อีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก เปลี่ยนใจกลับมายื่นข้อเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ (Twitter) อีกครั้งวานนี้ (4 ต.ค.) ในวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 54.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น เท่ากับที่เคยเสนอไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทวิตเตอร์หยุดดำเนินคดีกับตนเองฐานพยายามถอนตัวออกจากข้อตกลง
ดีลธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ‘เทสลา’ และ ‘สเปซเอ็กซ์’ เข้ามาครอบครองแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดเจ้าหนึ่งของโลก และยังช่วยปิดฉากคดีความที่บั่นทอนทั้งภาพลักษณ์ของแบรนด์ทวิตเตอร์ และทำให้ มัสก์ ดูเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีพฤติกรรมเชื่อถือไม่ได้
มัสก์ ทวีตข้อความวานนี้ (4) ว่า การเข้าซื้อทวิตเตอร์จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการสร้างแพลตฟอร์มหลอมรวมทุกอย่างที่เขาเรียกมันว่า ‘X’ ได้สำเร็จเร็วขึ้น
ข้อเสนอใหม่ของ มัสก์ มีขึ้นก่อนที่เขาและทวิตเตอร์จะต้องเผชิญหน้ากันในศาลที่รัฐเดลาแวร์ ในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งแต่เดิมนั้นทวิตเตอร์จะขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับ มัสก์ ให้ต้องปิดดีลธุรกิจนี้ในวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ตามที่ตกลงแต่แรก
มัสก์ ได้ยื่นจดหมายถึงทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ (3) ว่าเขาพร้อมจะ “เดินหน้า” ซื้อกิจการภายใต้เงื่อนไขเดิม โดยมีเงื่อนไขว่าผู้พิพากษาศาลรัฐเดลาแวร์จะต้องระงับการดำเนินคดีไว้ก่อน ขณะที่โฆษกทวิตเตอร์ยืนยันว่าได้รับจดหมายดังกล่าวจริง แต่ยังไม่ยืนยันว่าทวิตเตอร์จะรับข้อเสนอหรือไม่
ก่อนหน้านี้ มัสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดประกาศเมื่อเดือน ก.ค. ว่าเขาอาจถอนตัวจากข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ โดยอ้างว่าจำนวนบัญชีปลอม หรือ ‘bot accounts’ นั้นมากกว่าตัวเลข 5% ที่ทางบริษัทประเมินไว้หลายเท่าตัว
ฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ มัสก์ ว่าจ้างประเมินว่าทวิตเตอร์น่าจะมีบัญชีปลอมอยู่ระหว่าง 5.3-11% ของจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด
หลายฝ่ายเชื่อว่า มัสก์ จะสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและลดการควบคุมเนื้อหาในทวิตเตอร์ลง ขณะที่บรรดาแฟนคลับของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็แอบหวังกันอยู่ว่า มัสก์ อาจจะยอมคืนบัญชีให้กับเขา หลังจากที่ ทรัมป์ โดนทวิตเตอร์แบนถาวรจากการยั่วยุให้ผู้สนับสนุนเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021
ตัวของ มัสก์ เองก็เคยใช้ทวิตเตอร์จุดประเด็นดรามาในสังคมมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดก็เมื่อวันจันทร์ (3) ที่เขาออกมาเสนอแผนสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน จนถูกประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี และทูตยูเครนประจำเยอรมนีสวดยับ
ที่มา : รอยเตอร์