รัสเซียใช้โดรนโจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครนในวันจันทร์ (17 ต.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 3 คน ในอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งย่านดาวน์ทาวน์เมืองหลวงเคียฟระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า รวมทั้งพุ่งเป้าหมายถล่มพวกโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ ในการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ระลอกที่ 2 ในระยะเวลา 1 สัปดาห์
พวกทหารยูเครนในเคียฟยิงอาวุธขึ้นไปบนอากาศในความพยายามที่จะสอยโดรนโจมตีเหล่านี้ ภายหลังเกิดการระเบิดหลายครั้งเขย่าบริเวณตอนกลางของกรุงเคียฟ โดยสามารถมองเห็นจรวดต่อสู้อากาศยานทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในตอนเช้า ติดตามมาด้วยการระเบิดและเปลวเพลิงสีส้ม ขณะที่ชาวเมืองพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัย
ในจำนวนผู้เสียชีวิต 3 คนจากการโจมตีอาคารพักอาศัยหลังหนึ่งนั้น เป็นหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่ง นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ วิตาลี คลิตชโก อดีตนักมวยแชมเปี้ยนโลกรุ่นเฮฟวีเวต แถลง ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน เดนีส โมนัสตีร์สกยี กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอีกหลายคนในเมืองอื่นๆ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านั้น
ด้าน อันดรูว์ เยอร์แมค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า เคียฟถูกโจมตีด้วยโดรนกามิกาเซ่ที่ผลิตในอิหร่าน ซึ่งรัสเซียคิดว่าจะได้ผลดี แต่กลับสะท้อนความสิ้นหวังมากกว่า
เขายังเรียกร้องว่า ยูเครนต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มโดยเร็วที่สุดเพื่อปกป้องน่านฟ้าและทำลายข้าศึก
สัปดาห์ที่แล้ว เซเลนสกี ก็กล่าวหาเช่นกันว่า รัสเซียใช้โดรนของอิหร่านโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในหลายเมืองของยูเครน ทว่า เตหะรานปฏิเสธว่า ไม่ได้จัดหาอาวุธให้รัสเซียทำสงครามในยูเครน
การโจมตีในวันจันทร์ (17) นี้ เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์พอดีหลังจากรัสเซียเปิดฉากถล่มด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ต่อกรุงเคียฟและหลายเมืองทั่วยูเครน ทำให้มีผู้สียชีวิตอย่างน้อย 19 คนและบาดเจ็บ 105 คน โดยระบุว่าเพื่อตอบโต้เหตุโจมตีสะพานเชื่อมระหว่างรัสเซียกับแหลมไครเมียก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน
ในวันศุกร์ (14) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า พอใจในการตอบโต้และไม่จำเป็นต้องโจมตียูเครนครั้งใหญ่ “ในตอนนี้” อีกทั้งยังอวดอ้างว่า รัสเซีย “ทำสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่าง” ในสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 8 เดือน ถึงแม้ระยะหลังๆ ในความเป็นจริงแล้วกองกำลังรัสเซียต้องถอยร่นหลายครั้งก็ตาม
ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีการสู้รบดุเดือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งทั้ง 2 แคว้นนี้รวมกันเรียกว่าภูมิภาคดอนบาส แคว้นเคียร์ซอน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ ก็เกิดการรบอย่างหนักหน่วงเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็น 3 ใน 4 แคว้นของยูเครนที่รัสเซียประกาศผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังการทำประชามติที่ถูกเคียฟและตะวันตกประณามว่าผิดกฎหมายและมีการขู่เข็ญให้ประชาชนออกเสียง
ระหว่างกล่าวปราศรัยผ่านออนไลน์ที่ทำอยู่เป็นประจำทุกคืน เซเลนสกีพูดเมื่อคืนวันอาทิตย์ (16) ว่า จุดที่มีการสู้รบหนักในดอนบาส คือ เมืองโซลดาร์ และเมืองบัคห์มุต โดยเมืองหลังนั้นเป็นเป้าหมายที่พยายามยึดให้ได้มาเป็นแรมเดือนแล้วของกองกำลังรัสเซีย หลังจากที่พวกเขามีความคืบหน้าน้อยมากในดอนบาส นับจากยึดเมืองลีซีชานสก์และซีวีโรโดเนตสก์ได้เมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอาทิตย์เช่นกันว่า สามารถสกัดกองกำลังยูเครนที่พยายามบุกชิงพื้นที่เพิ่มในโดเนตสก์ เคียร์ซอน และมิโคลาอีฟ นอกจากนั้น รัสเซียยังคงโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหารและพลังงานในยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ อเล็กซี คูเลมซิน หัวหน้าคณะบริหารแคว้นโดเนตสก์ที่เป็นพวกสนับสนุนรัสเซีย เผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ยูเครนโจมตีอาคารที่ทำการคณะบริหารเสียหาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
นอกจากนั้น ไรบาร์ ช่องรายการทางทหารโปรรัสเซียบนแฟลตฟอร์มเทเลแกรม รายงานว่า กองกำลังยูเครนยิงถล่มเมืองเบลโกรอด ทางใต้ของรัสเซียที่อยู่ใกล้พรมแดนยูเครน ซึ่งหน่วยต่อต้านอากาศยานสามารถสกัดจรวดส่วนใหญ่ได้ แต่มี 2 ลูกที่ระเบิดใกล้สนามบิน และมีผู้บาดเจ็บ 3 คน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานเมื่อวันอาทิตย์ โดยอ้างอิงการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้เริ่มต้นการสอบสวนคดีอาญาจากเหตุการณ์ที่มือปืน 2 คนบุกสนามฝึกทางทหารในเบลโกรอด และกราดยิงอาสาสมัครที่จะไปรบในยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บ 15 คนเมื่อวันเสาร์ (15) ส่วนมือปืนที่รายงานระบุว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ถูกยิงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุเพียงว่า มือปืนทั้งคู่มาจากอดีตสหภาพโซเวียต
แต่ โอเล็กซี อาเรสโตวิช เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครน บอกว่า ชายทั้งคู่มาจากทาจิกิสถานและเปิดฉากยิงเนื่องจากมีการโต้เถียงเรื่องศาสนา
ทางด้านฝ่ายข่าวกรองทางทหารของอังกฤษ ซึ่งออกข่าวเชิงลบของรัสเซียอยู่เป็นประจำ อ้างว่ารัสเซียกำลังเผชิญปัญหาการส่งกำลังบำรุงให้แก่แนวรบทางภาคใต้ของยูเครนอย่างเฉียบพลัน หลังสะพานเชื่อมกับไครเมียระเบิดเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา
โฆษกกองบัญชาการทางทหารภาคใต้ของยูเครน แถลงสำทับว่า กองกำลังรัสเซียกำลังขาดแคลนอาวุธอย่างรุนแรงเนื่องจากสะพานดังกล่าวเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธให้แก่กองทัพรัสเซียทางใต้ของยูเครนถึง 75%
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)