กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) กองกำลังของพวกเขาสามารถสกัดทหารยูเครนที่พยายามรุกคืบในแคว้นโดเนตสก์ เคอร์ซอน และมีคาลาอิฟ พร้อมก่อความเสียหายอย่างหนักแก่ฝ่ายศัตรู
นอกจากนี้ รัสเซียเผยด้วยว่าพวกเขายังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายทางทหารและพลังงานในยูเครน ด้วยขีปนาวุธนำวิถีพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูง "เราบรรลุเป้าหมายของการโจมตี ทุกเป้าหมายที่ถูกระบุไว้ถูกกำจัด" กระทรวงกลาโหมเผย
รอยเตอร์รายงานว่า ตลอดความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 8 เดือน ขีปนาวุธของรัสเซียยังพุ่งโดนย่านใจกลางเมืองที่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่หนาแน่นในยูเครน แต่ทางมอสโกปฏิเสธมาตลอดว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" ของพวกเขาในยูเครน ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ได้มีเป้าหมายเล่นงานพลเรือน
รัสเซียระบุว่า กองกำลังของพวกเขายึดฐานที่มั่นไว้อย่างเหนียวแน่น ระหว่างการสู้รบดุเดือดในแคว้นเคอร์ซอน และยังก่อความเสียหายอย่างหนักแก่ฐานที่มั่นต่างๆ ของฝ่ายยูเครนในแคว้นโดเนตสก์
ในแคว้นคาร์คิฟของยูเครน รัสเซียเผยว่าสามารถทำลายระบบปืนใหญ่อัตตาจรฮาววิตเซอร์ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ 3 กระบอก และทางข้ามแม่น้ำออสคิลแห่งหนึ่ง ซึ่งทหารยูเครนจัดทำขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวกำลังเสริมและกระสุน
ขณะเดียวกัน กองกำลังรัสเซียยังได้พยายามรุกคืบในบัคช์มุต เมืองที่ทางทหารยูเครนกำลังป้องกันสุดขีดท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดในแคว้นโดเนตสก์ และทั้งในและรอบนอกเมืองอัฟดิฟกา
รายงานข่าวระบุว่า อากาศยานของยูเครนปฏิบัติการถล่มฐานที่มั่นต่างๆ ของรัสเซียมากกว่า 20 เที่ยว เล่นงาน 17 พื้นที่ที่เป็นแหล่งรวมพลและอาวุธ พร้อมกับยิงโดรนของศัตรูตก 1 ลำ จากการเปิดเผยของเสนาธิการทหารยูเครน
การสู้รบหนักหน่วงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะในแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน และในแคว้นเคอร์ซอน ดินแดนยุทธศาสตร์สำคัญทางภาคใต้ ซึ่งเป็น 3 ใน 4 แคว้นที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพิ่งกล่าวอ้างผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว
หัวหน้าคณะบริหารแคว้นโดเนตสก์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย เปิดเผยในวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ว่ากระสุนปืนใหญ่ของกองกำลังยูเครน ก่อความเสียหายแก่อาคารบริหารในเมืองโดเนตสก์ เมืองเอกของแคว้น "มันโดนกระสุนตรงๆ อาคารได้รับความเสียหายร้ายแรง อัศจรรย์มากที่ไม่มีใครเสียชีวิต" อเล็กซี คูเลมซิน กล่าวระหว่างสำรวจความเสียหาย แต่ยืนยันว่าระบบบริการต่างๆ ของเมืองยังคงปฏิบัติงานได้ตามปกติ
ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากยูเครนต่อรายงานเหตุโจมตีเมืองโดเนตสก์
อย่างไรก็ตาม ทางกองบัญชาการทหารใต้ของยูเครนระบุในวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ว่ากองกำลังรัสเซียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนยุทโธปกรณ์อย่างหนัก ในนั้นรวมถึงกระสุน ผลจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสะพานไครเมียเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
"เกือบ 75% ในเสบียงทางทหารของรัสเซียในทางภาคใต้ของยูเครน" มาจากเส้นทางที่ข้ามสะพานดังกล่ว" นาตาเลีย ฮูเมนิก โฆษกกองบัญชาการทหารใต้ของยูเครนระบุ "ตอนนี้แม้กระทั่งทะเลก็อยู่ข้างเรา"
ปูติน กล่าวโทษหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนสำหรับเหตุระเบิดสะพาน และเมื่อวันจันทร์ (10 ต.ค.) ทำการแก้แค้น ด้วยการออกคำสั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเมืองต่างๆ ของยูเครน ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เผยว่ากองกำลังของเขายังคงควบคุมบัคช์มุต เมืองยุทธศาสตร์ทางตะวันตก แม้ถูกรัสเซียโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบก้วยแคว้นโดเนตสก์กับแคว้นลูฮันสก์ ยังคงยากลำบากอย่างมาก
กองกำลังรัสเซียพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าในการยึดเมืองบัคช์มุต ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่เมืองสโลเวียนสก์และเมืองครามาตอร์สก ซึ่งทั้ง 2 เมืองตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์
แม้ทหารยูเครนสามารถทวงคืนดินแดนได้หลายพันตารางกิโลเมตร ในปฏิบัติการโจมตีตอบโต้เมื่อเร็วๆ นี้ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ แต่เจ้าหน้าที่คาดหมายว่าการรุกคืบจะช้าลง ครั้งที่กองกำลังยูเครนต้องเจอกับการต่อต้านที่แน่วแน่กว่าเดิม
ประธานาธิบดียูเครน อ้างว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตแล้วเกือบ 65,000 นาย นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการของฝ่ายมอสโกมากมายหลายเท่า โดยรัสเซียระบุเมื่อวันที่ 21 กันยายน ว่า ทหารของพวกเขาเสียชีวิตในสงครามราวๆ 5,937 นาย ส่วนเพนตากอนคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม ว่า ทหารรัสเซียประสบความสูญเสีย ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ราว 70,000 ถึง 80,000 นาย
(ที่มา : รอยเตอร์)