ผู้บัญชาการคนใหม่ของกองกำลังรัสเซียในยูเครน ยอมรับแบบที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก เกี่ยวกับแรงกดดันที่พวกเขาต้องเผชิญจากปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครน ซึ่งรุกไล่ทวงคืนพื้นที่ทางภาคใต้และภาคตะวันออก ที่ทางมอสโกเพิ่งประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
ในอีกหนึ่งสัญญาณแห่งความกังวลของรัสเซียต่อสถานการณ์ในภาคสนาม 8 เดือนหลังเปิดฉากรุกราน ทางผู้บริหารเคอร์ซอน แคว้นยุทธศาตร์ทางภาคใต้ของยูเครน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเครมลิน เผยในวันอังคาร (18 ต.ค.) ว่ากำลังจัดการโยกย้ายพลเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไปออกจากหมู่บ้าน 4 แห่งที่อยู่ริมแม่น้ำดมิโปร
กองกำลังรัสเซียในเคอร์ซอน ถูกผลักดันถอยร่นไปราวๆ 20-30 กิโลเมตร ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเสี่ยงถูกตีขนาบตามฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนิโปร ความยาว 2,200 กิโลเมตร ที่ทอดยาวผ่ากลางยูเครน
เซอร์เก ซูโรวิคิน นายพลแห่งกองทัพอากาศรัสเซีย ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ควบคุมการรบในสงครามยูเครนในเดือนนี้ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ รอสซิยา24 ว่า "สถานการณ์ในพื้นที่ของปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร สามารถให้คำจำกัดความได้ว่าตึงเครียด"
ในแคว้นเคอร์ซอน ซูโรวิคิน กล่าวว่า "สถานการณ์ในพื้นที่ยุ่งยาก ศัตรูตั้งใจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานและอาคารที่พักอาศัยในคอร์ซอน"
ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน แต่เคียฟกล่าวหากองกำลังมอสโกก่ออาชญากรรมสงคราม
ซูโรวิคิน ระบุด้วยว่า ฐานที่มั่นของทหารรัสเซียในเมืองคูเปียนสก์และลีมัน ทางภาคตะวันออกของยูเครน และพื้นที่ระหว่างเมืองมีโคลาอิฟและเมืองครีวี ริห์ ในแคว้นเคอร์ซอน ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนว่าเขายอมรับถึงภัยอันตรายจากการรุกคืบของกองกำลังยูเครนเข้าหาเมืองเคอร์ซอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำดมิโปรตามแนวชายฝั่งตะวันตก และเป็นเรื่องยากสำหรับรัสเซียที่จะเติมเสบียงจากทางตะวันออก เพราะสะพานหลักที่ข้ามแม่น้ำดมิโปร ได้รับความเสียหายร้ายแรงจากระเบิดของยูเครน
รัสเซียยึดเมืองแห่งนี้โดยแทบปราศจากการต่อต้านในช่วงต้นๆ ของการรุกราน และมันยังคงเป็นเมืองหลักของยูเครนเพียงแห่งเดียวที่กองกำลังรัสเซียยึดครองไว้ได้อย่างมั่นคง
เคอร์ซอน เป็นหนึ่งใน 4 แคว้นยูเครน ที่รัสเซียอ้างผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน แม้ยึดครองได้เพียงบางส่วน และว่ากันว่ามันเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด โดยควบคุมทั้งเส้นทางทางบกเพียงสายเดียวที่มุ่งหน้าสู่แหลมไครเมีย ที่ทางรัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 และปากแม่น้ำดนิโปร
หลังจากจัดทำประชามติในเดือนกันยายน ซึ่งทางยูเครนประณามว่าน่าละอายและบีบบังคับ ทาง ปูติน ประกาศผนวก 2 แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งรวมกันเป็นภูมิภาคอุตสาหกรรมอันสำคัญที่เรียกว่าดอนบาส เข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน เช่นเดียวกับแคว้นเคอร์ซอนและแคว้นซาปอริซเซีย ทางภาคใต้
ซูโรวิคิน ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนรัสเซียว่า "นายพลอาร์มาเกดดอน" ผ่านการบัญชาการรบในซีเรียและเชชเนีย ดินแดนที่กองกำลังของเขาทิ้งบอมบ์ถล่มเมืองต่างๆ จนเหลือแต่ซากด้วยความโหดเหี้ยม แต่เป็นยุทธศาสตร์กลยุทธ์ผลาญภพ (Scorched earth) ฝ่ายศัตรู ที่มีประสิทธิผลอย่างมาก
ไม่นานหลังจากเขาได้รับการแต่งตั้ง มันตามมาด้วยปฏฺบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธถล่มยูเครนครั้งหนักหน่วงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งถือว่าเป็นระลอกใหญ่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
ปูติน ยกการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการแก้แค้นเหตุระเบิดทำลายสะพานของรัสเซียที่เชื่อมไปยังโครเมีย รัฐบาลเคียฟไม่กล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่แสดงความยินดีปรีดาต่อการทำลายล้างที่พวกเขามองว่าเป็นเป้าหมายทางทหารที่ใช้ลำเลียงอาวุธและกำลังพล
วลาดิมีร์ ซัลโด ผู้บริหารแคว้นเคอร์ซอน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย บอกว่าความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีโดยกองกำลังยูเครน นำมาซึ่งการตัดสินใจอพยพพลเมืองบางส่วนออกจากหมู่บ้าน 4 แห่ง
ในภาคเหนือ ในกรุงเคียฟ รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธถล่มโครงสร้างพื้นฐานในสิ่งที่ยูเครนและตะวันตกประณามว่าเป็นการทำสงครามข่มขู่พลเรือน
รัสเซียทำลายสถานีไฟฟ้าเกือบ 1 ใน 3 ของยูเครนในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และระหว่างปราศรัยในคืนวันอังคาร (18 ต.ค.) เขากล่าวว่ารัสเซียโจมตีเป้าหมายต่างๆ มากกว่า 10 แคว้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และเร่งเร้าชาวยูเครนลดการบริโภคไฟฟ้าในช่วงเย็น
ขีปนาวุธที่พุ่งเล่นงานสถานีไฟฟ้าในกรุงเคียฟและที่อื่นๆ ก่อไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างและน้ำประปาใช้งานไม่ได้
ยังไม่ชัดเจนว่ารวมแล้วมีผู้เสียชีวิตมากน้อยแค่ไหน หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ รัสเซียก็เพิ่งส่งฝูงโดรนเข้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเคียฟและเมืองอื่นๆ สังหารผู้คนอย่างน้อย 5 ราย
ยูเครนกล่าวหารัสเซียใช้โดรนกามิกาเซ ชาเฮด-136 ที่ผลิตโดยอิหร่าน ซึ่งบินเข้าหาเป้าหมายแล้วจุดชนวนระเบิด เตหะรานปฏิเสธว่าไม่ได้จัดหาโดรนเหล่านี้ และในวันอังคาร (18 ต.ค.) เครมลินก็ปฏิเสธเช่นกันว่าไม่ได้ใช้อาวุธชนิดนี้
(ที่มา : รอยเตอร์)