xs
xsm
sm
md
lg

‘รัสเซีย’ ย้ำ ‘ยูเครน’ เข้า ‘นาโต้’ คือสงครามโลกครั้งที่ 3 ขณะเดียวกันก็ยิงถล่มขีปนาวุธกว่า 40 เมืองในรอบ 24 ชม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฏิบัติงานช่วยเหลือ ณ อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งซึ่งถูกโจมตีจากขีปนาวุธรัสเซีย ในเมืองมิโคลาอีฟ ทางภาคใต้ของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) (ภาพเผยแพร่โดยสำนักงานเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครน)
รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเมืองใหญ่น้อยในยูเครนกว่า 40 แห่งในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ชาติสมาชิกองค์การนาโต้ซึ่งประชุมกันในกรุงบรัสเซลส์วันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) เปิดเผยแผนการที่จะยกระดับการป้องกันภัยทางอากาศร่วมกันในยุโรป โดยติดตั้งระบบขีปนาวุธ “แพทริออต” และอื่นๆ ด้านมอสโกเตือนซ้ำว่า ตะวันตกกำลังถูกดึงให้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการสู้รบขัดแย้ง และถ้าหากรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ก็อาจจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3

“เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่มีอันตรายและถูกข่มขู่คุกคาม” รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี คริสทีน ลัมเบรชต์ กล่าวในพิธีลงนามข้อตกลง ซึ่งเยอรมนีและสมาชิกนาโต้ในยุโรปชาติอื่นๆ อีกสิบกว่ารายให้คำมั่นสัญญาที่จะร่วมมือกันจัดซื้อจัดหาอาวุธสำหรับการสร้าง “โล่ป้องกันน่านฟ้ายุโรป” เพื่อให้สามารถพิทักษ์คุ้มครองดินแดนของพวกเขาได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทางด้านมอสโกยังคงกล่าวเตือนอีกครั้งว่า การให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ มากขึ้นอย่างที่พวกพันธมิตรนาโต้ได้ตกลงกันในการประชุมก่อนหน้านี้ ทำให้ชาติสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทางทหารซึ่งนำโดยสหรัฐฯ กลุ่มนี้กลายเป็น “ฝ่ายหนึ่งโดยตรงในการสู้รบขัดแย้งนี้” พร้อมกับบอกด้วยว่า การรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้จะกลายเป็นการจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3

อเล็กซานเดอร์ เวเนดิกตอฟ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวทาสส์ของทางการมอสโกในวันพฤหัสบดี (13) ว่า เคียฟรู้ดีว่า การเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ จะทำให้สถานการณ์ลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

ทั้งนี้ รัสเซียมักอ้างความชอบธรรมในการเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยบอกว่า “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของตนคราวนี้เริ่มต้นขึ้นเพราะความทะเยอทะยานของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้นั้นเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของรัสเซีย

อย่างไรก็ดี ไม่มีแนวโน้มว่านาโต้จะรีบรับยูเครน อย่างน้อยเนื่องจากหากรับเข้าเป็นสมาชิกในยามสงครามขณะนี้อาจดึงอเมริกาและพันธมิตรเข้าไปมีส่วนในการสู้รบขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง

แม้แต่ก่อนสงคราม นาโต้ยังถ่วงเวลาการอ้าแขนรับเคียฟ และหลังจากถูกรัสเซียรุกรานไม่นาน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ส่งสัญญาณว่า กำลังพิจารณาให้ยูเครนเป็นประเทศเป็นกลาง

ทว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า พื้นที่ที่รัสเซียยึดครองใน 4 แคว้นของยูเครน ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคียร์ซอน และซาโปริซเซีย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซียเมื่อวันที่ 30 กันยายน เซเลนสกีประกาศเปลี่ยนใจอีกครั้งและขอเร่งรัดเข้าเป็นสมาชิกนาโต้

ในอีกด้านหนึ่ง กองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพยูเครนแถลงวันพฤหัสฯ เช่นกัน ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีชุมชนกว่า 40 แห่ง หนึ่งในนั้นคือเมืองท่า มิโคลาอีฟ ทางภาคใต้ของประเทศที่ถูกถล่มอย่างรุนแรง และยูเครนได้โจมตี 32 ครั้งต่อเป้าหมายของรัสเซีย 25 แห่ง

โอเลคซี คูเลบา ผู้ว่าการแควันเคียฟ เผยในวันเดียวกันว่า รัสเซียส่งโดรน 3 ลำโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในเมืองหลวง ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า โดรนติดระเบิดที่รัสเซียใช้ผลิตในอิหร่านที่มักเรียกกันว่า “โดรนกามิกาเซ่”

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูเครนรายงานว่า ถูกรัสเซียโจมตีด้วยโดรนชาฮัด-136 ขณะที่อิหร่านยืนยันว่า ไม่ได้ส่งโดรนให้รัสเซีย ส่วนเครมลินไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของนาโต้กล่าวเตือนเมื่อวันพุธว่า ถ้าหากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีในยูเครน ก็หมายถึงการเกือบจะกระตุ้น “การตอบสนองทางกายภาพ” จากพันธมิตรของยูเครนและนาโต้ นอกจากนั้นเมื่อวันพฤหัสฯ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังย้ำความมุ่งมั่นในการปกป้องดินแดนนาโต้ทุกตารางนิ้ว

ส่วนที่นิวยอร์กในวันพุธ สมาชิก 3 ใน 4 จากทั้งหมด 193 ประเทศของสมัชชาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติสนับสนุนการประณามความพยายามของรัสเซียในการผนวก 4 ภูมิภาคของยูเครนอย่างผิดกฎหมาย

มีเพียงซีเรีย นิคารากัว เกาหลีเหนือ และเบลารุสที่ร่วมกับรัสเซียคัดค้านญัตตินี้ ขณะที่ 35 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนที่เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของมอสโก และไทย งดออกเสียง และที่เหลือไม่ลงคะแนน

ที่บรัสเซลส์ในวันพุธ กว่า 50 ชาติตะวันตกประชุมกันและให้สัญญาเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ หลังจากยูเครนถูกถล่มทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (10) จากการสั่งการของป๔ตินเพื่อแก้แค้นที่เคียฟระเบิดสะพานเชื่อมไครเมีย

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น