ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ออกคำสั่งในวันพุธ (21 ก.ย.) เรียกระดมทหารกองหนุนจำนวนที่อาจจะสูงถึง 300,000 คน เพื่อเข้าร่วมการสู้รบในยูเครน พร้อมกับหนุนแผนการในการผนวกดินแดนหลายๆ ผืนของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย นอกจากนั้น ยังส่งข้อความอย่างอ้อมๆ ถึงฝ่ายตะวันตกว่า เขาพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อพิทักษ์ปกป้อรัสเซีย
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของรัสเซียที่มีการเรียกระดมพลนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการบานปลายขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุดของสงครามยูเครนนับแต่ที่มอสโกยกทัพเข้ารุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน การทำประชามติที่ถูกเคียฟและตะวันตกประณามว่า เป็นการ “ลวงโลก” จะทำให้เดิมพันในสงครามยูเครนสูงขึ้น เนื่องจากจะเปิดทางให้รัสเซียสามารถกล่าวหากองกำลังยูเครนว่า กำลังโจมตีดินแดนของตน
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร (20) 4 พื้นที่ส่วนต่างๆ ในยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ได้แก่ แคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูกันสต์ทางภาคตะวันออก แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ ประกาศจะจัดการทำประชามติว่าประชาชนในแคว้นเหล่านี้ต้องการรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่ โดยการลงประชามตินี้กำหนดจัดขึ้นในช่วงเวลา 5 วันนับจากวันศุกร์ (23)
ทั้ง อเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่เคยประณามการทำประชามติของรัสเซียเพื่อผนวกคาบสมุทรไครเมียซึ่งยึดมาจากยูเครนเมื่อปี 2014 ต่างออกมาประณามการทำประชามติครั้งใหม่ และย้ำว่า นานาชาติจะไม่ยอมรับผลการโหวต
ด้านเคียฟประกาศว่า การทำประชามติดังกล่าวไร้ความหมาย และยูเครนจะทำลายการคุกคามทั้งหมดของรัสเซีย รวมทั้งเดินหน้าชิงดินแดนคืนไม่ว่า มอสโกหรือตัวแทนจะประกาศอะไรก็ตาม
ขณะเดียวกัน ในคำปราศรัยที่บันทึกล่วงหน้าและมีการเผยแพร่ในรัสเซียเมื่อวันพุธ (21) ปูตินกล่าวหาตะวันตกพยายายามทำลายรัสเซียด้วยการสนับสนุนยูเครน และเสริมว่า รัสเซียจำเป็นต้องสนับสนุนประชาชนในยูเครนที่ต้องการตัดสินอนาคตของตนเอง
ประมุขวังเครมลินประกาศระดมกำลังพลบางส่วน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหม เปิดเผยกับสถานีทีวีของทางการว่า จะเริ่มเรียกทหารกองหนุน 300,000 นายเข้าประจำการตั้งแต่วันพุธ โดยจะเป็นพวกที่มีความเชี่ยวชาญทางทหารและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่ง ชอยกู บอกว่า รัสเซียมีประชาชนที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์นี้ถึง 25 ล้านคน
ปูตินยังเตือนผู้แทนระดับสูงของสมาชิกนาโต้บางชาติที่เคยพูดถึงความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีรัสเซียว่า รัสเซียมีอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงมากมายและทันสมัยกว่าประเทศเหล่านั้น และเมื่อใดที่บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศถูกคุกคาม รัสเซียจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน ส่วนพวกที่พยายามแบล็กเมล์รัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งหมายถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียในยูเครนนั้น ควรรับรู้ว่า ลมอาจเปลี่ยนทิศกลับไปหาประเทศเหล่านั้น
คำเตือนของปูตินบ่งชี้ว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยเตือนตะวันตกอย่าบีบกระทั่งรัสเซียหลังชนฝา
ปูตินยังบอกอีกว่า ตะวันตกกำลังพยายามทำให้รัสเซียอ่อนแอ แตกแยก และแตกสลายด้วยการให้การสนับสนุนยูเครน ขณะที่ชอยกูสำทับว่า มอสโกไม่ได้สู้กับยูเครนเท่านั้น แต่รวมถึงพันธมิตรตะวันตกทั้งหมด
