ชาวอเมริกันเข้าคูหาลงคะแนนในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคาร (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นที่คาดหมายกันว่าพรรครีพับลิกันน่าจะได้ชัยชนะครองเสียงข้างมากอย่างน้อยก็ในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งมีโอกาสที่จะยึดวุฒิสภาด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่จะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการผลักดันวาระต่างๆ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้มาจากพรรคเดโมแครต ในอีก 2 ปีที่เหลืออยู่ ตลอดจนจะเป็นเสมือนสปริงบอร์ดแห่งโอกาสสำหรับการลงแข่งขันชิงทำเนียบขาวอีกครั้งของโดนัลด์ ทรัมป์
“นี่คือวันเลือกตั้ง อเมริกา” ไบเดนซึ่งอยู่ในวัย 79 ปี ทวิตตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ขณะที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆ ในฝั่งอีสโคสต์เริ่มเปิดให้เข้าไปใช้สิทธิ “วันนี้ทำให้เสียงของคุณได้ยินกันถ้วนทั่ว ไปเลือกตั้ง”
สิ่งที่จะชิงชัยกันในการเลือกตั้งกลางสมัยนี้ ได้แก่ ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 435 ที่นั่ง ที่นั่ง 35 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่งของวุฒิสภา นอกจากนั้นยังมีการเลือกตั้งผู้บริหารและฝ่ายนิติบัญญัติตำแหน่งต่างๆ ในระดับรัฐและระดับท้องถิ่น รวมทั้ง 5 รัฐยังจัดการลงประชามติในเรื่องสิทธิการทำแท้ง
คาดกันว่าผลการเลือกตั้งส่วนแรกๆ จะเริ่มมีการประกาศออกมา หลังจากเวลา 19.00 น.ตามเวลาอีสโคสต์ของสหรัฐฯ หรือ 07.00 น.ของวันพุธ (9) เวลาเมืองไทย ทว่าในสนามแข่งขันชิงเก้าอี้สภาสูงและสภาล่างที่สำคัญๆ บางแห่ง ซึ่งคะแนนของคู่แข่งขันคู่คี่กันมาก อาจจะต้องใช้เวลาหลายวัน หรือกระทั่งหลายสัปดาห์กว่าที่จะได้เห็นผู้คว้าชัย รวมทั้งมีโอกาสสูงที่จะมีการคัดค้านผลและการฟ้องร้องกันติดตามมา
ในวันจันทร์ (7) ไบเดนปิดการหาเสียงเลือกตั้งกลางเทอมด้วยการย้ำว่า ชัยชนะของรีพับลิกันอาจทำให้สถาบันประชาธิปไตยของอเมริกาอ่อนแอลง ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณให้กองเชียร์รอการประกาศลงสนามชิงทำเนียบขาวอีกรอบในสัปดาห์หน้า
ไบเดนกล่าวต่อหน้าฝูงชนในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโบวี่ นอกกรุงวอชิงตันว่า อเมริกันชนกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งทุกคนต่างรู้ว่าประชาธิปไตยของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงและต้องช่วยกันปกป้อง
เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า รีพับลิกันจะได้ที่นั่งในสภาล่างเพิ่มขึ้นสุทธิอีกมากกว่า 5 ที่นั่ง และได้ครองเสียงข้างมากแทนเดโมแครต รวมทั้งมีโอกาสที่จะได้ที่นั่งในสภาสูงมากขึ้นสุทธิ 1 ที่นั่ง อันจะทำให้พวกเขามีเสียงข้างมากในวุฒิสภาเช่นกัน ทั้งนี้ การแข่งขันซึ่งคู่คี่ถูกจับตามองกันมากที่สุดคือ ที่นั่งวุฒิสภาในรัฐเพนซิลเวเนีย เนวาดา จอร์เจีย และแอริโซนา
รีพับลิกันโจมตีคณะบริหารของไบเดนว่าเป็นต้นเหตุปัญหาข้าวของแพงและอาชญากรรม ซึ่งเวลานี้เป็น 2 ประเด็นที่ประชาชนกังวลที่สุด นอกจากนั้น ผู้สมัครนับสิบคนของรีพับลิกันยังท่องคำกล่าวอ้างที่ปราศจากหลักฐานของอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ว่ามีการโกงการเลือกตั้งปี 2020 และผู้สมัครเหล่านี้บางคนอาจไปจบที่ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ หรือผู้ดูแลการเลือกตั้งในรัฐที่เป็นสนามแข่งดุเดือดและมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024
ทรัมป์นั้นอาศัยจังหวะการหาเสียงโค้งสุดท้ายส่งสัญญาณตอกย้ำว่า อาจกลับลงสนามอีกครั้ง โดยนัดหมายประกาศข่าวใหญ่ในวันที่ 15 ที่ฟลอริดา
ขณะเดียวกัน แม้ให้สัญญาส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาด แต่คนอเมริกันจำนวนมากยังไม่พอใจความเป็นผู้นำของไบเดน โดยผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอสส์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ ไบเดนได้คะแนนความนิยมเพียง 39%
ทั้งนี้ หากรีพับลิกันได้ครองสภาล่างหรือสภาสูง ความพยายามของไบเดนในการปกป้องสิทธิการทำแท้งและเป้าหมายสำคัญอื่นๆ ที่เดโมแครตต้องการผลักดันผ่านรัฐสภาอาจสิ้นสุดลง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้รีพับลิกันเปิดการไต่สวนประเด็นต่างๆ ในรัฐสภาที่อาจสร้างความเสียหายให้ทำเนียบขาว นอกจากนั้น วุฒิสภาที่นำโดยรีพับลิกันยังอาจขัดขวางการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งด้านตุลาการและบริหารของไบเดน
รอยเตอร์ยังรายงานว่า ถ้าครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ รีพับลิกันจะใช้เพดานหนี้ของรัฐบาลเป็นเครื่องมือกดดันให้ตัดลดการใช้จ่ายจำนวนมาก รวมทั้งอาจพยายามผลักดันให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2017 ของทรัมป์เป็นการถาวร และปกป้องการลดภาษีนิติบุคคลที่เดโมแครตพยายามยกเลิกมาตลอด 2 ปีแต่ไม่สำเร็จ
ขณะเดียวกัน การจู่โจมทำร้ายสามีของประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เพโลซี เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ยังทำให้กลัวกันว่า อาจเกิดความรุนแรงทางการเมือง แถมระหว่างการหาเสียงที่โอไฮโอเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ยังเรียกเพโลซี ว่า “สัตว์”
กระนั้น ทำเนียบขาวแถลงในวันเดียวกันว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่พบภัยคุกคามเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เฉพาะเจาะจงหรือน่าเชื่อถือแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีรายงานเหตุการณ์ผิดปกติในการลงคะแนนเลือกตั้ง
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)