xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนทำขาดทุนป่นปี้!! หุ้นบริษัทชิป-เทคโนโลยีทั่วโลกแดงเถือก เม็ดเงินหายหลายแสนล้านเหรียญ หลังสหรัฐฯยิ่งคุมเข้มส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ให้จีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาหุ้นของพวกบริษัทชิปชั้นนำทั่วเอเชียร่วงกราวในวันอังคาร (11 ต.ค.) ตามหลังตลาดหุ้นด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ รวมแล้วสูญเสียมูลค่าไปเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์ สืบเนื่องจากวอชิงตันเพิ่มบังคับใช้มาตรการแข็งกร้าว ห้ามบริษัทอเมริกันรวมทั้งบริษัทต่างชาติขายชิปบางอย่างที่ใช้สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ตลอดจนเครื่องจักรอุปกรณ์ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ให้แก่บริษัทจีน


ในคำสั่งอัปเดตล่าสุดควบคุมการส่งออกที่สหรัฐฯประกาศออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (7) คราวนี้ นอกจากครอบคลุมการส่งออกพวกเซมิคอนดักเตอร์ระดับก้าวหน้าสามารถทำงานได้ในระดับสูงๆ ไปให้แก่พวกบริษัทจีนแล้ว ยังรวมถึงเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการผลิตชิป ตลอดจนกำหนดให้ต้องขอใบอนุญาตเมื่อจะส่งออกส่วนที่จะนำไปใช้ในเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์และใช้ในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ในแดนมังกรอีกด้วย

ทั้งนี้ก็เหมือนๆ กับกฎเกณฑ์ลักษณะนี้ซึ่งวอชิงตันประกาศออกมาตั้งแต่สมัยคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นคือคำสั่งใหม่นี้ไม่เพียงใช้กับพวกบริษัทอเมริกันเองเท่านั้น ยังบังคับใช้กับพวกบริษัทต่างชาติซึ่งมีการใช้ส่วนประกอบหรือเทคโนโลยีอเมริกันในผลิตภัณฑ์ของพวกตนที่จะส่งออกไปยังจีนอีกด้วย

ภายใต้กฎใหม่นี้ บริษัทอเมริกันและบริษัทต่างชาติต้องยื่นขอใบอนุญาตจากทางการสหรัฐฯเป็นรายๆ ไป เมื่อจะส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ถูกขึ้นบัญชีเหล่านี้ไปยังแดนมังกร

วอชิงตันระบุว่า กฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสกัดความก้าวหน้าทางทหารและเทคโนโลยีของจีน รวมทั้งปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ

มาตรการเหล่านี้ซึ่งบางส่วนมีผลบังคับใช้ทันที ถือเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกเทคโนโลยีให้จีนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

การตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯคราวนี้ ส่งผลให้เมื่อวันจันทร์ (10) ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียทำสถิติต่ำสุดนับจากปลายปี 2020 ขณะที่บลูมเบิร์กนิวส์รายงานว่า มูลค่าตลาดรวมของบริษัทชิปทั่วโลกหายไปทันที 240,000 ล้านดอลลาร์

ดัชนีของตลาดหลักทรัย์แนสแด็กในสหรัฐฯ ที่มีหุ้นกลุ่มไฮเทคอยู่จำนวนมากปิดการซื้อขายในวันจันทร์ ด้วยสถิติต่ำสุดนับจากเดือนกรกฎาคม 2020 หลังจากราคาหุ้นของบริษัทผลิตชิปสหรัฐฯ อย่างอินเทล เอ็นวิเดีย ควาลคอมม์ และแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ ร่วงยกกลุ่ม

ในเอเชีย ตลาดหุ้น ไทเป โซล และโตเกียว ซึ่งปิดทำการในวันจันทร์ เมื่อเปิดทำการในวันอังคาร (11) ต่างเผชิญสถานการณ์เดียวกันคือราคาหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ร่วงหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดไทเป อย่าง ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง และเอเอสอี เทคโนโลยี ที่ร่วงลงถึง 8% ขณะที่ราคาหุ้นยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ตกลงมากกว่า 6%

ราคหุ้น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ยักษ์ใหญ่ไฮเทคเกาหลีใต้และเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายมหึมา หล่นลง 3% ในตลาดโซล ส่วนโตเกียว อิเล็กตรอนในตลาดโตเกียวร่วงลง 5.6%

ก่อนหน้านี้ ในระยะหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ก็ได้รับผลกระทบหนักหน่วงอยู่แล้ว จากการที่ความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่คอมพิวเตอร์จนถึงสมาร์ทโฟนซบเซาลง สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ทั่วโลก

ในวันศุกร์ (7) ซัมซุง ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกด้วย เตือนว่า ผลกำไรอาจจดลง 32% และแจงว่า กำไรจากธุรกิจการผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ได้รับผลกระทบจากราคาชิปหน่วยความจำที่ลดลงทั่วโลกอันเนื่องมาจากดีมานด์ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ซบเซา

โซนัล วาร์มา และซิ หยิง นักวิเคราะห์ของโนมูระ รีเสิร์ช ระบุว่า ภาวะขาลงในตลาดชิปบ่งชี้ว่า ยอดส่งออกกำลังจะร่วงลงอย่างรุนแรง โดยขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนขึ้นว่า การส่งออกทั่วเอเชียจะติดลบในไตรมาส 4

การประกาศควบคุมครั้งใหม่ของสหรัฐฯครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่วันก่อนที่การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยคราวนี้คาดว่า จะมีการรับรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รับตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สาม นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่มชื่อบริษัทจีนอีก 13 แห่งซึ่งรวมถึงดีเจไอ ที่เป็นผู้ผลิตโดรน ในบัญชีดำบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน

ทางด้านปักกิ่งได้ออกมาวิจารณ์การตัดสินใจของอเมริกา โดยในวันเสาร์ (8) เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า มาตรการของวอชิงตันมาจากความต้องการครองความเป็นเจ้าใหญ่นายโตเหนืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ละเมิดกฎเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศเพื่อปิดกั้นบริษัทจีนอย่างประสงค์ร้าย ซึ่งไม่ได้ทำลายความชอบธรรมและผลประโยชน์ของบริษัทจีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกันเองด้วย พร้อมกันนั้นเธอย้ำว่า วิธีการนี้ไม่อาจหยุดยั้งความเจริญก้าวหน้าของจีนได้

(ที่มา: บีบีซี, เอเอฟพี, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น