ผู้นำเดโมแครต-รีพับลิกันลุยช่วยลูกพรรคหาเสียงในวันจันทร์ (7 พ.ย.) อันเป็นวันสุกดิบก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งปีนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษทั้งในเรื่องช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน และการปูทางการกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์
พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเจอศึกหนักในความพยายามที่จะรักษาอำนาจในรัฐสภาเอาไว้ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันอังคาร (8) ซึ่งไบเดนป่าวร้องว่า จะเป็นการชี้ขาดประชาธิปไตยของอเมริกา ถึงแม้ประเด็นหาเสียงส่วนใหญ่เน้นหนักที่ปัญหาซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประชาชนคนธรรมดาอย่างภาวะเงินเฟ้อก็ตาม
ฝ่ายรีพับลิกันนั้นดูผ่อนคลายสบายใจกว่าเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีชัยในการแย่งชิงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แถมสมาชิกหลายคนของเดโมแครตหวาดกลัวว่า อาจสูญเสียอำนาจควบคุมวุฒิสภาไปด้วย ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับไบเดนในการผลักดันกฎหมายใหม่ๆ ในช่วง 2 ปีที่เหลืออยู่ในทำเนียบขาว
เวลาเดียวกัน ผลสำรวจชี้ว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่กังวลกับเศรษฐกิจและรู้สึกว่า อเมริกาเดินผิดทาง ซึ่งกลายเป็นข่าวดีสำหรับพวกผู้สมัครจากรีพับลิกันในบรรดาเขตเลือกตั้งที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนชัยชนะไกลเกินเอื้อม
การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้เดิมพันคือเก้าอี้ทั้ง 435 ที่นั่งในสภาล่าง และ 1 ใน 3 ของที่นั่งทั้งหมด 100 ที่นั่งในสภาสูง นอกจากนั้น ยังมีการเลือกตั้งต่างๆ ในระดับท้องถิ่น เป็นต้นว่า ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐจำนวนกว่า 1 ใน 3 ทั่วประเทศ
คอรี บุ๊กเกอร์ วุฒิสมาชิกเดโมแครตจากนิวเจอร์ซีย์ พยายามมองในแง่ดี เมื่อให้สัมภาษณ์เอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (6) ว่า แม้พรรคที่ครองทำเนียบขาวมักแพ้การเลือกตั้งกลางเทอม แต่ความจริงก็คือ เดโมแครตยังมีโอกาสมากซึ่งไม่ใช่แค่รักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาเท่านั้น แต่ยังจะได้ที่นั่งเพิ่มด้วย
พวกผู้สมัครเดโมแครต ยังฝากความหวังไว้กับอดีตประธานาธิบดีที่ได้รับความนิยมที่สุดของพรรค ซึ่งรวมถึงบารัค โอบามา และบิลล์ คลินตัน ที่มาช่วยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายด้วย
ฝ่ายรีพับลิกันนั้นอาจมีรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองน้อยกว่า กระนั้น สปอตไลต์การเมืองช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจับจ้องอยู่ที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังหยั่งเชิงสำรวจความเป็นไปได้ในการลงสมัครชิงทำเนียบขาวอีกครั้งในปี 2024
ทั้งไบเดน และทรัมป์จะลุยหาเสียงในวันสุดท้ายคือวันจันทร์ (7) โดยไบเดนปักหลักหาเสียงในรัฐแมริแลนด์ ส่วนทรัมป์จะไปช่วยผู้สมัครชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกในรัฐโอไฮโอ
ทั้งนี้ โมเมนตัมการเมืองดูเหมือนเคลื่อนออกจากเดโมแครตเสียแล้ว นับจากฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยผลสำรวจที่ออกมาหลังๆ นี้ต่างชี้ว่า รีพับลิกันมีโอกาสในระดับตัวเลข 2 หลักทีเดียวในการครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทน ซึ่ง เกลนน์ ยังกิน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียจากพรรครีพับลิกัน เตือนว่า จะถือเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับไบเดน
สำหรับวุฒิสภานั้น ขณะนี้ 2 พรรคใหญ่ครองที่นั่งเท่ากันพรรคละ 50 ที่นั่ง แต่เดโมแครตจะได้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ในฐานะเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง มาช่วย ถ้าคะแนนเสียงเกิดเท่ากัน จึงถือว่ามีเสียงข้างมากแบบเฉียดฉิว
เดโมแครตวาดหวังว่าจะสามารถรักษาสถานะเช่นนี้เอาไว้ต่อไป ทว่าการชิงชัยตำแหน่งวุฒิสมาชิกในหลายรัฐ เช่น เพนซิลเวเนีย เนวาดา วิสคอนซิน จอร์เจีย นิวแฮมป์เชียร์ และโอไฮโอ ผู้สมัครของ 2 พรรคมีคะแนนนิยมคู่คี่กันมาก
เดโมแครตนั้นชูประเด็นเรื่องการป้องกันรักษาสิทธิในการเลือกตั้ง การปกป้องการทำแท้งและสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งการต่อสู้กับการคุกคามของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์เกี่ยวกับทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดทางการเมือง
ด้านรีพับลิกันโจมตีว่า ถ้าโหวตให้เดโมแครต ปัญหาเงินเฟ้อและอาชญากรรมจะไม่จบ และพยายามทำให้การเลือกตั้งกลางเทอมกลายเป็นการลงประชามติว่าพอใจประธานาธิบดีไบเดนหรือไม่
ไบเดนเองที่คะแนนนิยมรูดลงอยู่ที่ราว 42% พยายามเลี่ยงรัฐที่มีการแข่งขันดุเดือดที่สุด โดยเมื่อวันเสาร์ได้ขึ้นเวทีหาเสียงร่วมกับนายเก่าคือ โอบามา ที่เพนซิลเวเนีย และพยายามอวดอ้างความสำเร็จสำคัญ เช่น การจำกัดการกำหนดราคายาตามใบสั่งแพทย์ การเพิ่มกำลังผลิตไมโครชิป และการลงทุนมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านทรัมป์ที่ยังคงอ้างโดยไม่มีมูลต่อไปว่า ถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พร้อมทั้งกล่าวหาเดโมแครตทำให้อเมริกาตกต่ำ
ทั้งนี้ โพลจากเอ็นบีซีนิวส์ระบุว่า ผู้มีแนวโน้มไปใช้สิทธิ 48% ต้องการให้เดโมแครตครองทั้ง 2 สภา และ 47% อยากเห็นรีพับลิกันอยู่ในฐานะเช่นนั้น
กระนั้น โพลจากวอชิงตัน โพสต์-เอบีซี นิวส์พบว่า 80% ของผู้มีสิทธิออกเสียงที่มีแนวโน้มเลือกรีพับลิกันบอกว่า จะออกไปใช้สิทธิแน่นอน หรือไปใช้สิทธิล่วงหน้ามาแล้ว
(ที่มา : เอเอฟพี)