของรีพับลิกันที่เป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ ยอมรับกับเครือข่ายทีวีเอ็นบีซีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่ การไหลบ่าของ “คลื่นรีพับลิกัน” อย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา พรรคของประธานาธิบดีมักเสียเก้าอี้ในสภาในการเลือกตั้งกลางเทอม และขณะนี้ความสนใจพุ่งไปที่การชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกในไม่กี่รัฐ ซึ่งรวมถึงจอร์เจีย เนวาดา แอริโซนา และวิสคอนซิน
หนึ่งในสนามเลือกตั้งที่มีผู้ชนะเด็ดขาดคือ รัฐฟลอริดาที่รอน ดีแซนทิส ได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการรัฐต่ออีกสมัย และเสริมส่งบารมีในฐานะแคนดิเดตสำคัญในการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงทำเนียบขาวในปี 2024
ดีแซนทิสที่โด่งดังจากการลุกขึ้นมาต่อต้านมาตรการสกัดโควิดของรัฐบาลกลางและสิทธิ์ของผู้ข้ามเพศ ถูกคาดหมายว่า จะได้คะแนนมากกว่าคู่แข่งที่เป็นอดีตผู้ว่าการของเดโมแครต 20%
อย่างไรก็ตาม หากผู้ว่าการรัฐวัย 44 ปีผู้นี้คิดว่า ชัยชนะล่าสุดเป็นใบเบิกทางสู่ทำเนียบขาวในอีก 2 ปี มีแนวโน้มว่า เขาต้องเผชิญความท้าทายหนักหน่วงจากชาวฟลอริดาอีกคนคือทรัมป์ที่เกริ่นว่า จะประกาศข่าว “น่าตื่นเต้น” วันที่ 15 ที่จะถึง
ทรัมป์ยังประโคมข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลเรื่องที่อ้างว่า ตนเองถูกปล้นการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และในครั้งนี้เขายังร่วมกับแครี่ เลค ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแอริโซนาที่เขาเลือก กล่าวหาว่า มีความไม่ชอบมาพากล หลังจากเจ้าหน้าที่ในเมืองมาริโคปาเผยว่า 20% ของคูหาเลือกตั้ง 223 แห่งมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีประชาชนที่ถูกปฏิเสธสิทธิ์ในการลงคะแนน
ขณะเดียวกัน มอรา ฮีลลีย์ จากพรรคเดโมแครต มีแนวโน้มสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้ว่าการรัฐเลสเบี้ยนคนแรกในอเมริกาและรัฐแมสซาชูเสตส์ ส่วนที่รัฐนิวยอร์ก เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐของเดโมแครต มีคะแนนนำผู้ท้าชิงจากรีพับลิกัน
อย่างไรก็ดี กระแสการคาดการณ์ที่ว่า รีพับลิกันอาจได้กลับเข้ายึดสภาผู้แทนฯ ทำให้เกิดความกังวลกันว่า คณะบริหารของไบเดนกำลังจะเจองานหนักในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ในช่วง 2 ปีที่เหลือ
สจวร์ต โคล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มหภาคของอิควิติ แคปิตอล กล่าวว่า การเผชิญทางตันระหว่างไบเดนกับคองเกรสและสภาผู้แทนฯ ที่รีพับลิกันควบคุม มีแนวโน้มทำให้คณะบริหารไม่สามารถขึ้นภาษีได้ อีกทั้งยังถูกจำกัดการใช้จ่าย ซึ่งเท่ากับว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)