รัสเซียยังคงใช้อาวุธหนักโจมตียูเครนต่อในวันพุธ (12 ต.ค.) แม้เบาลงกว่า 2 วันก่อน ขณะที่ “ไบเดน” บอกไม่เชื่อ “ปูติน” ใช้อาวุธนิวเคลียร์ตามที่ขู่ พร้อมกับชี้ว่า ผู้นำหมีขาวเป็นคนมีเหตุผลตามปกติ ทว่าคำนวณผิดพลาดมหันต์ในการรุกรานคราวนี้ ด้านพวกผู้นำนาโต้อ้างการปูพรมถล่มยูเครนคราวนี้เป็นสัญญาณความอ่อนแอของมอสโกที่มีแววแพ้สงคราม ส่วนเครมลินโวยผู้นำตะวันตกยั่วยุปลุกปั่นด้วยการพูดถึง “นุก” ไม่ยอมหยุด
รัสเซียถล่มทั่วประเทศยูเครนด้วยขีปนาวุธรวมแล้วมากกว่า 100 ลูก สังหารพลเรือนอย่างน้อย 26 คน นับตั้งแต่วันจันทร์ (10) ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งโจมตี โดยระบุว่าเพื่อแก้แค้นที่ยูเครนอยู่เบื้องหลังการระเบิดสะพานเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแหลมไครเมียเมื่อวันเสาร์ (8)
สำหรับวันพุธ (12) เสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศยังคงดังทั่วยูเครนเป็นวันที่ 3 และมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธในบางพื้นที่ แต่ไม่มีสัญญาณการปูพรมถล่มทั่วประเทศแบบเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งฝ่ายรัสเซียดูเหมือนจะพุ่งเป้าหมายส่วนใหญ่ไปที่พวกโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและระบบการทำความร้อนสำหรับพลเรือน นอกจากนั้น ยังมีการโจมตีถนนที่มีการจราจรคับคั่ง สวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงใจกลางเมืองกรุงเคียฟ
ฝ่ายตะวันตกบอกว่า การถล่มโจมตีของรัสเซียเป็นการเร่งรัดให้พวกเขาจัดส่งอาวุธป้องกันภัยทางอากาศให้แก่เคียฟ โดยในวันอังคาร เยอรมนีแจ้งว่าได้จัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T SLM ชุดแรกจากที่มีแผนจัดส่งให้ยูเครน 4 ชุด ขณะที่อเมริกาเผยว่า กำลังเร่งจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ NASAMS ให้เคียฟ
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า กลุ่มยูเครน ดีเฟนซ์ คอนแท็ก ที่อเมริกาก่อตั้งขึ้นและมีกว่า 50 ชาติให้การสนับสนุนเพื่อประสานความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่เคียฟ มีกำหนดประชุมกันในวันพุธ ก่อนการประชุม 2 วันของรัฐมนตรีกลาโหมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ที่กรุงบรัสเซลส์
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ วิจารณ์ว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธเช่นนี้ของรัสเซียเป็นสัญญาณความอ่อนแอของประเทศที่กำลังเผชิญแนวโน้มในการแพ้สงคราม
เวลาเดียวกัน สโตลเทนเบิร์กบอกว่า นาโต้ยังคงเดินหน้าแผนการซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมด้านนิวเคลียร์ประจำปีที่ชื่อว่า “สเตดฟาสต์ นูน” ที่จะเปิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งกองทัพอากาศของพวกรัฐสมาชิกนาโต้จะฝึกใช้ระเบิดนิวเคลียร์ของอเมริกาที่ติดตั้งในยุโรป ถึงแม้อาจไม่มีการติดหัวรบของจริง ทั้งนี้ เลขาธิการนาโต้บอกว่า การซ้อมรบนี้วางแผนขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนด้วยซ้ำ ไม่ใช่เป็นปฏิกิริยาตอบโต้การข่มขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ของปูติน
ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นที่นำออกเผยแพร่เป็นบางส่วนตั้งแต่วันอังคาร (11) ว่า เขาเชื่อว่า ปูติน เป็นผู้ดำเนินนโยบายตามเหตุผลปกติทั่วไป แต่คำนวณพลาดอย่างมหันต์ โดยประมุขเครมลินคิดว่าชาวยูเครนจะต้อนรับรัสเซีย และประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความเด็ดเดี่ยวดุดันในการต่อต้านของชาวยูเครน
ประมุขทำเนียบขาวยังไม่เชื่อว่า ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงตามที่ขู่ ขณะที่สโตลเทนเบิร์กกล่าวกับผู้สื่อข่าวในบรัสเซลส์ว่า นาโต้ไม่พบสัญญาณว่ารัสเซียเปลี่ยนสถานะในเรื่องนิวเคลียร์แต่อย่างใด
ไบเดน ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นคราวนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมแบบทางไกลกับพวกผู้นำชาติอื่นๆ ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี7) โดยในการประชุมคราวนี้ พวกผู้นำจี7 รับทราบถึงเสียงเรียกร้องของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ที่ให้สร้างโล่ป้องกันทางอากาศแก่ยูเครน เพื่อรับมือการโจมตีของรัสเซีย
ทางด้านรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นของไบเดนว่า รัสเซียเสียใจที่บรรดาผู้นำตะวันตก ทั้งในอเมริกาและยุโรป เอ่ยอ้างถึงนิวเคลียร์ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นการยั่วยุที่อันตรายมาก
ทั้งนี้ ปูตินเคยประกาศเตือนตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนว่า เขาไม่ได้แค่ขู่ตอนที่บอกว่า พร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องรัสเซียจาก “การแบล็กเมล์ด้วยนิวเคลียร์” ของมหาอำนาจตะวันตก
เปสคอฟสำทับว่า การแสดงความคิดเห็นของสโตลเทนเบิร์กที่ว่า ถ้าปูตินชนะสงครามจะถือเป็นความพ่ายแพ้ของตะวันตกนั้น แสดงให้เห็นว่า นาโต้กำลังเข้าร่วมรบด้วยโดยอยู่กับฝ่ายยูเครน
สำหรับสถานการณ์การสู้รบในสมรภูมิต่างๆ ที่ยูเครนนั้น กองทัพยูเครนอ้างว่า ได้ขับไล่ทหารรัสเซียออกจากชุมชนหลายแห่งทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนิโปร บริเวณใกล้เมืองเบอริสลาฟ ในแคว้นเคียร์ซอนที่รัสเซียยึดครองอยู่
ส่วน โอเลคซานดร์ สตารูคห์ ผู้ว่าการแคว้นซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นคนของฝ่ายเคียฟ บอกว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารหลายหลังในเมืองซาโปริซเซียเมื่อคืนวันอังคาร แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ด้านสื่อรัสเซียรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดในเคียร์ซอนและเมลิโทโปล อันเป็นพื้นที่ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งรัสเซียเพิ่งประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตน
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดารัฐมนตรีพลังงานของสหภาพยุโรป (อียู) นัดประชุมกันที่ปราก เพื่อหาวิธีรับมือวิกฤตพลังงานอันเนื่องมาจากสงครามยูเครน
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ เพิร์น ผู้ดำเนินการท่อส่งน้ำมันของโปแลนด์ ตรวจพบรอยรั่วในท่อหนึ่งของระบบสายท่อส่ง “ดรุซบา” ที่ลำเลียงน้ำมันจากรัสเซียไปยังยุโรป แม้บริษัทระบุว่าอาจเกิดจากอุบัติเหตุก็ตาม
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
