รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มโครงสร้างพื้นฐานทั่วยูเครนอีกเมื่อเช้าวันอังคาร (18) ทำให้เคียฟประณามว่า มอสโกมีแผนการทำลายเครือข่ายไฟฟ้าและน้ำประปาก่อนฤดูหนาว ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนประกาศว่า การโจมตีของแดนหมีขาวในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาทำลายโรงไฟฟ้าต่างๆ ของยูเครนไปหนึ่งในสาม และทำให้ไฟดับครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
การโจมตีของรัสเซียเมื่อช่วงเช้าวันอังคารพุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าทั้งในกรุงเคียฟ เมืองคาร์คีฟ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ มิโคลาอีฟทางภาคใต้ รวมทั้งดนิโปรและจีโตมีร์ ตอนกลางของยูเครน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับและน้ำประปาหยุดให้บริการ หลังจากเมื่อวันจันทร์ (17) เมืองหลวงของยูเครนเพิ่งถูกถล่มด้วยโดรนกามิกาเซที่ผลิตในอิหร่าน
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ระบุว่า การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าซ้ำๆ เป็น “การก่อการร้าย” อีกรูปแบบหนึ่งของรัสเซีย และสำทับว่า นับจากวันที่ 10 ที่ผ่านมา สถานีไฟฟ้า 30% ของยูเครนถูกทำลายและทำให้ไฟดับครั้งใหญ่ทั่วประเทศ
ผู้นำเคียฟสำทับว่า การโจมตีหลายระลอกเหล่านี้เป็นการปิดโอกาสโดยสิ้นเชิงที่ยูเครนจะยอมเจรจากับรัสเซีย
เซเลนสกียังกล่าวหารัสเซียก่อการร้ายและเข่นฆ่าพลเรือนยูเครนด้วยการโจมตีทางอากาศ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากมอสโกส่งโดรนกามิกาเซโจมตีเคียฟและอีกหลายเมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คนในช่วงกลางวันวันจันทร์ ก่อนที่จะส่งโดรนกามิกาเซโจมตีอีกระลอกในช่วงกลางคืนโดยพุ่งเป้าที่โครงสร้างพื้นฐานทั่วยูเครน
การโจมตีหลายระลอกเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากกองทัพยูเครนรุกคืบชิงพื้นที่ทางตะวันออกและใต้เพิ่มขึ้น และหลังจากสะพานเชื่อมรัสเซีย-ไครเมียระเบิดเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียกล่าวหาว่า เป็นฝีมือยูเครนและแก้แค้นด้วยการปูพรมถล่มด้วยขีปนาวุธทั่วยูเครนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (10) ซึ่งถือเป็นการโจมตีระลอกใหญ่สุดนับจากมอสโกเปิดฉากรุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ยูเครนยังระบุว่า รัสเซียใช้โดรนกามิกาเซของอิหร่านที่พุ่งเข้าหาเป้าหมายและจุดชนวนระเบิด ในการโจมตีเมื่อวันจันทร์ และเรียกร้องให้สหภาพยุโรป แซงก์ชันอิหร่าน ขณะที่ทั้งอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศสเห็นพ้องว่า การที่อิหร่านจัดหาโดรนให้รัสเซียเข้าข่ายละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่รับรองข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ระหว่างเตหะรานกับมหาอำนาจ 6 ชาติ
ทว่า อิหร่านยังคงยืนยันว่า ไม่ได้จัดหาโดรนให้รัสเซีย ส่วนเครมลินระบุว่า ไม่ได้รับรายงานว่า กองทัพใช้โดรนของอิหร่านโจมตีในยูเครนแต่อย่างใด
สำนักข่าวรอยเตอร์ออกรายงานตั้งข้อสังเกตเรื่องที่รัสเซียแต่งตั้ง พลโทเซียร์เก ซูโวริกิน เป็นผู้บัญชาการ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ทั้งหมดในยูเครน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ซูโวริกิน เคยผ่านสนามรบทั้งที่เชชเนียและซีเรีย ซึ่งกองทัพรัสเซียถล่มเมืองมากมายภายใต้นโยบายผลาญภพ และได้รับการขนานนามจากสื่อรัสเซียว่า “นายพลอาร์มาเก็ดดอน” หรือนายพลวันโลกาวินาศ
การโจมตีครั้งล่าสุดของรัสเซียในวันอังคารยังเกิดขึ้นหลังจากอเมริกาเตือนว่า จะทำให้มอสโกรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมสงคราม
แครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันจันทร์ประณามการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในยูเครน โดยบอกว่าสะท้อนความโหดเหี้ยมของปูติน
ด้านมอสโกยืนกรานอีกว่า ไม่ได้จ้องโจมตีพลเรือน และกระทรวงกลาโหมแถลงว่า โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางการทหารและโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าทั่วยูเครนด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูง
ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจโคเปนเฮเกนแถลงเมื่อวันอังคารว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับความเสียหายของสายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีม” 2 จุดใต้ทะเลบอลติกฝั่งเดนมาร์ก พบว่ารอยรั่วใน 2 จุดดังกล่าว เกิดจาก “การระเบิดอย่างรุนแรง” สอดคล้องกับการสอบสวนของอัยการสวีเดนที่ระบุว่า รอยรั่วที่ท่อส่งก๊าซฝั่งสวีเดนดูเหมือนเกิดจากการระเบิด
สำหรับผลการสอบสวนเพิ่มเติมในเหตุการณ์สายท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และนอร์ดสตรีม 2 รั่วในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเดนมาร์กเมื่อวันที่ 26 กันยายนนั้น สำนักงานตำรวจแดนโคนมจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและข่าวกรองของเดนมาร์ก โดยที่สำนักงานตำรวจโคเปนเฮเกนออกตัวว่า ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า การสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด
ทั้งนี้ ทางการสวีเดนและเดนมาร์กกำลังสอบสวนกรณีพบการรั่วไหล 4 จุดบนสายท่อส่งก๊าซทั้ง 2 ท่อ ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างรัสเซียกับเยอรมนีผ่านทะเลบอลติก และกลายเป็นจุดร้อนในสงครามยูเครน
ผู้นำโลกระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่อวินาศกรรม ขณะที่มอสโกโทษว่าตะวันตกเป็นตัวการเนื่องจากอเมริกาเป็นผู้ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ แต่วอชิงตันปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)