นายพลระดับสูงของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) เตือนยังคงไม่ชัดเจนว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างไรในความพ่ายแพ้หนล่าสุดในหลายสมรภูมิในยูเครน และเรียกร้องให้ทหารอเมริกาเพิ่มความระมัดระวัง ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนฐานทัพแห่งหนึ่งในโปแลนด์ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เน้นย้ำหนักแน่นว่าจะไม่ย่อท้อในการสู้รบเพื่อทวงดินแดน ไม่ว่ามอสโกจะมาไม้ไหนก็ตาม
คำเตือนของ พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ เตือนความทรงจำว่ามีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะหนักหน่วงยิ่งขึ้น ในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต้ คอยให้ความช่วยเหลือยูเครนจากระยะไกล และในเวลานี้เคียฟประสบความสำเร็จในการโจมตีตอบโต้กองกำลังรัสเซีย
"ในตอนนี้สงครามกำลังไม่เป็นไปด้วยดีสำหรับรัสเซีย ดังนั้น หน้าที่ของเราทุกคนคือรักษาไว้ซึ่งสถานะความพร้อมขั้นสูง ตื่นตัว" พล.อ.มิลลีย์ กล่าวในกรุงวอร์ซอ หลังเดินทางเยี่ยมฐานทัพทหาร
พล.อ.มิลลีย์ เข้าตรวจระบบป้องกันภัยทางอากาศของฐานทัพแห่งนี้ ในนั้นรวมถึงกองร้อยขีปนาวุธแพทริออต ที่เป็นแนวป้องกันสุดท้าย หากว่ารัสเซียตัดสินใจโจมตีฐานทัพแห่งนี้ ซึ่งเสี่ยงโหมกระพือสงครามกับพันธมิตรทหารนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.มิลลีย์ เน้นย้ำว่าคำเตือนของเขาไม่ได้บ่งชี้ว่าทหารสหรัฐฯ ในยุโรปตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่แนะนำกำลังพลอเมริกาจำเป็นต้องมีความพร้อมอยู่เสมอ "ในการทำสงคราม คุณไม่อาจรู้หรือมั่นใจในระดับสูงได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นถัดจากนี้"
พวกผู้สื่อข่าวที่เดินทางร่วมคณะของ พล.อ.มิลลีย์ ถูกร้องขอไม่ให้เปิดเผยชื่อฐานทัพแห่งนี้ หรือระบุตำแหน่งที่ตั้งของฐานทัพ
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ประกาศกร้าวว่าจะไม่ย่อท้อในการสู้รบเพื่อทวงดินแดนที่สูญเสียไปให้รัสเซีย หลัง พล.อ.มิลลีย์ ออกมาเตือนว่าไม่ชัดเจนรัสเซียจะตอบโต้อย่างไร ในความพ่ายแพ้หนล่าสุดในหลายสมรภูมิในยูเครน
ระหว่างกล่าวปราศรัยในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) เซเลนสกี ประกาศเดินหน้ากดดันมอสโกต่อไป "บางทีพวกคุณบางส่วนอาจดูเหมือนว่าเวลานี้เราอยู่ในลักษณะหยุดนิ่ง หลังได้รับชัยชนะต่างๆ แต่จะไม่มีการหยุดนิ่ง มีการเตรียมพร้อมสำหรับซีรีส์ถัดไป สำหรับยูเครนแล้ว ทั้งหมดต้องได้รับการปลดปล่อย"
ความพ่ายแพ้ของกองกำลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยุเครน เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน โหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จากบรรดาผู้สันทัดกรณีด้านการทหารของรัสเซีย
ปูตินไม่แยแสต่อปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับของยูเครน แต่บอกเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ย.) มอสโกจะตอบโต้หนักหน่วงกว่าเดิม หากว่าทหารของพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้น
การล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทหารรัสเซีย ก่อความกังวลว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ปูติน อาจหันไปพึ่งอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ทำสงครามเคมี หรือบางทีอาจระดมกำลังสำรอง ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัสเซียมีกำลังพลสำรองประมาณ 2 ล้านคน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธข้อสันนิษฐานของตะวันตกที่เชื่อว่ามอสโกจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคในยูเครน
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ไม่คาดคะเนว่า ปูติน จะเดินหมากอย่างไรต่อไป แต่เตือนว่าสงครามกำลังในอยู่เฟสใหม่ ซึ่งกองกำลังยูเครนกำลังเป็นฝ่ายเริ่มได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์ "สืบเนื่องจากสิ่งนั้น เราจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่ารัสเซียจะมีปฏิกิริยาอย่างไร"
(ที่มา : รอยเตอร์)