รัสเซียกระหน่ำขีปนาวุธและโดรนบรรทุกวัตถุระเบิดใส่ยูเครนระลอกใหม่ต่อไปอีกในวันอังคาร (11 ต.ค.) หนึ่งวันหลังจากการถล่มโจมตีอย่างกว้างขวางซึ่งสังหารผู้คนไปอย่างน้อย 19 คน ขณะที่ “เซเลนสกี้” เตรียมขอระบบป้องกันภัยทางอากาศต่อที่ประชุมฉุกเฉินกลุ่มจี7 ซึ่งมุ่งหารือเรื่องการสนับสนุนเคียฟให้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ฝ่ายรัสเซีย ออกมาเตือนว่า จะตอบโต้การที่ตะวันตกแสดงตัวเป็นพวกเดียวกับยูเครนในการสู้รบขัดแย้งคราวนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เสียงเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังก้องไปทั่วทั้งประเทศยูเครนในตอนเช้าวันอังคาร ทำให้ผู้คนบางส่วนทั้งที่กรุงเคียฟและเมืองใหญ่แห่งอื่นๆ หวนกลับเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัย หลังจากสถานการณ์อยชู่ในภาวะค่อนข้างเงียบสงบมาแรมเดือน
การกระหน่ำโจมตีของรัสเซียระลอกล่าสุด มุ่งเล่นงานพวกโรงไฟฟ้าและพื้นที่พลเรือน แบบเดียวกับที่พวกเขากระทำในวันจันทร์ (10) สำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนบอกว่า มีคนเสียชีวิตไป 1 รายเมื่อมีขีปนาวุธ 12 ลูกถล่มใส่อาคารสถานที่สาธารณะหลายแห่งในเมืองซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของประเทศ รวมทั้งทำให้เกิดไฟไหม้ขนาดใหญ่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้หนึ่งอ้างว่า ขีปนาวุธเหล่านี้ยิงใส่โรงเรียน, อาคารที่พักอาศัย, และสถานพยาบาล
พวกอาคารสถานที่ด้านพลังงานในแคว้นลวิฟ และแคว้น วินนิตสยา ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของยูเครน ก็ถูกโจมตีเช่นกัน ถึงแม้ฝ่ายยูเครนอ้างว่าสามารถสอดขีปนาวุธรัสเซียที่กำลังบินมาลูกหนึ่งก่อนมันจะถึงกรุงเคียฟ ทั้งนี้เมืองหลวงของยูเครนยังคงเจอกับปัญหาไฟฟ้าดับ สืบเนื่องจากการถูกโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงตั้งแต่วันก่อนหน้า
วิตาลีย์ คิม ผู้ว่าการแคว้นมิโคลาอิฟ ทางภาคใต้ของยูเครน รบเร้าให้ประชาชนยังคงอยู่ในหลุมหลบภัยต่อไป เนื่องจาก “ยังคงมีขีปนาวุธจำนวนเพียงพอ ล่องลอยอยู่ในอากาศ”
สำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตไป 19 คนและบาดเจ็บ 105 คนจากการโจมตีในวันจันทร์ เหยื่ออย่างน้อยที่สุด 5 รายอยู่ในกรุงเคียฟ ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเมืองใหญ่น้อยมากกว่า 300 แห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ ตั้งแต่เมืองหลวงเคียฟ ไปจนถึงเมืองลวิฟ เมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกที่อยู่ใกล้ๆ ชายแดนโปแลนด์
รัสเซียประกาศว่าการถล่มโจมตีครั้งมโหฬารคราวนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้แก้แค้นเหตุระเบิดเมื่อวันเสาร์ (8) ที่สร้างความเสียหายให้แก่สะพานใหญ่ที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแหลมไครเมีย
ทว่า อเมริกาแย้งว่า การโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอย่างหนักหน่วงระดับนี้ ซึ่งเกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ บ่งชี้ว่า รัสเซียน่าจะวางแผนเรื่องนี้มาก่อนนานแล้ว
ทางด้าน ราวินา ชัมดาซานี ผู้ทำหน้าที่โฆษกให้แก่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ แถลงในวันอังคารว่า การโจมตีซึ่งมุ่งต่อ “เป้าหมายพลเรือน” รวมทั้งพวกโครงสร้างพื้นฐานอย่างเช่นโรงไฟฟ้าเช่นนี้ มีคุณสมบัติที่จะถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน มีกำหนดจะกล่าวปราศัยกับพวกผู้นำของกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี7) ในการประชุมแบบทางไกลในวันอังคาร เยอรมนีซึ่งเป็นประธานวาระปัจจุบันของ จี7 ประกาศจัดการประชุมฉุกเฉินครั้งนี้ขึ้นมาหลังรัสเซียถล่มขีปนาวุธในวันจันทร์
เซเลนสกี้ระบุว่า สิ่งที่ยูเครนต้องการมากที่สุดในเวลานี้คือระบบป้องกันภัยทางอากาศ โดยที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ รับปากแล้วว่าจะจัดส่งให้ ทั้งนี้ มีรายงานว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้พิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
มีรายงาน ไบเดน และผู้นำคนอื่นๆ ของกลุ่มจี7 จะเน้นหารือแบบเสมือนจริงคราวนี้ ในเรื่องการเพิ่มความสนับสนุนยูเครน
นอกจากนั้นยังคาดว่า ผู้นำจี7 จะออกคำเตือนเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของรัสเซีย ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามยูเครน หลังจากเมื่อวันจันทร์ เบลารุสประกาศว่า ส่งทหารไปประจำการร่วมกับกองกำลังรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนเพื่อตอบโต้การคุกคามจากเคียฟและตะวันตก โดยที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดรอื ลูกาเชนโก บอกว่า เขากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้ง “การรวมกลุ่มกองทหารระดับภูมิภาค” ร่วมกันขึ้นมา เพื่อผลักไสสิ่งที่ ลูกาเชนโก อ้างว่า การที่ยูเครนอาจจะเข้าโจมตีเบลารุส
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เบลารุส อนุญาตให้กองทหารรัสเซียใช้พื้นที่ของตนเป็นจุดรวมพลสำหรับการทำสงครามรุกรานยูเครน แต่ไม่ได้ส่งทหารร่วมสู้รบด้วย
ขณะเดียวกัน เซียร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเตือนในวันอังคารว่า การที่ฝ่ายตะวันตกให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เป็นต้นว่า การฝึกทหารยูเครนตามประเทศนาโต้ต่างๆ ตลอดจนป้อนข้อมูลดาวเทียมแบบเรียลไทม์เพื่อระบุเป้าหมายกองกำลังรัสเซียให้แก่ยูเครนนั้น “เป็นการดึงลากเอาพวกชาติตะวันตกเข้ามาอยู่ในการสู้รบขัดแย้งคราวนี้มากขึ้นเรี่อยๆ ในฐานะที่ (ฝ่ายตะวันตกเหล่านี้) เป็นส่วนหนึ่งของระบอบปกครองเคียฟ”
ตามรายงานของสำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซีย รยาบคอฟบอกอีกว่า “รัสเซียจะถูกบังคับให้ต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสม รวมทั้งมาตรการตอบโต้แบบอสมมาตร” เขากล่าวว่า ถึงแม้รัสเซียไม่ได้ “สนใจที่จะเข้าปะทะโดยตรง” กับสหรัฐฯและนาโต้ “เราก็ได้แต่หวังว่าวอชิงตันและเมืองหลวงอื่นๆ ของฝ่ายตะวันตกจะมีความตระหนักถึงอันตรายของการบานปลายขยายตัวแบบควบคุมไม่ได้”
(ที่มา: เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)