พล.ร.อ.ชาร์ลส์ ริชาร์ด ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ประกาศกร้าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเย็น อเมริกามีความเป็นไปได้ที่จะทำสงครามนิวเคลียร์กับอริศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมหนึ่งซึ่งจัดโดยกองทัพอากาศ ในรัฐแมริแลนด์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ รายนี้อ้างว่าอเมริกาจำเป็นต้องเตรียมพร้อมอย่างเร่งด่วนพื่อรับมือกับฝ่ายตรงข้าม และเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินของตนเอง
"เราทุกคนในห้องนี้กลับสู่ภารกิจแห่งการครุ่นคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับความขัดแย้งติดอาวุธโดยตรงกับคู่ปรับที่มีแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์" เขากล่าว ซึ่งความคิดเห็นนี้ปรากฏอยู่ในรายงานสรุปของเพนตากอน "เราไม่ได้ทำเช่นนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว"
"รัสเซียและจีนสามารถขยายความรุนแรงได้ทุกระดับตามที่พวกเขาเลือกในทุุกอาณาเขต ด้วยวิถีทางของมหาอำนาจโลก" เขากล่าว "เราไม่เคยเผชิญคู่แข่งและฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้มานานแล้ว"
ในความเป็นปรปักษ์กับรัสเซีย ปัจจุบันสหรัฐฯ ติดหล่มในสงครามตัวแทนกับรัสเซียในยูเครน และยังคงทำตามคำสัญญาอย่างต่อเนื่องในการจัดหาอาวุธ ข่าวกรองและความช่วยเหลือทางการเงินแก่เคียฟ นับตั้งแต่มอสโกส่งทหารบุกเข้าไปยังในยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
หลักการนิวเคลียร์ในปัจจุบันของรัสเซีย คืออนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีที่มีการโจตีทางนิวเคลียร์ใส่ดินแดนหรือโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาก่อน หรือในกรณีที่ความดำรงอยู่ของรัฐรัสเซียกำลังถูกคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทั่วไป
ส่วนหลักการนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ คืออนุญาตให้ใช้นิวเคลียร์โจมตีก่อน "ในกรณีแวดล้อมถึงขีดสุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์สำคัญของอเมริกา พันธมิตรและคู่หูทั้งหลาย"
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวในวันพุธ (21 ก.ย.) ประกาศว่าเครมลิน "จะลงมือโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ในการใช้ทุกหนทางที่มีในการปกป้องรัสเซียและประชาชนของเรา" หากดินแดนของรัสเซียถูกคุกคาม
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เตือนเช่นกันว่าสหรัฐฯ กำลังโซเซอยู่บนขอบเหวของการเข้ามาเป็นฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงครามยูเครน พร้อมระบุวอชิงตันเสี่ยงก่อให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างมหาอำนาจทางนิวเคลียร์
คำเตือนแบบเดียวกันก็ดังออกมาจากฝั่งสหรัฐฯ เช่นกัน ในนั้นรวมถึงจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกล่าวเมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) ว่าความขัดแย้งนี้ ที่เขามองว่าไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก อาจจบลงด้วยการลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)