ชาวรัสเซียอายุถึงเกณฑ์บางส่วนรุดเดินทางไปยังชายแดนในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) หลบหนีการระดมทหารกองหนุนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่บรรดาชาติมหาอำนาจของโลกรุมโวยวายในมอสโกในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ กล่าวหาโหมกระพือสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนให้ลุกลามบานปลาย
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ตอบโต้ด้วยท่าทีท้าทายและปกป้องประวัติของมอสโก รวมทั้งยังกล่าวหาเคียฟกับพันธมิตรตะวันตกว่ากำลังคุกคามประเทศของเขา ก่อนวอล์กเอาต์หลังสิ้นสุดการปราศรัยต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
เหตุเผชิญหน้าทางการทูตครั้งนี้มีขึ้น 1 วันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งระดมพลรอบใหม่สำหรับทำสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 เดือน ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันราย ทำชาวบ้านหลายล้านคนต้องอพยพถิ่นฐาน ทำลายเมืองต่างๆ และก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ เขายังพูดถึงแผนการผนวก 4 แคว้นของยูเครน โดยบอกว่ามอสโกจะให้ความช่วยเหลือการลงประชามติที่มีกำหนดเริ่มขึ้นในวันศุกร์ (23 ก.ย.) ที่จะเปิดทางให้ทั้ง 4 แคว้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของรัสเซีย พร้อมกับขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ บอกกับที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาาติ ว่า การพูดถึงความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ "เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง" และบอกว่าความเคลื่อนไหวผนวกดินแดนใดๆ จะเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ลาฟรอฟ กล่าวหาเคียฟเหยียบย่ำสิทธิของชาวรัสเซียและประชาชนที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน "ผมรับประกันกับคุณได้เลยว่า เราจะไม่มีวันยอมรับในเรื่องนี้" เขากล่าว "ทุกอย่างที่ผมพูดในวันนี้ เป็นการยืนยันง่ายๆ เลยว่า การตัดสินใจเปิดปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"
หนนี้ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 20 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเรื่องยูเครนในปีนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา องค์กรแห่งนี้ไม่สามารถดำเนินการใดๆ อย่างมีนัยสำคัญ เพราะว่ารัสเซียมีสิทธิวีโต้ในฐานะสมาชิกถาวร เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และจีน
ผลสำรวจความคิดเห็นในรัสเซีย บ่งชี้ว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ยังคงให้การสนับสนุนปฏิบัติการแทรกแซงทางทหารของมอสโกในยูเครน แต่การเรียกระดมพลอาจเป็นความเคลื่อนไหวที่เสี่ยงสำหรับปูติน หลังจากที่ผ่านมา เครมลินให้สัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ทว่าสุดท้ายมันก็เกิดขึ้นท่ามกลางความล้มเหลวในการสู้รบในหลายสมรภูมิในยูเครน
รัสเซียระบุว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับการหลบหนีหมู่นั้นเป็นข่าวที่เกินเลยความจริง ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนหลายสำนักของรัสเซียรายงานในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) ว่ามีประชาชน 10,000 คน สมัครใจร่วมสู้รบ ตั้งแต่ก่อนหน้าเอกสารเรียกตัวจะถูกส่งไปถึงแล้ว
เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียระบุในวันพุธ (21 ก.ย.) ว่า เบื้องต้นรัสเซียจะระดมทหารกองหนุนราว 300,000 นาย หลังจาก ปูติน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เตือนว่ามอสโกจะใช้หนทางทางทหารทั้งหมดที่มีในยูเครน
ราคาค่าตั๋วสำหรับขึ้นเครื่องบินเดินทางออกจากกรุงมอสโก พุ่งขึ้นเหนือ 5,000 ดอลลาร์ สำหรับเที่ยวบินขาเดียว ไปยังต่างประเทศที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วขายหมดเกลี้ยงในช่วงเวลาไม่กี่วัน ในขณะที่การสัญจร ณ จุดผ่านแดนติดกับฟินแลนด์และจอร์เจียก็คับคั่งเช่นกัน
แอโรฟลอต สายการบินแห่งชาติเผยว่าจะคืนเงินแก่ผู้โดยสารที่ไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ตามแผน สืบเนื่องจากถูกเรียกระดมพล
ในส่วนของสถานการณ์การสู้รบ เกิดเหตุระเบิดหลายจุดสั่นสะเทือนภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ก่อนหน้าที่ศึกลงประชามติที่พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกวางแผนจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การลงมติที่ทางเคียฟและพันธมิตรประณามว่าน่าอดสู
ทหารรัสเซียยิงขีปนาวุธ 9 ลูกใส่เมืองซาปอริซเซีย โดนโรงแรมแห่งหนึ่งและสถานีไฟฟ้าอีกแห่ง จากการเปิดเผยของโอเล็กซานด์ร สตารุคช์ ผู้ว่าการแคว้น พร้อมระบุมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และคนอื่นๆ หลายคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ที่เมืองเมลิโตโปล เมืองทางใต้ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียและอยู่ในแคว้นซาปอริซเซียเช่นกัน เกิดเหตุระบิดที่ตลาดแห่งหนึ่งซึ่งแออัดไปด้วยผู้คน จากการเปิดเผยของนายกเทศมนตรีผู้หลบหนี ส่งผลให้ทหารเสียชีวิต 3 นาย และบอกว่ามันเป็นฝีมือของกองกำลังผู้รุกรานที่หวังจัดฉากกล่าวหายูเครนลงมือก่อการร้าย ส่วนทางคณะบริหารท้องถิ่นที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย กล่าวหากองกำลังพิเศษยูเครนกำลังพยายามก่อความวุ่นวายก่อนหน้าศึกลงประชามติ
นอกจากนี้ พวกกบฏแย่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย ยังเปิดเผยด้วยว่ามีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และได้รับบาดเจ็บ 6 คน จากเหตุยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งโจมตีใส่ตลาดแห่งหนึ่งในย่านกลางเมืองโดเนตส์ก
(ที่มา : รอยเตอร์)