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของมอสโกเกิดขึ้นขณะที่กองกำลังรัสเซียเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่สุดจากยูเครนนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยปฏิบัติการโต้กลับอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เคียฟชิงเมืองและหมู่บ้านคืนได้นับร้อยแห่ง ถึงแม้ว่าเป็นดินแดนในแคว้นคาร์คิฟ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังไม่ใช่ในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งก็คือแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออก ตลอดจนในภาคใต้ของยูเครน
DW สื่อเยอรมนีรายงานในวันอังคาร (20) โดยอ้างคำแถลงของฝ่ายยูเครนระบุว่า กองทหารยูเครนกำลังรุกคืบไปทางตะวันออกมุ่งสู่ภูมิภาคดอนบาส และกำลังจัดเตรียมการสำหรับการบุกซึ่งมีศักยภาพที่น่าจะยึดคืนหลายๆ ส่วนของแคว้นลูฮันสก์กลับคืนได้สำเร็จ
สื่อเยอรมนีรายนี้อ้าง เซียร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ของฝ่ายเคียฟที่บอกว่า กองทหารยูเครนสามารถยึดหมู่บ้านบิโลโฮริฟสกา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมืองห่างออกมาราว 10 กิโลเมตรทางตะวันตกของเมืองลีซีชานสก์ ที่ตกเป็นของกองกำลังรัสเซียภายหลังการสู้รบอย่างดุเดือดในเดือนกรกฎาคม
ถึงแม้ DW บอกว่ารายงานข่าวเรื่องนี้ยังไม่สามารถหาแหล่งข่าวอิสระมาตรวจสอบยืนยันได้ แต่ยังบอกต่อไปว่า การที่ฝ่ายยูเครนยึดหมู่บ้านบิโลโฮริฟสกา ได้จะหมายความว่ารัสเซียไม่ได้สามารถควบคุมแคว้นลูฮันสก์ได้ทั้งหมดอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ ลีซีชานสก์ คือเมืองใหญ่ของยูเครนเมืองสุดท้ายในแคว้นลูฮันสก์ซึ่งแตกภายหลังการรุกหนักของรัสเซียในแคว้นดังกล่าวในฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งถูกประโคมว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมอสโก ไกไดบอกว่ากองกำลังยูเครนกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าบุกชิงส่วนที่เหลือของแคว้นลูฮันสก์คืนจากการยึดครองของฝ่ายรัสเซีย
อนึ่ง เมื่อวันพุธ (21) รัฐมนตรีกลาโหมชอยกู ยังเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า รัสเซียสูญเสียทหาร 5,937 นายในสงครามยูเครน และตอบโต้คำกล่าวอ้างของตะวันตกและเคียฟที่ว่า รัสเซียสูญเสียหนักในสงคราม 7 เดือน โดยยืนยันว่า ทหารรัสเซียที่ได้รับบาดเจ็บ 90% กลับไปรบแล้ว
ตัวเลขนี้ต่างกันเป็นฟ้ากับเหวกับที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คาดไว้เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ทหารรัสเซีย 70,000-80,000 นายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บในสงครามยูเครน
ทางด้าน เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการขององค์การนาโต้ กล่าวประณามการข่มขู่ของ ปูตินที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยบอกว่าเป็น “คำพูดที่อันตรายและพูดพล่อยๆ โดยไม่ไตร่ตรอง”
สโตลเตนเบิร์ก ซึ่งพูดเช่นนี้ในการให้สัมภาษณ์รอยเตอร์บอกอีกว่า การที่ ปูติน ต้องสั่งระดมพล เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า “สงครามไม่ได้กำลังดำเนินไปตามแผนการต่างๆ ของเขา” และเป็นที่ชัดเจนว่า ผู้นำรัสเซียผู้นี้ได้ “คาดคำนวณผิดพลาดครั้งใหญ่”
สำหรับเรื่องความเป็นไปได้ใดๆ ที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น เลขาธิการนาโต้กล่าวว่า “เราจะทำให้แน่ใจว่าไม่มีการเข้าใจผิดใดๆ ในมอสโกเกี่ยวกับวิธีการชัดๆ ที่เราจะตอบโต้” เขากล่าวอีกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมา และนี่คือเหตุผลที่ทำไมเราจึงมีความกระจ่างชัดเจนในการสื่อสารของเรากับรัสเซียเกี่ยวกับผลต่อเนื่องที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน”
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, DW)