รัสเซียโจมตีครั้งใหญ่ทุกแนวรบทั่วยูเครน และกล่าวหาทหารเคียฟทำร้ายพลเรือน ขณะที่ยูเครนยังคงเดินหน้าทวงคืนดินแดนเป็นการต่อยอดจากปฏิบัติการตอบโต้สายฟ้าแลบ โดยที่ในวันพุธ (15 ก.ย.) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้เดินทางไปเยือนเมืองอิเซียม เมืองยุทธศาสตร์สำคัญที่เพิ่งยึดได้ กระนั้น ทางด้าน “ลูกพี่” อย่างไบเดน ยังสงวนท่าทีต่อความสำเร็จของเคียฟ โดยบอกว่าสงครามมีแนวโน้มยืดเยื้ออีกนาน
การตอบโต้ของรัสเซียเมื่อวันอังคาร (14 ก.ย.) มีขึ้นหลังจากถูกบีบให้ถอนกำลังออกจากดินแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นคาร์คีฟ หลังถูกกองทัพเคียฟโจมตีโต้กลับแบบสายฟ้าแลบตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่สื่อ ตลอดจนนักการเมืองสหรัฐฯ ออกมาพูดกันมากขึ้นว่า สหรัฐฯ ได้แบ่งปันข่าวกรองสำคัญๆ จำนวนมากให้แก่เคียฟ รวมทั้งเข้าร่วมในการวางแผน และกระทั่งในการดำเนินการตามแผน ถึงแม้เจ้าหน้าที่อเมริกันยืนกรานว่าการตัดสินใจในการปฏิบัติการนั้นเป็นของฝ่ายยูเครนเอง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ในวันอังคารกองกำลังรัสเซียได้ยิงจรวดหลายลำกล้องและปืนใหญ่โจมตีที่มั่นของศัตรูทั่วยูเครน ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูงรอบเมืองสโลเวียนสก์ และเมืองคอนสแตนตินอฟกา ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาส ฮับอุตสาหกรรมทางทางภาคตะวันออกของยูเครน
นอกจากนั้น โฆษกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงว่า ได้รับรายงานว่า ทหารยูเครนทำร้ายประชาชนในคาร์คีฟ
คำกล่าวหานี้มีขึ้นหลังจากทางการยูเครนอ้างว่า พบร่างพลเรือนเสียชีวิต 4 คน ซึ่งมีร่องรอยถูกทรมานในหมู่บ้านที่รัสเซียเคยยึดครอง
มอสโกยังตอบโต้ว่า หน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีอคติกับรัสเซียมากขึ้น หลังจากเมื่อวันจันทร์ (12) เจ้าหน้าที่ยูเอ็นประณามมอสโกข่มขู่พลเมืองในประเทศของตนเองที่คัดค้านสงครามในยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้เดินทางไปที่เมืองอิเซียม ซึ่งตกอยู่ในกำมือของรัสเซียมาหลายเดือน และถูกใช้เป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงในการสนับสนุนการรุกของแดนหมีขาวในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งอยู่ติดๆ กัน
“ธงสีฟ้า-เหลืองของเราโบกสะพัดเหนือเมืองอิเซียมที่หลุดออกจากการถูกยึดครองแล้ว และมันจะเป็นเช่นนี้อีกในเมืองและหมู่บ้านทุกๆ แห่งของยูเครน” เซเลนสกีกล่าวเช่นนี้ในคำแถลงซึ่งเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย
ก่อนหน้านี้ ระหว่างการปราศรัยทางออนไลน์ประจำทุกคืนของเขา เมื่อคืนวันอังคาร ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของเคียฟ คุยว่า กองกำลังยูเครนสามารถปลดปล่อยดินแดนราว 8,000 ตารางกิโลเมตรจากการยึดครองของรัสเซีย โดยเห็นได้ชัดว่า ดินแดนทั้งหมดที่ผู้นำผู้นี้กล่าวถึงอยู่ในแคว้นคาร์คีฟ
อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิกิริยาของพวกผู้นำสหรัฐฯ ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังกันอยู่ ไม่เร่งรีบที่จะฉลองชัยชนะของยูเครน โดยเมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามในวันอังคารว่า สงครามยูเครนถึงจุดเปลี่ยนแล้วหรือไม่
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบว่า บอกยาก แม้เห็นได้ชัดว่ายูเครนมีความคืบหน้าอย่างมากก็ตาม เนื่องจากมีแนวโน้มว่าสงครามจะยืดเยื้ออีกนาน
เวลาเดียวกัน จอห์น เคอร์บี้ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แย้มว่า อเมริกามีแนวโน้มประกาศแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารใหม่ให้ยูเครนในไม่กี่วันนี้ เพิ่มเติมจากที่ให้การสนับสนุนและจัดหาอาวุธให้ยูเครนไปแล้วรวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้
เคอร์บี้ เสริมว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า การที่ยูเครนผลักดันกองกำลังรัสเซียถอยร่นทางภาคตะวันออกเป็นสัญญาณว่า สงครามถึงจุดเปลี่ยนแล้วหรือไม่ แต่สำทับว่า คนที่จะตอบคำถามนี้ได้คือ เซเลนสกี แต่ถึงกระนั้น สงครามก็คือสงครามที่ไม่มีทางคาดเดาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่อเมริกาจะทำคือให้การสนับสนุนผู้นำเคียฟต่อไป
เกี่ยวกับการแก้หน้าของรัสเซียว่า ไม่ได้พ่ายแพ้ในการรบครั้งล่าสุด แต่เป็นการโยกย้ายกำลังนั้น เคอร์บี้บอกว่า ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทหารรัสเซียถอนตัวขณะเผชิญการบุกโจมตีของกองทัพยูเครน
ทั้งนี้ นับจากมอสโกทิ้งที่มั่นหลักทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเมื่อวันเสาร์ (10) ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งเลวร้ายที่สุดนับจากเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์นั้น กองทัพยูเครนฮึกเหิมบุกตะลุยชิงเมืองและหมู่บ้านต่างๆ คืนได้นับสิบแห่ง
ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย คุยว่า สามารถปลดปล่อยประชาชน 150,000 คนจากดินแดนที่รัสเซียยึดครอง และเป้าหมายของกองทัพยูเครนคือชิงพื้นที่ทั้งหมดคืนจากรัสเซีย
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)