ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ประกาศแต่งตั้ง ลี แจยอง หรือเจ.วาย.ลี ทายาทรุ่นที่ 3 ขึ้นเป็นประธานกรรมการของบริษัทอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) 2 เดือนหลังจากเขาได้รับอภัยโทษจากความผิดในการติดสินบนอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมกันนี้ บริษัทชิปและสมาร์ทโฟนแถวหน้าของโลกแห่งนี้ยังรายงานผลกำไรไตรมาส 3 ซึ่งปรากฏว่าร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ซ้ำมีแนวโน้มดีมานด์หดตัวตลอดครึ่งแรกปีหน้า
การประกาศเลื่อนตำแหน่งของ ลี คราวนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพียงการดำเนินการเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากในทางพฤตินัย เขาเป็นผู้บริหารกลุ่มกิจการซัมซุงมาตั้งแต่ปี 2014 ในตำแหน่งรองประธานกรรมการของบริษัท หลังจาก ลี คุนฮี พ่อของเขาซึ่งครองตำแหน่งประธานกรรมการ ป่วยหนักจากอาการหัวใจวาย เห็นกันว่าการที่เขาถูกฟ้องร้องในคดีติดสินบนรวมทั้งถูกจำคุกอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นสาเหตุที่ขัดขวางทำให้ซัมซุง ยังไม่สามารถโปรโมตเขา หลังจาก ลี คุนฮี เสียชีวิตเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ลี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 54 ปี กำลังเผชิญงานหนักหนายากเย็นที่สุดครั้งหนึ่งของเขา ในฐานะผู้นำของหนึ่งในบริษัทผลิตชิปความจำคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังเสียหายหนักจากสงครามยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติประเทศต่างๆ นำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฉุดยอดจัดส่งชิปและลดทอนผลกำไรของบริษัท
ไม่เพียงเท่านั้น ซัมซุง และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แห่งอื่นๆ ยังต้องรับมือผลกระทบจากมาตรการจำกัดกีดกันของทางการสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งขัดขวางการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์การผลิตชิประดับก้าวหน้าล้ำยุคให้แก่จีน โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นความพยายามป้องกันไม่ให้จีนนำเทคโนโลยีของอเมริกาไปพัฒนากองทัพแดนมังกร แต่ถูกปักกิ่งตอบโต้ว่าวอชิงตันมุ่งหวังขัดขวางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของจีน ที่ทำท่าเป็นภัยคุกคามต่อฐานะความเป็นเจ้าเหนือใครทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เวลาเดียวกัน พวกนักวิจารณ์ก็ชี้ว่า การกระทำเช่นนี้กำลังสร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมไม่ว่าจะเป็นบริษัทอเมริกันหรือบริษัทต่างชาติ เนื่องจากจีนเวลานี้คือตลาดเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสัดส่วนเกือบๆ หนึ่งในสามของตลาดโลก
คณะกรรมการบริหารของซัมซุง แถลงถึงการอนุมัติเลื่อนตำแหน่งลีคราวนี้ โดยอ้างอิงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั่วโลกที่ไร้ความแน่นอน และความจำเป็นที่ต้องยกระดับความรับผิดชอบและเสถียรภาพทางธุรกิจ ซึ่งสามารถเป็นไปได้ภายใต้การนำของลี
ขณะที่ ลี แถลงระหว่างการประชุมมกับพวกผู้บริหารระดับท็อปของบริษัทเมื่อวันอังคาร (25) ว่า ซัมซุงอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องการการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและห้าวหาญ
ภายหลังที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว ลีกล่าวในข้อความที่โพสต์ทางกลุ่มออนไลน์ภายในของบริษัทว่า ความอยู่รอดของบริษัทขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแห่งอนาคต และยืนยันว่า ซัมซุงสามารถพลิกวิกฤตนี้เป็นโอกาส ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป
ตัว ลี เองเพิ่งออกจากเรือนจำเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล
ทั้งนี้ ลีถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดในปี 2017 จากการติดสินบนอดีตประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย และคนสนิท เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนการควบรวมระหว่างบริษัทในเครือ 2 แห่งของซัมซุง ซึ่งช่วยกระชับอำนาจการควบคุมอาณาจักรซัมซุงของลี โดยพัค และคนสนิทถูกพิพากษาว่า ทำผิดเช่นเดียวกัน และทำให้ชาวเกาหลีใต้ออกมาประท้วงใหญ่นานหลายเดือนเพื่อเรียกร้องให้ยุติความสัมพันธ์ลับระหว่างภาคธุรกิจกับการเมือง และสุดท้ายการประท้วงนี้ทำให้พัคหลุดจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ลียังคงถูกไต่สวนในข้อกล่าวหาปั่นราคาหุ้นและละเมิดการตรวจสอบเกี่ยวกับการควบรวมกิจการในปี 2015
การประกาศแต่งตั้งลีเป็นประธานกรรมการคนใหม่ครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ซัมซุงรายงานว่า กำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ร่วงลงถึง 31% ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานของซัมซุงในไตรมาสดังกล่าวลดจาก 15.8 ล้านล้านวอน (11,000 ล้านดอลลาร์) ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 10.85 ล้านล้านวอน (7,700 ล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับจากไตรมาส 4 ปี 2019
ซัมซุงระบุว่า ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มบ่อนทำลายอุปสงค์อย่างน้อยตลอดครึ่งแรกของปีหน้า และอุปสงค์จะฟื้นตัวปลายปีหน้าโดยเฉพาะชิปที่จำเป็นสำหรับศูนย์ข้อมูลและผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ใหม่ๆ
อนึ่ง เมื่อวันพุธ (26) เอสเค ไฮนิกส์ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของเกาหลีใต้อีกรายหนึ่งแต่มีขนาดเล็กกว่าซัมซุง เพิ่งประกาศว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ลดลงถึง 60% และบริษัทจะลดการลงทุนในปีหน้าลงกว่า 50% โดยอ้างอิงสภาพตลาดที่เสื่อมถอยลงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี)