ยูเครนจู่โจมไล่ต้อน! ฝ่าแนวกั้นรัสเซียทางใต้ รุกคืบรวดเร็วในดินแดนที่มอสโกเพิ่งผนวก

กองกำลังยูเครนสามารถทำลายฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียในทางภาคใต้ของประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับรุกคืบอย่างรวดเร็วในภาคตะวันออก ทวงคืนดินแดนเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มอสโกผนวกไปไม่นาน และทำให้เส้นทางการลำเลียงอาวุธและเสบียงของทหารรัสเซียตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม

ในการบุกทะลวงครั้งใหญ่ที่สุดในภาคใต้นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น กองกำลังยูเครนยึดคืนหมู่บ้านกลับมาได้หลายแห่ง ในปฏิบัติการรุกคืบไปตามแม่น้ำยุทธศาสตร์ "ดนิโปร" เมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) ตามการเปิดเผยเจ้าหน้าที่ยูเครนและพวกผู้นำในพื้นที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย

ความคืบหน้าในทางภาคใต้ สะท้อนการรุกคืบของยูเครนในภาคตะวันออกเมื่อเร็วๆ นี้ แม้มอสโกพยายามเพิ่มเดิมพันด้วยการผนวกดินแดน สั่งระดมทหารกองหนุนและขู่ใช้นิวเคลียร์ตอบโต้ก็ตาม

ในสัญญาณที่บ่งชี้ว่ากระแสสงครามในแนวทางหน้าตะวันออกกำลังอยู่ในมือของยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พบเห็นขบวนยานยนต์ทหารของยูเครนกำลังมุ่งหน้าไปเสริมกำลังในเมืองลีมันในวันจันทร์ (3 ต.ค.) หลังจากยึดคืนเมืองศูนย์กลางเดินรถไฟแห่งนี้มาได้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ จัดตั้งป้อมปราการเพื่อเดินหน้ารุกเข้าสู่ภูมิภาคดอนบาสต่อไป

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี บอกว่ากองทัพยูเครนสามารถยึดหมู่บ้านมาได้หลายแห่งในหลายพื้นที่ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม "ศูนย์กลางชุมชนใหม่ๆ ได้รับการปลดปล่อยในหลายพื้นที่ ยังมีการสู้รบดุเดือดในหลายจุดของแนวหน้า"

ส่วน วาดิมีร์ ซัลดิ ผู้นำซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย ในพื้นที่ยึดครองของแคว้นเคอร์ซอนของยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรัสเซีย ยอมรับว่าหมู่บ้านดัดชานีย์ ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวฝั่งแม่น้ำดนิโปร ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารยูเครนแล้ว

ด้วยที่หมู่บ้านดัดชานีย์ ตั้งอยู่ห่างจากแนวหน้าราวๆ 30 กิโลเมตร ก่อนการบุกทะลวงในวันจันทร์ (3 ต.ค.) การสูญเสียหมู่บ้านแห่งนี้จึงบ่งชี้ถึงการรุกคืบอย่างรวดเร็วของกองกำลังยูเครน

ในส่วนของการรุกคืบทางภาคใต้ มีเป้าหมายคือเส้นทางการลำเลียงอาวุธและเสบียงสำหรับทหารรัสเซียสูงสุด 25,000 นาย ตามริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดริโปร โดยมีรายงานว่ายูเครนได้ทำลายสะพานหลักๆ ข้ามแม่น้ำแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บีบให้กองกำลังรัสเซียต้องใช้ทางข้ามชั่วคราว

โอเลห์ ซดานอฟ นักวิเคราะห์ด้านการทหารในกรุงเคียฟ ให้ความเห็นว่า การรุกคืบอย่างเป็นกอบเป็นกำไปตามแม่น้ำสายนี้อาจตัดขาดทหารรัสเซียโดยสิ้นเชิง "ข้อเท็จจริงที่ว่าเราทะลวงฝ่าแนวหน้า นั่นหมายความว่าทหารรัสเซียได้สูญเสียความสามารถในการโจมตีไปแล้ว และวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ พวกเขาอาจสูญเสียความสามารถในการป้องกันตนเองด้วยเช่นกัน"

คาเลสเต วัลแลนเดอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน กล่าวในวันจันทร์ (3 ต.ค.) ว่าดูเหมือนยูเครนจะอยู่บนเส้นทางของการบรรลุวัตถุประสงค์ในหลายสมรภูมิรบ เปิดทางให้เคียฟอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมมากในการปกป้องตนเอง เพื่อฝ่าฟันในสิ่งที่บางทีอาจเรียกได้ว่า การสู้รบที่ดุเดือดที่สุดในฤดูหนาว

นับตั้งแต่เข้าสู่เดือนกันยายนเป็นต้นมา กองกำลังยูเครนทวงคืนพื้นที่ต่างๆ ทางภาคตะวันออกกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เข้าควบคุมเส้นทางการลำเลียงอาวุธและเสบียงของทหารรัสเซีย ตัดขาดทหารรัสเซียจำนวนมากและบีบให้พวกเขาต้องล่าถอย

ไม่กี่ชั่วโมง หลังมีคอนเสิร์ตที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) ตามหลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวอ้างผนวกแคว้นโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ แคว้นเคอร์ซอนและแคว้นซาปอริซเซีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนรัสเซียตลอดกาล กองกำลังยูเครนสามารถทวงคืนเมืองลีมัน ป้อมปราการหลักทางตอนเหนือของแคว้นโดเนตสก์ได้สำเร็จ

การยึดคืนเมืองลีมัน เปิดทางให้กองกำลังยูเครนรุกคืบเข้าไปในแคว้นลูฮันสก์มากยิ่งขึ้น คุกคามเส้นทางลำเลียงเสบียงไปยังดินแดนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโก ซึ่งในบางพื้นที่นั้นเป็นสมรภูมิที่มีการสู้รบนองเลือดที่สุดของสงคราม ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่ผ่านมา

สื่อมวลชนรัสเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.) ว่าผู้บัญชาการมณฑลทหารตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งอยู่ติดชายแดนยูเครน ถูกปลดจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายล่าล่าสุดที่ถูกไล่ออก ตามหลังประสบความพ่ายแพ้เป็นชุดๆ

(ที่มา : รอยเตอร์)