บรรดาผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียในพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองรัสเซีย ใน 4 แคว้นของยูเครน เมื่อวันอังคาร (20 ก.ย.) วางกรอบเร่งแผนจัดทำประชามติเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวท้าทายตะวันตกที่อาจทำให้สงครามลุกลามบานปลายอย่างรวดเร็ว และโหมกระพือเสียงประณามจากยูเครนและพันธมิตรตะวันตก ทั้งนี้ ฝ่ายโปรเครมลินเชื่อว่าประชามติที่ตามมาด้วยการรับรองจากรัสเซีย จะทำให้การเล่นงานใดๆ ใส่พื้นที่เหล่านี้เท่ากับเป็นการโจมตีดินแดนของมอสโกในทันที
"รัสเซียสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่มันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร" ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมที่สหประชาชาติ ในเวลาต่อมาเขาทวีตข้อความว่า "ยูเครนมีสิทธิทั้งหมดทั้งมวลในการปลดปล่อยดินแดนต่างๆ ของตนเอง และจะเดินหน้าปลดปล่อยดินแดนเหล่านั้น ไม่ว่ารัสเซียจะพูดอะไรก็ตาม"
เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันขอปฏิเสธประชามติที่คลุมเครือดังกล่าว ในขณะที่สหภาพยุโรปและแคนาดาก็ประณามแผนจัดทำประชามติเช่นกัน
โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู บอกว่า ทางกลุ่มและรัฐสมาชิกจะไม่รับรองผลลัพธ์ของประชามติ และจะพิจารณามาตรการต่างๆ เพิ่มเติมกำหนดเล่นงานรัสเซีย หากว่ายังคงเดินหน้าลงประชามติ
ในเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนจะเป็นการดำเนินการสอดคล้องกัน พวกผู้นำฝักใฝ่รัสเซียแถลงจัดทำประชามติ ระหว่างวันที่ 23-27 กันยายน ในแคว้นลูฮันสก์ แคว้นโดเนตสก์ แคว้นเคอร์ซอนและแคว้นซาปอริซเซีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 15% ของดินแดนยูเครน หรือขนาดพอๆ กับประเทศฮังการี
รัสเซียให้การรับรองแคว้นลูฮันส์กและแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งรวมกันเป็นภูมิภาคดอนบาสและอยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโกบางส่วนมาตั้งแต่ปี 2014 ในฐานะรัฐเอกราชไม่นานก่อนยกพลรุกรานยูเครน ในขณะที่เคียฟและตะวันตกมองว่าทุกพื้นที่ของยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย เป็นการยึดครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
บุคคลสำคัญฝักใฝ่เครมลินบางส่วนมองการจัดทำประชามติว่า เป็นคำขาดที่ยื่นถึงตะวันตกให้ยอมรับการได้มาซึ่งดินแดนของรัสเซีย หรือไม่ก็เสี่ยงทำสงครามเต็มรูปแบบกับศัตรูที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและเวลานี้เป็นรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า "การบุกรุกดินแดนรัสเซียเป็นอาชญากรรม ซึ่งเปิดทางให้คุณใช้ทุกสรรพกำลังของการป้องกันตนเอง"
มาร์การิตา ซิมอนยาน บรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์อาร์ที ทีวี ของรัสเซีย เขียนว่า "ประชามติในวันนี้ จากนั้นพรุ่งนี้ก็รับรองในฐานะส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย วันมะรืน การโจมตีใดๆ ใส่ดินแดนของรัสเซียจะกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบระหว่างยูเครนและนาโต้กับรัสเซีย"
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต้ ซึ่งให้การสนับสนุนด้านอาวุธและอื่นๆ แก่ยูเครน บอกว่าการจัดทำประชามติดังกล่าวจะไม่มีความหมายใดๆ
ท่ามกลางการสู้รบในดินแดนยึดครอง การโจมตีใดๆ ใส่รัสเซีย อาจมอบความชอบธรรมแก่มอสโกในการระดมกำลังสำรองที่มีมากกว่า 2 ล้านนาย จนถึงตอนนี้มอสโกยังคงอดทนอดกลั้นจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้พวกเขากำลังเผชิญความพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิ ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร ไม่ใช่สงคราม
ซุลลิแวน กล่าวว่า วอชิงตันรับทราบแล้วเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ระบุว่า ปูติน อาจกำลังพิจารณาสั่งระดมพล ซึ่ง ซุลลิแวน เชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่สามารถบ่อนทำลายศักยภาพของยูเครนในการตีโต้กลับการรุกรานของรัสเซีย
รัสเซียประกาศว่าแคว้นลูฮันสก์และแคว้นโดเนตสก์ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของพวกเขา คือเป้าหมายหลักนับตั้งแต่กองกำลังของพวกเขาประสบความปราชัยในสมรภูมิรอบนอกกรุงเคียฟในเดือนมีนาคม
เวลานี้พวกเขายึดครองพื้นที่ของโดเนตส์กได้ราวๆ 60% ของพื้นที่และควบคุมพื้นที่ของลูฮันสก์ได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม หลังจากรุกคืบอย่างช้าๆ ท่ามกลางการสู้รบดุเดือดยืดเยื้อนานหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม เวลานี้การรุกคืบดังกล่าวตกอยู่ในความเสี่ยง หลังกองกำลังรัสเซียถูกผลักดันล่าถอยออกจากแคว้นคาร์คิฟที่อยู่ติดกันในเดือนนี้ ถือเป็นการสูญเสียการควบคุมเส้นทางเสบียงหลักที่ป้อนสู่เหล่าแนวหน้าทั้งหลายในโดเนตสก์และลูฮันสก์
คำแถลงเกี่ยวกับการจัดทำประชามติมีขึ้น 1 วัน หลังจากยูเครนเผยว่าทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนฐานที่มั่นแห่งหนึ่งในลูฮันสก์ หมู่บ้านบิโลโฮริฟกา และกำลังเตรียมตัวรุกคืบทั่วแคว้น
เสนาธิการทหารยูเครนเปิดเผยในช่วงเย็นวันอังคาร (20 ก.ย.) ว่าปฏิบัติการในโดเนตสก์ ใกล้เมืองบัคมุต และเมืองอัฟดิฟกา ก่อความสูญเสียแก่รัสเซียได้อย่างมาก "แต่รัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองเหล่านั้น และอีกหลายสิบเมืองในทางตะวันออกเฉียงเหนือและทางภาคใต้ของยูเครน" อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ไม่ยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ฝักใฝ่รัสเซียเผยว่าประชามติทั้งหลายนั้นอาจเป็นการลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ รัสเซียเคยจัดทำประชามติในไครเมียเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ก่อนประกาศผนวกอดีตดินแดนของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอย่างเป็นทางการ
(ที่มา : รอยเตอร์)